9.จังหวะนรก
Chapter09. จังหวะนรก
“วาจะไปเข้าห้องน้ำ“
พรึ่บ!
”ค่อยไปต่อที่ห้อง“ ผมผละหน้าออกผู้หญิงที่เพื่อนเรียกมาให้ด้วยความแผ่วเบา ก่อนจะก้มลงกระซิบช้างหูของเธอ
”ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวโบว์รินเหล้าให้นะคะ” เธอยิ้มบอกผมอย่างเอาใจ
ในขณะที่ดวงตาของผมยังคงมองตามแผ่นหลังเล็กของนาวาไปอยู่ ตอนนี้ผมเองก็บอกไม่ได้ว่าทำไมถึงได้สนใจคนตัวเล็กนัก ทั้งๆที่หลังจากวันนั้นเธอก็ไม่ได้พูดถึงความรับผิดชอบอะไรต่อเรื่องที่เกิดขึ้นนั่นอีก แต่การได้กลับมาเผชิญหน้ากันในวันนี้กับสถานที่แบบนี้ ทำให้ผมรับรู้ได้ว่าคนตัวเล็กพยายามเลี่ยงหนีผมอย่างชัดเจน อีกทั้งระหว่างเราสองคนยังเกิดความอึดอัดเล็กๆน้อยๆขึ้นมา โดยที่หลายคนอาจจะไม่ทันสังเกตุเห็น
ผมควรตามเธอไปเพื่อเคลียร์ไหม....
ผมไม่ชอบเลยที่นาวาทำสีหน้าเฉยชาใส่ผม ผมอยากให้เธอยิ้มให้ผม หัวเราะให้ผมและอยากให้เราสองคนกลับมาทะเลาะกันเหมือนเดิม เป็นเพราะผมเองสินะ ทุกอย่างมันถึงได้กลับกลายมาเป็นแบบนี้
“มึงจะไปไหน” เสียงไอ้เคย์เดนเอ่ยถามผมขึ้นมา เมื่อเห็นผมลุกขึ้นยืนแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“สูบบุหรี่”
“ให้โบว์ไปเป็นเพื่อนไหมคะ“
”ไม่เป็นไร“ ผมตอบเพียงเท่านั้นก่อนจะสาวเท้าของตัวเองออกมาจากห้องวีไอพี เพื่อเดินไปยังจุดสูบบุหรี่ที่ถูกแบ่งเอาไว้เป็นโซนอย่างดี
ขนาดเปิดวันแรก คนยังแน่นขนาดนี้
ผมยืนสูบบุหรี่อยู่สักพักก่อนจะสาวเท้ากลับเข้ามาในผับด้วยสีหน้าปกติ จนกระทั่งมาถึงบริเวณจุดเชื่อมต่อของบันไดที่นำทางขึ้นมาชั้นสอง ผมได้ยินเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา มันคือเสียงของนาวากับใครคนหนึ่ง ผมจึงตัดสินใจหยุดชะงักเพื่อรอฟังบทสนทนานั้นก่อนด้วยความสนใจ
ในขณะเดียวกันนั้น
พลั่ก!
”อะอ๊ะ! นะนี่เดินดูทางหน่อยสิ!“ นาวาที่อยู่ในอาการมึนๆเงยหน้าขึ้นมาเอาเรื่องใครบางคนที่เดินชนเธอด้วยสีหน้าคิ้วขมวด
“ใครกันแน่ที่ต้องเดินดูทาง“ เสียงทุ้มของคนแปลกหน้าดังขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าหล่อที่แสยะยิ้มเหยียดออกมานิดๆ เขากำลังขำกับคนตรงหน้าที่ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเอาเสียเลยว่าตัวเองต่างหากที่เดินไม่ตรงทาง
”อะไรนะ! นายว่าฉันเหรอ“ ปากเล็กไม่รอช้าที่เอ่ยปากเอาเรื่องคนตรงหน้าต่อไป ยิ่งอีกคนเหยียดยิ้มมุมปากใส่เธอ คนที่โดนแอลกอฮอล์ทำลายระบบประสาทไปบางส่วนก็ยิ่งรู้สึกขุ่นเคืองใจ!
