5.ทำไมเดินแบบนั้น
Chapter05. ทำไมเดินแบบน้้น
“ใครโทรมาหาแก แฟนเก่าแกเหรอ” ‘เจสสิก้า’ เอ่ยปากถามลูกสาวออกมาในขณะที่กำลังนั่งทำผมอยู่ในร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งใจกลางกรุง
”อืม โทรมาขอคืนดีน่ะ“ เจสซี่สาวไทยลูกครึ่งเยอรมันเอ่ยบอกมารดาด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ
เธอคบกับเจคอปมาสี่ปี อันที่จริงมันก็น่าเสียดายที่เธอจำเป็นต้องเลือกอนาคตของตัวเองมากกว่าความรักของแฟนหนุ่มที่เธอไม่เคยแม้แต่จะรู้จักครอบครัวของเขาด้วยซ้ำ
”หึ ใจเด็ดใช้ได้นี่ ดีแล้วที่แกเชื่อแม่ เลือกไปเทรนไอดอลเกาหลีดีกว่าเลือกแฟนเเกที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าครอบครัวทำงานอะไร ถ้าแกได้เดบิวต์นะ การไม่มีพันธะเป็นอะไรที่ดีที่สุด“ เจสสิก้าเอ่ยบอกลูกสาวด้วยความพึงพอใจ ที่อีกคนยอมทำตามความฝันของตัวเองโดยเลือกที่จะทิ้งสิ่งที่ไม่รู้ว่าดีจริงไหมไปก่อน
ที่เจสซี่ยอมตัดสินใจเชื่อแม่ของตัวเอง เข้าไปเดบิวต์เป็นวงศิลปินไอดอลเกาหลีก็เพราะว่าเธอเป็นคนทะเยอทะยาน ตอนแรกที่เธอเลือกคบกับเจคอปก็เพราะคิดว่าบ้านเขารวย แถมหน้าตาของเจคอปก็หล่อมากๆ สมัยเรียนมอปลายเขาป๊อปปูล่าสุดๆสาวๆตามกรี๊ดกันเป็นแถวและอีกอย่างที่เจคอปมีดีจนแบบหลายคนยังต้องอิจฉาเธอ นั่นก็คือเรื่องอย่างว่าของเขาที่ทำให้เธอติดหนึบทนอยู่กับเขาได้นานถึงสี่ปี
แต่ตลอดระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยพาเธอไปพบครอบครัวของเขาเลยด้วยซ้ำ จนมีจุดหนึ่งที่หญิงสาวเริ่มไม่แน่ใจว่าเจคอปรวยจริงๆหรือเปล่า บ้านเขาอาจจะแค่มีพออยู่พอกินเฉยๆก็ได้ คิดได้แบบนั้น เจสซี่จึงตัดสินใจบอกเลิกร่างสูงไปเพื่อไปทำตามความฝันของตัวเอง ถ้าเธอประสบความสำเร็จในด้านนั้น ชีวิตของเธอคงสามารถยกระดับขึ้นไปได้อีกมาก
”ก็ขอให้เป็นแบบนั้นแหละแม่“ มือบางวางโทรศัพท์เอาไว้ด้านข้างอย่างไม่สนใจอะไร ถ้าถามว่าเสียใจไหม เธอก็เสียใจแหละ แต่มันก็ไม่ได้เสียใจมากขนาดนั้น เพราะถึงยังไง เจคอปก็ไม่ใช่ผู้ชายคนแรกของเธออยู่แล้ว
อีกด้าน
@คอนโดนาวิน
ทันทีที่ได้รับข้อความจากพึ่เจคอป ฉันก็รีบเดินออกมาจากห้องนอนด้วยความเร็วแสง ฉันเกือบลืมไปเลยว่าเมื่อคืนพี่เขาปล่อยในใส่ฉัน เซ็กส์ครั้งแรก....ที่ไม่ป้องกัน บอกตรงๆว่าตอนนี้ฉันรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก
“อ๊ะ เห้อ เมื่อไหร่จะหายเจ็บ! ถ้าเดินไม่ปกติพี่วินจะสงสัยไหมเนี้ย” ฉันบ่นพึมพัมกับตัวเอง ก่อนจะลากสังขารที่ไม่ค่อยอำนวย เดินมาจนถึงบริเวณถุงข้าวกับยาที่ร่างสูงซื้อเอาไว้ให้ฉัน
หึ! ก็ยังดีที่คิดได้!
