10.อยากโดนนักใช่ไหม
Chapter10. อยากโดนนักใช่ไหม
“จะทำอะไร!?”
การกระทำทุกอย่าหยุดชะงักไปทันควัน เมื่อจู่ๆก็มีเสียงเข้มของบุคคลปริศนาดังขึ้นมาขัดจังหวะ นิกกี้กับนาวาค่อยๆผละสายตาออกจากกัน หันไปมองบุคคลที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่อย่างช้าๆ
“พะพี่เจคอป!” นาวาตกใจทำตาโตขึ้นมาราวกับว่าเธอค่อยๆได้สติ แววตาเข้มดุของเขาที่จับจ้องมายังเธอนั้นทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาซะงั้น
ถ้าหากพี่วินรู้เรื่องนี้ละก็.....เธออาจจะไม่ได้ออกมาเที่ยวผับอีกเลยตลอดชีวิต!!
“รู้จักเหรอ” นิกกี้ที่เห็นแบบนั้นก็ค่อยๆยืดตัวตรง ผละกายกำยำของตัวเองออกห่างจากร่างเล็กมาเล็กน้อย แต่สายตาก็ยังคงจับจ้องไปยังร่างสูงตรงหน้าอย่างไม่มีความเกรงกลัวใดๆเหมือนเดิม
“อะอืม พะเพื่อนพี่ชายฉันเอง” ปากเล็กพยายามข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงประหม่าขั้นสุด
ตอนนี้นาวาไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น นอกจากกลัวเขาจะเอาเรื่องนี้ไปบอกพี่ชายของเธอ
“อ่อ เพื่อพี่ชายเองเหรอ.....“ นิกกี้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงคล้ายพึมพัม เพราะสายตาที่เจคอปใช้มองเขา มันดูเหมือนไม่ใช่สายตาของพี่ชายแบบธรรมดา
มันมีความหงุดหงิดซ่อนอยู่ในนั้นด้วย
”......สวัสดีครับ ผมนิกกี้ครับเป็น‘แฟนเก่า‘ของนาวา“ หนุ่มนักเรียนนอกฉีกยิ้มกว้างส่งไปให้คนตรงหน้า พร้อมกับคำแนะนำตัวที่ทำเอาเจคอปรู้สึกคิ้วกระตุกอยู่ไม่น้อย
“ฉันเจคอปเป็น‘พี่ชายคนสนิท’ของนาวา“
“O_O" นาวาได้แต่ยืนงงเป็นไก่ตาเเตกกับสถานการณ์มาคุตรงหน้า
เธอไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่าระหว่างสองคนนี้มันมีกลิ่นอะไรแปลกๆ มันฟังดูไม่ใช่การแนะนำตัวกันแบบธรรมดา
“พี่ชายคนสนิท งี้นี่เอง หึ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” นิกกี้ทวนคำพูดนั้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะยื่นมือของตัวเองไปไว้ด้านหน้าของอีกคนหวังทำความรู้จักพีาชายคนสนิทขอบอดีตแฟนอย่างเป็นทางการ
“.......”
เจคอปเห็นแบบนั้นก็นิ่งไปสักพัก ก่อนจะยอมยื่นมือมาจับอีกคนตามมารยาท
“พี่ชายเธอมาตามแล้ว งั้นวันนี้ฉันคงต้องไปก่อน“ นิกกี้หันมาบอกคนตัวเล็กที่ยืนเงียบอยู่นาน เพราะเธอ...แทบจะพูดอะไรไม่ออกพอได้เห็นหน้าของเจคอปแบบใกล้ๆแบบนี้ในรอบหลายวัน
หัวใจมันเริ่มสั่นไหว....