”หึ ไม่เจอกันนาน ดังขี้หัวร้อนเหมือนเดิมสินะนาวา“
ใบหน้าสวยชะงักไปแทบจะทันที เมื่อคนตรงหน้าเอ่ยชื่อเธอออกมา....
”นะนายรู้จักฉันได้ไง นายเป็นใคร!?“
“เฮ้อ น่าเสียใจจังที่เธอจำฉันไม่ได้ ฉันเสียใจนะเนี่ย” เจ้าของใบหน้าหล่อตี๋ถือวิสาสะโน้มหน้าลงมาหาร่างสวยใกล้ๆ ทำให้ตอนนี้ใบหน้าของเขาและเธออยู่ห่างกันเพียงแค่คืบเท่านั้น
นาวาที่อยู่ในอาการมึนงงก็ไม่ได้โน้มตัวหลบแต่อย่างใด อีกนิดเดียวจมูกของเขากับเธอก็แทบจะชนกันอยู่แล้ว ในจังหวะนั้นเองความทรงจำสมัยที่เรียนอยู่มัธยมก็เริ่มหลั่งใหลเข้ามาในสมองเล็กทีละนิด
“นิกกี้!!“
”ไง~ ยัยแฟนเก่า“
ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองได้บังเอิญเจอแฟนคนแรกสมัยอายุสิบห้าสิบหกปี แม้จะผ่านไปแค่ไม่กี่ปีแต่นิกกี้ก็เปลี่ยนไปเยอะมาก โดนเฉพาะทรงผมเซอร์ๆแบบนี้ เธอไม่คิดเลยว่าหมอนี่จะมีมุมแบบนี้กับเขาด้วย
“นาย! กลับมาตั้งเเต่เมื่อไหร่? ไหนว่าไปเรียนอยู่เมกาไง” นาวาถามคนตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงอยากรู้เต็มไปหมด
“เพิ่งกลับมาได้ไม่ถึงเดือน ช่วงนี้มหหาลัยฉันปิดเทอม แล้วนี่เธอมากับใคร เดี๋ยวนี้เมาด้วยเหรอ” ร่างสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตรเอ่ยถามคนตรงหน้าออกไปอย่างสนอกสนใจ
เขาไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้เจอกับนาวา รักแรกของตัวเองในสถานการณ์แบบนี้ ตอนนั้นหากเขาไม่จำเป็นต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เขากับเธอก็อาจจะไม่ต้องเลิกกันหรอก แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย ความรักแบบเด็กๆ พอหวนกลับไปนึกถึง มันก็ฟังดูน่ารักดี
“มากับพี่ฉันน่ะสิ นี่ผับพี่ฉันนะ ถามจริงฉันดูเหมือนคนเมาตรงไหนเหรอ?”
“อ่อ ผับพี่ชายเธอ พี่นาวินสินะ แล้วก็คำถามที่เธอถามฉันเมื่อกี้น่ะ.....” นิกกี้ใช้สายตามองคนตัวเล็กตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าเพื่อพิจารณาหาคำตอบให้เธอ
“.....เธอดูเหมือนคนเมาทุกตรงเลย หน้าก็แดงแถมยังเดินไม่ตรงทางอีก มาเดินเพ่นพ่านแบบนี้ไม่กลัวโดนฉุดหรือไง” ใบหน้าหล่อเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มยียวนอยู่ไม่น้อย แม้จะไม่ได้เจอกันมานานหลายปี แต่นาวาก็ยังคงน่่รักไม่เปลี่ยนสำหรับเขา
”เหอะ! นายใส่ร้ายฉัน นี่ผับพี่ฉันนะ ใครมันจะกล้ามาฉุดฉันกัน“ นาวาตอบกลับเสียงเหวี่ยงตามประสาคนดื้อที่ไม่ยอมรับในอาการเมาของตัวเอง
”ฉันไง“
”ฮะ?“
นิกกี้ส่งยิ้มให้คนตรงหน้าด้วยท่าทางทะเล้นอยู่ไม่น้อย คำตอบหยอกเล่นของเขาทำเอานาวามีสีหน้าที่เหว๋อไปเลย
”เอ่อ ขอทางหน่อยครับ” ในขณะที่ทั้งสองกำลังยืนคุยกันอยู่ก็มีลูกค้าคนอื่นๆเดินสวนขึ้นมาพอดี มือหนาของนิกกี้จึงเอื้อมไปดึงแขนบางมาอีกทางอย่างถือวิสาสะเพื่อหลบให้ผู้ชายคนนั้นเกินไปก่อน
ส่งผลให้ตอนนี้ นาวากำลังยืนหลังพิงกำแพงอยู่ หน้าของเธอหันมาเผชิญกับนิกกี้อีกพร้อมกับร่างสูงของอดีตแฟนเก่ากำลังยืนบังตัวเธอเอาไว้จนมิด
ฟึ่บ!
