6.เลี่ยง
Chapter06. เลี่ยง
หลายวันต่อมา....
@มหาวิทยาลัยริชบูม
”วา เรียนเสร็จไปจอร์ดแฟร์กันไหม ไหนเธอบอกอยากกินยำไง วันนั้นเธอเบี้ยวนัดฉันนะ“
เสียงของยู่ยี่ ยัยเฉิ่มแสนเชยดังอยู่ข้างหูฉันทำเอาฉันค่อยๆผละหน้าจากเอกสารการเรียนหันไปมองเพื่อนด้วยสายตาที่ยิ้มแห้งขั้นสุด
”วันหลังได้มั้ยยี่ ช่วงนี้ฉันนอนที่เพ้นท์เฮ้าส์แด๊ดอะ เธอก็รู้ว่ามันอยู่ไกลแค่ไหน ฉันไม่อยากมีปัญหากับแด๊ดเพราะฉันกลับบ้านค่ำหรอกนะ“
ตั้งแต่วันนั้นที่ฉันชวนยู่ยี่ไปกินยำที่ห้ามแห่งหนึ่ง ฉันก็ต้องตัดใจยกเลิกนัดไปเพราะตอนนั้น....ฉันไม่สบายจับไข้เป็นวัน อีกทั้งอาการปวดร้าวกึ่งกลางลำกายยังไม่หายดี (เพราะผู้ชายเฮงซวยคนนั้น)
จนกระทั่งเวลาผ่านล่วงเลยมาถึงวันนี้ ฉันก็ยังไม่ได้ออกไปไหนกับยู่ยี่เลยสักครั้ง ยกเว้นไปกลับมหาวิทยาลัยกับเพ้นท์เฮ้าส์ อันที่จริงฉันไม่ชอบการขับรถไปที่ไกลๆ แต่ทำไงได้ล่ะ ตอนนี้ฉันไม่มีตัวเลือกขนาดนั้น
ฉันพยายามหลบเลี่ยงกลุ่มเพื่อนของพี่ชายตัวเองเป็นอย่างมาก ฉันไม่ได้ไปหาพี่วินที่คอนโดอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น เพราะฉันไม่อยากแม้แต่จะเจอหน้าเขา....ผู้ชายคนนั้นที่ใจร้ายกับฉันและเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดของชีวิตฉันในตอนนี้
พี่เจคอป....
“แปลกๆนะเนี้ย ปกติเธอมักจะสิงอยู่ห้องพี่วินไม่ใช่เหรอ“
”ก็ใช่ แต่ช่วงนี้ฉันเบื่อไง พี่วินขี้บ่นจะตาย“ ฉันเเสร้งโมโหพี่ชายกลบเกลื่อนความจริงในใจของตัวเอง
ที่ผ่านมาพี่เจคอปก็มีทักมาหาฉันอยู่บ้างนะ เขาคงอยากพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นละมั้ง อันนี้ฉันก็ไม่ค่อยเเน่ใจว่าเขามีอะไรจะคุยกับฉันอีกในเมื่อวันนั้นเขาปฎิเสธออกมาแล้ว ฉันก็เลยเลือกที่จะไม่ตอบ ในเมื่อทุกอย่างมันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ คงไม่มีทางที่เขาจะสามารถรับผิดชอบความรู้สึกของฉันได้ทั้งหมดหรอก
เพราะแบบนั้น....ฉันถึงได้พยายาม เลี่ยงเขาอย่างสุดความสามารถ
”จริงเหรอ น่าเสียดายจัง“
อีกด้าน
@คอนโดนาวิน
ร่างสูงล้มตัวลงนั่งด้วยสีหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึก แต่ถึงแบบนั้นเพื่อนๆในกลุ่มก็เริ่มชินชาไปกับความนิ่งเงียบของเจคอปในช่วงนี้ นับว่าเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นเขาไปไหนมาไหนและใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ฟูมฟายหรือเพ้อหาอดีตคนรัก เหมือนวันแรกที่ถูกทิ้งไป
”มึงมองหาอะไร?“ นาวินที่กำลังนั่งอยู่หน้าจอโน๊ตบุ๊คเอ่ยถามคนตรงหน้าออกมาด้วยสีหน้าสงสัย
ตั้งแต่ที่เจคอปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา เขาก็เห็นมันนั่งหันซ้ายหันขวา ราวกับว่ากำลังหาอะไรสักอย่าง
”ไม่มีอะไร วันนี้พวกมันไปไหนหมด” ปากหนาเลือกที่จะถามออกไปแบบนั้น
“น่าจะกำลังเตรียมตัวกันอยู่”
“เตรียมตัว?” เจคอปถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเจือปนความสงสัยเล็กน้อย
“ลืมหรือไง วันนี้ผับกูเปิดวันแรก หัดอ่านแชทกลุ่มซะบ้าง” เจ้าของคอนโดเหลือบตาขึ้นมาตอบกลับอย่างไม่ได้จริงจังนักก่อนจะหันไปสนใจงานตรงหน้าตามเดิม