”อะอื้ม ไว้เจอกันนะ“
”เธอยังใช้ไลน์เดิมอยู่ไหม“
”ใช่ ทำไมเหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวฉันทักไปนะ เผื่อไว้วันหลังเราจะได้ไปหาอะไรสนุกๆทำกันไง :)“
แม้ปากจะพูดกับแฟนเก่าแต่ใบหน้าหล่อตี๋กลับจ้องมองไปยังร่างสูงของเจคอปที่ยืนมองเขากับนาวาคุยกันอยู่ไม่วางตา ก่อนที่นิกกี้จะแสยะยิ้มมุมปากขึ้นมาด้วยความกวนอารมณ์อยู่ไม่น้อย
“อ่อ ได้สิ”
“ฉันไปล่ะ บาย” เมื่อพูดในสิ่งที่อยากพูดไปจนหมดแล้ว นิกกี้ก็ไม่รอช้าที่จะเดินลงบันไดไปเพราะเพื่อนของเขาจองโต๊ะเอาไว้ด้านล่าง
ลับหลังนิกกี้ไปแล้ว.....ทุกอย่างระหว่างคนสองคนก็ตกอยู่มนความเงียบงันเช่นเคย มีแต่เสียงเพลงจังหวะมันๆเท่านั้นที่ดังอยู่รอบๆตัว ความอึดอัดเริ่มคลืบคลานขึ้นมา จนกระทั่ง
”ห้ามบอกพี่วินนะคะ“ สุดท้ายนาวาที่ทนความรู้สึกพวกนั้นไม่ไหวก็จำต้องเป็นฝ่ายโพล่งออกมาก่อน
เรื่องนี้จะให้นาวินรู้ไม่ได้เด็ดขาด!
ผมตวัดสายตามองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่งที่สุดในชีวิต ถ้าเมื่อกี้ผมไม่ห้ามเอาไว้ คนตัวเล็กก็คงได้จูบกับไอ้หน้าตี๋นั่นจนหนำใจไปแล้วสินะ
บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตอนนี้ผมกำลังรู้สึกอะไร ผมรู้แค่ว่าไม่อยากให้นาวาทำแบบนั้นเลย เธอเป็นผู้หญิงและอายุยังไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ หากไอ้วินรู้เรื่องนี้เข้า ผมก็พอจะเดาออกว่าคนตัวเล็กจะโดนอะไรบ้าง ยิ่งถ้าถึงหูลุงมาติเนส....ผมว่าเรื่องนี้อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่
เป็นถึงลูกหลานมาเฟีย แต่เธอไม่รู้จักระวังตัวเอาเสียเลย
”คิดอะไรอยู่นาวา ทำไมถึงทำแบบนั้น“ ผมอดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยน้ำเสียงดุเพราะผมไม่เข้าใจในความคิดของเธอเลยจริงๆ
ทุกวันนี้การกอดจูบกันเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่น เรื่องนั้นผมเข้าใจ แต่เท่าที่ดูนาวาไว้ใจไอ้หมอนั่นมากเกินไป ถึงจะเป็นแฟนเก่าก็เถอะ แต่หากเกิดอะไรขึ้นมา....เธอเคยนึกถึงบ้างไหมว่ามันจะเกิดผลเสียอะไรบ้าง
”พี่หมายถึงอะไรเหรอ?“ ปากเล็กขยับถามผมกลับมาด้วยสีหน้าไม่รู้สึกผิดอะไรทั้งน้้น
แถมเธอยังลอยหน้าลอยตาจ้องหน้าผมกลับอย่างไม่ลดละแบบนั้นอีก มันทำให้ผมที่พยายามใจเย็นพูดคุยกับเธอ เริ่มรู้สึกอยากจะจับอีกคนมาฟาดก้นเสียให้เข็ด! คราวหลังจะได้ไม่ทำอะไรที่เสี่ยงๆแบบนี้อีก
“เรารู้ว่าพี่หมายถึงอะไร อยากโดนมันจูบมากขนาดนั้นเลยหรือไง”
“อืม อยาก”
“......” คำตอบของเธอทำเอาผมหยุดชะงักจ้องหน้าเธอนิ่ง พยายามนับหนึ่งถึงร้อยเอาไว้ในใจ ผมไม่ได้อยากจะทะเลาะกับนาวาเพิ่มเติมเพราะเรื่องแบบนี้
“แล้วเรามั่นใจได้ยังไงว่าหมอนั่นเป็นคนยังไง คราวหลังอย่าทำอะไรแบบนี้อีกนะ มันเสี่ยงมากรู้ไหม อย่าไว้ใจผู้ชายมากจนเกินไป“
ผมเตือนน้องสาวของเพื่อนออกไปด้วยความหวังดี นาวายังเด็กเกินไป เธอยังแยกแยะผู้คนไม่ออกขนาดนั้น
”เหอะ! แล้วทีพี่ล่ะ!?” นาวาเหยียดยิ้มก่อนตะตะโกนถามผมขึ้นมา
“อะไร?“
”ทีพี่ยังจูบกับผู้หญิงไปทั่วได้เลย ทำไมอะ พอวาจะทำบ้างไม่ได้เหรอ?“ คนตัวเล็กกอดอกถามผมออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูค่อนข้างประชดประชันอยู่ไม่น้อย เธออาจจะเมาถึงได้มีท่าทางแบบนี้
”แต่เราเป็นผู้หญิงนะ เราควรจะ.....“
”วาจะทำอะไรแล้วพี่จะมายุ่งทำไม หมอนั่นเป็นแฟนเก่าวาไม่ใช่คนที่วาไม่รู้จักส้กหน่อย ต่อให้วาจะจูบหรือจะไปเอากันมันก็เรื่องของวา ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่!!”