อึก อึก อึก
ร่างเล็กไม่รอช้าที่จะเดินถือถุงยาไปกินบริเวณหน้าตู้เย็นในห้องครัว แม้ในใจลึกๆจะยังแอบกังวลอยู่บ้าง แต่การได้กินยาคุมฉุกเฉินก็ทำให้หญิงสาวเบาใจขึ้นมาได้เล็กน้อย
“เพิ่งตื่นเหรอ“
”อ๊ะ! พะพี่วิน! มาตั้งแต่ตอนไหนเนี้ย ไม่ให้สุ้มให้เสียงเลย“ ใบหน้าสวยหันไปมองพี่ชายของตัวเองด้วยสีหน้าตกใจขั้นสุด
เพราะสมองเธอมัวแต่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ไม่ว่าจะพยายามสลัดทุกอย่างในหัวทิ้งไปบ่อยแค่ไหน แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเธอมันก็ไม่มีท่าทีว่าจะหายไปง่ายๆ
โดยเฉพาะเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า แววตาอึดอัดใจของร่างสูงที่ทำให้เธอรู้สึกสะอึกจนเผลอร้องไห้ออกมา
”ตกใจอะไรขนาดนั้น แล้วนั่นถุงอะไร“ นาวินเหลือบสายตาไปเห็นถุงยาสีขาวเล็กๆพอดี ปากหนาจึงไม่รอช้าที่จะเอ่ยถาม
”อะเอ่อ ปะเปล่าไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่ยาแก้ปวดท้องประจำเดือนน่ะ” มือเล็กรีบหยิบถุงยาเล็กๆใส่ถุงข้าวเอาไว้ตามเดินก่อนจะพยายามบังคับน้ำเสียงที่ใช้พูดคุยกับพี่ชายให้เป็นปกติมากที่สุด แม้ตอนนี้เหงื่อบนหัวของเธอจะแตกพลั่กอยู่ก็ตาม
จะให้พึ่วินรู้เรื่องนี้ไม่ได้! ถ้างั้นมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ที่สำคัญ.....ฝั่งนั้นเขาก็ไม่ได้ดูอยากที่จะรับผิดชอบเธอสักนิด
เพราะงั้นสิ่งเดียวที่นาวาคิดจะทำต่อจากนี้ก็คือการลืมเรื่องราวพวกนั้นไปให้หมด!
“เหรอ อืม พี่ว่าหน้าเราก็ดูซีดอยู่ๆนะ“
ฟึ่บ
นาวินเอื้อมมือหนามาทาบบนหน้าผากของน้องสาวด้วยความเป็นห่วงตามสไตล์ของเขา
“ตัวร้อนจริงๆด้วย ได้กินยาแก้ไข้ไปด้วยหรือเปล่า?” ปากหนามิวายเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยสีหน้าจริงจังิเขาไม่ชอบเวลาที่เห็นน้องตัวเองป่วยเลย
“เอ่อ ยะยังค่ะ เดี๋ยววาจะกินเดี๋ยวนี้แหละ“ ว่าจบนาวาก็เดินไปหยิบยาแก้ปวดที่พี่ชายมักจะชอบซื้อติดห้องเอาไว้มากลืนลงท้องไปทันที
ตอนแรกเธอก็นึกว่าอาการเวียนหัวของตัวเองเกิดจากการที่ยังไม่ได่กินข้าว แต่สรุป....เธอไม่สบายจริงๆ เพราะ!! คนๆนั้นคนเดียวเลย
เห้อ แถมขาก็เจ็บ....
”เออ พี่มีเรื่องจะถามเราหน่อย“
”ค่ะ พี่วินมีอะไรจะถามวาเหรอ“
นาวาหยุดชะงักไปอย่างตั้งใจฟังในคำพูดของพี่ชายตัวเอง
”เมื่อคืน....เราเห็นไอ้คอปหรือเปล่า มันไม่ได้เข้ามานอนกับพี่แต่เมื่อเช้าพี่ยังเห็นรองเท้ามันวางอยู่หน้าประตูอยู่เลย“
ตึกตัก ตึกตัก ตักตัก
หัวใจดวงเล็กเต้นขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง เมื่อได้ยินคำถาม ใบหน้าสวยรู้สึกชาวาบไปทั้งแถบเพราะกลัวความลับที่เธอพยายามเก็บซ่อนเอาไว้จะแตกออกมา....