เจคอปได้ยินแบบนั้นก็ไม่รอช้าที่จะหยิบโทรศัพท์จากในกระเป๋ากางเกงออกมาเปิดดูแชทกลุ่ม ซึ่งน่าแปลกใจที่เขาเพิ่งเห็นว่าเพื่อนนัดกันไปผับไอ้วินคืนนี้ เขาถึงได้โผล่มาที่นี่ทันทีที่เรียนเสร็จ
หลายวันมานี้พวกเขานัดดื่มที่ห้องของนาวินทุกวัน แต่นั่นก็ไม่ใช่จุดประสงค์หลักของเจคอป เขามาที่นี่ส่วนหนึ่งก็เพราะต้องการที่จะมาเจอหน้าน้องสาวของเพื่อน แต่ทว่า...หลังจากวันนั้น มันก็น่าแปลกใจเป็นอย่างมากที่เขาไม่เคยเห็นนาวามาที่นี่อีกเลย
ดวงตาคมเหลือบไปเห็นแชทที่เขาส่งไปหาน้องสาวเพื่อนก่อนจะตดสินใจกดเข้าไปดูว่าเธออ่านบ้างหรือยัง ทั้งๆที่เขาส่งข้อความบอกไปว่าอยากเคลียร์เรื่องนั้นกับเธอ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าคนตัวเล็กจะตอบกลับมาเลย
ดื้อดีจริง
Message
เจคอป : พรุ่งนี้มาคุยกันหน่อยไหม
เจคอป : ?
เจคอป : ทำไมถึงไม่ตอบ
ใบหน้าหล่อผละออกจากโทรศัพท์หรูเมื่อเห็นว่าอีกคนไม่มีวี่แววว่าจะอ่าน หลังจากวันนั้นที่เจสซี่วางสายโทรศัพท์ใส่หูเขา เจคอปก็เลือกที่จะอยู่กับตัวเอง ทำใจยอมรับทุกอย่างที่เกิดขึ้น แม้จะรู้สึกนึกถึงอดีตที่ผ่านมาในบางที แต่การที่ได้ออกมาดื่มเหล้ากับเพื่อนทุกคืนก็ทำให้เขาพอที่จะก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากพวกนั้นมาได้
จะเหลือก็แต่เรื่องของนาวา....ที่ร่างสูงยังคงรู้สึกไม่สบายใจและรู้สึกผิดต่อนาวินที่นั่งอยู่กับเขาในตอนนี้เป็นอย่างมาก สิ่งที่เขาทำ เขารู้ดีว่ามันผิดและเขาอยากจะรับผิดชอบในส่วนที่เขาพอจะสามารถทำได้ นั่นถึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเขาถึงได้อยากเจอนาวาที่พยายามหลบหน้าเขาอยู่ทุกวันนัก
เขารู้ว่าหญิงสาวตั้งใจทำแบบนั้น
“ช่วงนี้ไม่เห็นน้องสาวมึงมาที่นี่เลยนะ” ปากหนาอดที่จะถามออกไปไม่ได้
“อืม ก็คงวุ่นๆอยู่กับเรื่องเรียนละมั้ง ปีหนึ่งก็แบบนี้แหละเรียนหนัก”
“.....” เจคอปทำได้เพียงพยักหน้าตอบกลับไป ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ถ้าอีกคนไม่อยากคุยหรือได้ความรับผิดชอบอะไรจากเขา เขาก็คงทำอะไรไม่ได้
“แล้วนี่คือจะใส่ชุดนี้ไปผับกูเหรอ” นาวินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเจคอปที่ยังคงอยู่ในชุดนักศึกษา(แบบผิดระเบียบ)
“กูจะไปละ” ว่าจบกายกำยำก็ผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ในเมื่อคนที่เขาต้องการเจอไม่ได้อยู่ที่นี่ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องอยู่อีกต่อไป
“เออๆ เจอกันดึกๆ” นาวินตอบกลับแบบส่งๆ เพราะเขากำลังเช็คระบบหลังบ้านของร้าน‘The Winner Pub' ที่กำลังเปิดทำการเป็นวันนี้เป็นวันแรกของตัวเองอยู่อย่างตั้งใจ
“อืม”
ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงหัวค่ำอยู่เลย อีกนานกว่าจะถึงเวลาออกไปท่องราตรี เจคอปที่รู้สึกเบื่อนิดหน่อย จึงเลือกที่จะตรงดิ่งกลับคอนโดของตัวเองไป
คอนโดที่เขากำลังจะขายได้เร็วๆนี้เพราะเขาไม่ต้องการ เก็บความทรงจำระหว่างเขากับผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ในหัวสมอง พร้อมกับทำการทำเรื่องซื้อคอนโดใหม่เอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะเหลือก็แต่ขนของออกไป....