“.........”
จู่ๆนาวาก็ระเบิดอารมณ์ใส่ผม นั่นทำให้ผมรู้สึกฉุนขึ้นมาทันตาเห็น อันที่จริงผมเองก็ไม่ใช่คนที่ใจเย็นอะไรมากมายอยู่แล้ว ที่กำลังพยายามทำอย฿่มัรก็อึดอัดเต็มทีแล้ว!
ไปเอากันงั้นเหรอ.....
“อยากโดนมันเอามากนักรึไง!” ผมสวนกลับแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก พอได้ยินคำนั้นมันก็เหมือนทุกอย่างที่พยายามอดทนมาพังทลายลงเพียงชั่วพริบตา
“อะ ไม่คิดว่าพี่จะรู้นะ น่าเสียดาย คืนนั้นน่าจะเป็นนิกกี้ ไม่น่าเป็นพี่เลย!!“
กึก!
ผมเผลอกำมือเข้าหากันแน่น ทันทีที่ได้ยินประโยคที่ค่อนข้างแสลงหูสำหรับผม เธอคิดดีแล้วใช่ไหมที่พูดมันออกมา!
เสียดายที่ไม่ใช่หมอนั่น....?
พรึ่บ!
ผมรีบคว้าเเขนเล็กเอาไว้ หลังจากที่เห็นว่าคนตัวเล็กกำลังจะเดินหนีผมไปชั้นล่าง
”จะไปไหน เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ!“
“ไปหานิกกี้ เห็นหน้าพี่แล้วรำคาญตา!“ นาวาตอบกลับผมมาด้วยสีหน้ารำคาญผมอย่างที่เธอว่าจริงๆก่อนจะพยายามสะบัดมือของผมออกจากแขนเล็กของเธอ
”ก็ได้! อยากโดนนักใช่ไหม!“ ผมเผลอถามออกไปด้วยน้ำเสียงเข้มดุ ใบหน้าสวยได้ยินแบบนั้นก็หยุดชะงักทุกการกระทำไปด้วยความตกใจ
”......“
”พี่ถามว่า....อยากโดนมันเอานักใช่ไหม!?“ ผมถามย้ำออกไปอีกครั้ง อย่างให้โอกาส นี่คือฟางเส้นสุดท้ายของผมแล้ว หากคำตอบมันออกมาแบบไม่น่าพึงพอใจ
ผมเองก็จะไม่อดทน!
”อือ อยาก! แล้วก็ช่วยปล่อยแขนว่าด้วย!“ นาวาพยายามสะบัดแขนผมออก เธอกำลังจะเดินลงไปชั้นล่างเพื่อประชดผมสินะ
ได้!
ผมเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมาอีก แล้วก็ไม่ยอมปล่อยแขนเล็กออกจากมือของตัวเองไปง่ายๆด้วย ปล่อยให้หญิงสาวดีดดิ้นอยู่แบบนั้น ก่อนจะใช้มืออีกข้างล้วงเอาโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าของตัวเองออกมากดพิมพ์แชทส่งไปหาเพื่อนอย่างรวดเร็ว
“ปะปล่อยวาน่ะ พี่จะทำอะไรของพี่!“
ฟึ่บ!
ผมจัดการยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงเอาไว้ตามเดิม ก่อนจะดึงแขนเล็กให้เดินตามหลังผมมาติดๆด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวในใจเล็กน้อย
”อะอ๊ะ! พี่เจคอป!?“