”งะงั้นเหรอคะ วะวาก็ไม่รู้เหมือนกัน พี่คอปอาจจะหนีกลับห้องไปแล้วก็ได้“ ดวงตากลมโตหลุบลงต่ำ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปสลตาพี่ชายของตัวเอง
เธอกำลังโกหกคนตรงหน้าอยู่ แม้มันจะไม่ได้แนบเนียนขนาดนั้น แต่นาวินกลับเข้าใจไปว่าเพราะนาวาไม่สบาย น้องสาวของตนเองถึงได้หน้าขาวไร้สีขนาดนี้ เขาไม่ได้คิดไปเป็นแบบอื่นเลยจริงๆ
”งั้นเหรอ....งั้นก็แสดงว่ามันกลับมาเอารองเท้าแล้วสิ เมื่อกี้พี่ไม่เห็นรองเท้ามันวางอยู่หน้าประตูแล้ว“
”วาก็ไม่รู้เหมือนกัน พี่เขาหน้าจะกลับมาเอาละมั้งคะ“ นาวายิ้มแห้งๆส่งไปให้พี่ชาย ในมือกำถุงข้าวมี่คนใจร้ายซื้อให้เอาไว้แน่นเพื่อระบายความประหม่า
”อืม เดี๋ยวพี่โทรถามอาการมันสักหน่อย ไม่รู้ว่าป่านนี้เป็นยังไงบ้าง”
“เอ่อ พี่คอป....เลิกกับแฟนเหรอพี่วิน ทำไมพี่เขาถึงได้เมาเละขนาดนั้น”
“ใช่ มันโดนเจสซี่บอกเลิกกระทันหันน่ะ”
“อ่อ”
“พี่ว่าเราไปนอนพักเถอะ หน้าซีดเป็นไก่ต้มแล้ว”
“ค่ะ งั้นวาไปนอนก่อนนะคะ”
“อืม”
“เดี๋ยวก่อนยัยวา”
“คะ?” นาวาหยุดเดินก่อนจะหันกลับมามองนาวินด้วยสีหน้างงๆ
ในขณะที่ใบหน้าหล่อนั้นขมวดคิ้วสงสัยกับท่าทางการเดินที่ดูแปลกออกไปอย่างเห็นได้ชัดของน้องสาว ที่ดู....ขาถ่างมากกว่าปกติ
“ทำไมเดินแบบนั้น เป็นอะไร”
“!!!” นาวาแทบจะเก็บสีหน้าตกใจของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่อีกครั้ง เมื่อโดนพี่ชายทักถึงเรื่องที่เธอกำลังพยายามหลบเลี่ยง
“อะเอ่อ คะคือวา...วาเดินสะดุดขอบเตียงค่ะ กะก็เลยเจ็บขานิดหน่อย“ ปากเรียวสวยเอ่ยตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเลิ่กลั่กที่สุดในชีวิตของเธอ
”หึ โตจนป่านนี้ยังไม่เลิกซุ่มซ่ามอีกเหรอเรา คราวหลังก็ระวังๆหน่อยนะ“ นาวินได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเขารู้ดีว่านาวาไม่ใช่เด็กชอบโกหก
”แหะๆ ค่ะ“
ปึง!
”ฟู่ว~ เกือบไปแล้วไหมล่ะ!“
นาวายืนพิงประตูห้องนอนเอาไว้พร้อมกับหัวใจของเธอที่เกือบวายไปเมื่อกี้ เพราะนาวินพี่ชายของเธอเป็นคนฉลาดยิ่งกว่าอะไร เธอถึงได้กังวลกับทุกสิ่งรอบตัวแบบนี้ ไม่ได้การล่ะ!
ต่อจากนี้เธอคงต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเจคอป เพื่อลดความเสี่ยงที่จะโป๊ะแตกออกมา
”......“ ดววตากลมโตชะงักนิ่งไปอีกครั้ง เมื่อสายตาดันเหลือบไปเห็นผ้าปูที่นอนที่ยังคงเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยเลือดของตัวเอง
”เฮงซวย“ ปากเล็กขยับพูดออกมาด้วยความรู้สึกโมโหยามนึกถึงใบหน้าหล่อๆของคนที่ฉกชิงความบริสุทธิ์ของตัวเองไป
เขามันเฮงซวยที่กล้าทำแบบนั้นกับเธอ แถมยังเป็นผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบอีก! ก่อนหน้านี้เขาทำเธอร้องไห้ออกมาเยอะแล้ว อย่าหวังเลยว่าต่อจากนี้คนแบบนั้นจะทำให้คนอย่างนาวาร้องไห้ได้อีก
เขามันก็แค่เพื่อนของพี่ที่มีนิสัยเฮงซวยก็แค่นั้นแหละ!!