”อ๊ะ! ทำอะไรของนายเนี้ย“
“ดึงเธอหลบไง ไม่เห็นเหรอว่าเธอยืนขวางทางเดิน....”
“....ทำไม? คิดว่าฉันจะจูบเธอหรือไง” หนุ่มดีกรีนักเรียนนอกกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์พูดออกมาอย่างชอบใจกับท่าทางกระพริบตามปริบๆของอีกคน มันยังคงดูไร้เดียงสาเหมือนเคย
จูบเหรอ.....
ภาพในห้องวีไอพีเมื่อครู่ฉายแวบเข้ามาในสมองของหญิงสาว คนเรา....จะสามารถจูบกับคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยได้จริงๆน่ะเหรอ?
“นาย....เคยจูบกับคนที่ไม่ได้ชอบไหม“ ไม่รู้อะไรดลใจให้ปากเล็กขยับถามอดีตแฟนเก่าออกมาแบบนั้น
แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ เจคอปที่ยืนฟังอยู่อีกฝั่งกำลังรู้สึกคิ้วกระตุกกับคำถามที่น้องสาวของเพื่อนเอ่ยถามผู้ชายคนนั้นออกไป
ใช่....เขายืนฟังอยู่ตั้งแต่ประโยคแรกที่ทั้งสองคุยกันแล้ว เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาต้องมายืนแอบฟังเธออยู่ตรงนี้ด้วย ทั้งๆที่เขาจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเลยก็ได้
ถ้าหากคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ใช่นาวา....เขาจะรู้สึกหงุดหงิดอย่างที่กำลังเป็นอยู่ไหมนะ
“ทำไมอยู่ๆถึงถามฉันแบบนั้นล่ะ” นิกกี้เอ่ยถามคนตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ เพราะคำถามที่นางาถามออกมา สำหรับวัยรุ่นเมกาแบบเขา มันก็ฟังดูแปลกอยู่พอสมควร
”ก็....ฉันอยากรู้ไง“
”หึ หน้าเธอเหมือนกำลังอ้อนให้ฉันจูบ”
“เธอกำลังจะบอกว่าไม่ได้ชอบฉันแล้วเหรอก๋เลยอยากลองจูบกับฉัน?” คิ้วหนาเลิ่กขึ้นถามอย่างต้องการหยอกล้อคนตรงหน้า
ถ้าถามว่าเขายังชอบเธออยู่ไหม ก็ตอบได้เลยว่ายังชอบ แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแล้วก็คงไม่แปลกอะไร เพราะเขากับนาวาเลิกกันไปนานแล้วมากๆ แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ได้แปลว่าจะกลับมาชอบกันไม่ได้อีกนี่....จริงไหม?
“นายกล้าจูบฉันไหมล่ะ“ นาวาที่อยู่ในอารมณ์อยากรู้อยากลองก็ไม่รอช้าที่จะเอ่ยท้าทายอีกคนออกไป ภาพของเจคอปที่จูบก็เด็กเอนเตอร์เทนคนนั้นแทรกเข้ามาในหัวของเธอไม่หยุด
”.....“ นิกกี้ได้ยินแบบนั้นก็ไม่ตอบอะไร เขาทำเพียงกระตุกยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆโน้มตัวลงไปหมายจะกดจูบอีกคนตามคำท้าทายของเธอ อย่างไม่คิดจะปฎิเสธ
พรึ่บ!
”จะทำอะไร!?“