หลายนาทีต่อมา...
ครืด~ ครืด~
ร่างสูงที่เพิ่งเดินออกมาจากในห้องน้ำ เดินตรงดิ่งมาหาโทรศัพท์ของตัวเองที่กำลังสั่นไหวอยู่ ก่อนที่เจคอปจะชะงักไปเมื่อเห็นว่าใครโทรเข้ามา
ท่านพ่อ
“ฮัลโหลครับ” มือหนาไม่รอช้าที่จะกดรับสายทันที
‘ทำอะไรอยู่ ว่างคุยไหม‘ เจษเอ่ยปากถามลูกชายเพียงคนเดียวของตัวเองขึ้นมา
“ครับ ว่าง พ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ”
’พอดีเดือนหน้าพ่อว่าจะพาแม่แกไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ช่วงครบรอบวันแต่งงานน่ะ ไปประมาณครึ่งเดือน ช่วงนั้นแกพอจะเข้ามารับตำแหน่งที่บริษัทแทนพ่อได้หรือเปล่า‘
“แต่ผมอายุยี่สิบอยู่เลยนะครับพ่อ มันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอ” เจคอปถามกลับอย่างไม่ค่อยมั่นใจ
แม้เขาจะเรียนรู้งานที่บริษัทเจทีคอเปอเรชั่นมาตั้งแต่อายุย่างเข้าสิบหกปีแล้วก็เถอะ แต่ถึงแบบนั้น การให้เขาเข้าไปรักษาการตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดแทนพ่อ แม้จะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่มันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอ
’อายุไม่เกี่ยวหรอกนะ พ่อรู้ว่าแกเก่งแค่ไหน ถึงจะไม่ได้เลือกเรียนบริหารเพราะเบื่อกับธุรกิจที่บ้านก็เถอะ แต่แกรู้ใช่ไหมว่าสุดท้ายพอแกเรียนจบ แกก็ต้องมาบริหารที่นี่แทนฉัน’
“......” ร่างสูงเงียบไปพักใหญ่เมื่อได้ยินแบบนั้น
ที่เขาเลือกเรียนนิเทศศาสตร์แทนที่จะเรียนบริหารนั่นเป็นเพราะเขาเบื่อ ลำพังในชีวิตจริงพ่อก็สอนเขาทำงานมาแทบจะตลอดอยู่แล้ว สิ่งหนึ่งที่เขารักคือการได้เป็นตากล้อง เป็นช่างภาพ เป็นผู้กำกับ เจคอปเชื่อเหลือเกินว่านอกจากเจทีคอเปอเรชั่นจะเป็นบริษัทผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ใหญ่ระดับประเทศแล้ว บริษัทนี้สามารถเป็นได้มากกว่านั้นแน่นอน ทันทีที่เขาเรียนจบ....เขาจะทำให้พ่อเห็น
‘ว่าไง ตกลงจะให้พ่อลางานไปฮัลนีมูลกับเมียไหม‘
เมื่อโดนยิงคำถามแบบนั้น ร่างสูงก็ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ในเมื่อพ่อของเขาเลือกที่จะเอาแม่มาอ้าง แบบนั้นเขาคงไม่มีสิทธิ์ปฎิเสธ
”ครับ เอาแบบนั้นก็ได้“
’อืมดี ถ้าแกทำผลงานออกมาได้ดี พ่อจะประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะให้แกรับช่วงต่อ‘
“เอาที่พ่อสบายใจเลยก็ได้ครับ ผมคงปฎิเสธอะไรไม่ได้อยู่แล้ว”
‘หึ ดีมากไอ้ลูกชาย‘
เมื่อวางสายจากบิดาไปแล้ว ร่างแกร่งที่อยู่ในสภาพผ้าขนหนูห่อกายผืนเดียวก็ยกมือขึ้นเสยผมเปียกของตัวเองอย่างลวกๆ เพื่อระบายความรู้สึกหลายอย่างที่ช่วงนี้บีบบังคับเขาเหลือเกิน
อันที่จริงเขายังไม่พร้อมที่จะเป็นประธานหรือรับตำแหน่งอะไรทั้งนั้น เพราะเขายังอยากที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองชอบไปก่อน แต่พอถึงเวลาโดนมัดมือชก....อย่างนี้ก็คง เลี่ยงอะไรไม่ได้สินะ