5.เพื่อน้องสาว
Chepter05.เพื่อน้องสาว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“หวานทำอะไรอยู่ เปิดประตูให้พี่หน่อย” น้ำเสียงหวานเอ่ยบอกคนด้านในพร้อมกับเคาะประตูไปด้วย
เพียงไม่นานน้ำหวานในชุดนักเรียนชั้นมัธยมปลายก็เปิดประตูออกมาให้พี่สาวเข้าไปในห้องตัวเองด้วยสีหน้าราบเรียบมากกว่าทุกวัน
“หวานพี่ได้งานทำแล้วนะ”
“อื้อ ดีใจด้วยนะพี่หอม”
น้ำหอมขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีเมื่อได้ยินคำตอบจากน้องสาว ตอนแรกเธอคิดว่าน้ำหวานจะแสดงท่าทางดีใจออกมามากกว่านี้เสียอีก แต่น้ำหวานกลับเดินไปนั่งทรุดลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะคอมตามเดิม พร้อมกับคลิกเม้าส์ซ้ำๆไปมา
“หวานมีอะไรหรือเปล่า” ฉันเดินเข้าไปหาน้องสาวก่อนจะเอ่ยถาม
“พี่หอม….หวานจะไงดี” น้ำหวานเอ่ยถามฉันขึ้นมาน้ำเสียงสั่นเครือ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่น้ำหวานหมุนเก้าอี้กลับมาประชันหน้ากับฉันพอดี ฉันถึงได้เห็นว่าน้องสาวของตัวเองกำลังจะร้องไห้
“ทำไม! หวานเป็นอะไร? ใครทำอะไร”
“พี่หอม…อึก…หวานสอบติดโครงการทุนเรียนฟรีที่ออสเตรเลีย หวานสอบเทียบได้เข้าเรียนปีหนึ่งที่มหาลัยแบล็คเวิร์ดอ่ะ” น้ำหวานพรั่งพรูออกมาก่อนจะดึงฉันเข้าไปกอด
ตอนนี้สมองของฉันกำลังเริ่มประมวลผลอยู่ ฉันไม่แปลกใจว่าทำไมน้ำหวานถึงสอบติดมหาลัยของเมืองนอกได้เพราะน้องสาวฉันฉลาดเป็นกรดตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยคือ….น้ำหวานไปแอบสมัครทุนตั้งแต่เมื่อไหร่ น้องไม่เคยปรึกษาฉันมาก่อนเลย
“หวานไปสอบตอนไหนทำไมพี่ไม่เห็นรู้เรื่อง”
“ดะเดือนที่แล้ว ฮึก”
“แล้วร้องทำไม สอบติดก็ควรจะดีใจไม่ใช่เหรอ” ฉันถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ
น้ำหวานผละหน้าออกจากอกฉันก่อนจะหยุดร้องแล้วมองหน้าฉันนิ่งราวกับกำลังคิดคำพูดอะไรบางอย่าง
“ก็ใช่ หวานดีใจแต่….”
“หวานยังไม่ได้บอกแม่และอีกอย่างหวานได้ทุนเรียนฟรีก็จริงแต่มันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากนั้นหลักๆก็คือค่าเครื่องบิน ฮื่อ มันแพงมากเลยอะพี่หอม หวานไม่อยากให้แม่ต้องเหนื่อยหาเงินมาให้หวานอะ” น้ำหวานร้องไห้โฮออกมาอีกครั้ง
ตอนแรกเธอกะจะลองสอบเล่นๆดูเฉยๆ ถึงแม้ในใจจะคาดหวังและอยากไปมากก็ตาม พอเห็นผลประกาศออกมาว่าเธอสอบชิงทุนได้มันก็ดีใจแต่ทว่า พอได้เห็นค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากที่โครงการจ่ายให้ มันก็แอบแพงอยู่พอตัวทำให้น้ำหวานอดที่จะรู้สึกสงสารมารดาขึ้นมาไม่ได้
เธอรู้ดีว่ากว่าแม่จะเลี้ยงพี่สาวกับเธอมาจนโตได้ขนาดนี้ท่านเหนื่อยแค่ไหน ถ้าหากความฝันของเธอมันจะทำร้ายแม่ขนาดนั้นเธอก็ไม่อยากไปต่อ ถึงจะรู้สึกเสียดายอยู่มากก็ตาม
น้ำหอมกอดปลอบน้องด้วยความรู้สึกสงสารปนเอ็นดู ไม่ใช่แค่น้ำหวานที่จะรู้สึกเสียดายหากต้องสละสิทธิ์ เธอเองก็เหมือนกัน การได้ไปเรียนต่างประเทศมันคือใบเบิกทางที่ดีมากๆสำหรับเด็กในยุคนี้
“หวานอยากไปมากเหรอ”
หงึกหงัก~
“อยาก หวานอยากไปมากเลยพี่หอม ถ้าหวานได้ไปที่นั่น หวานจะหางานเสริมทำด้วย ค่าแรงที่นั่นมันไม่ใช่ถูกๆ ถ้าหวานแบ่งเวลาได้คงมีเงินเก็บมากพอที่จะส่งมาให้แม่ใช้และอีกอย่างถ้าหวานไปหวานจะเรียนจบเร็วกว่าเดิมตั้งหนึ่งปีเลยนะพี่หอม”
น้ำหอมจ้องมองน้องสาวด้วยความคิดอะไรบางอย่าง เธออยากลองหาเงินให้น้องเองก่อนโดยที่ไม่ต้องพึ่งเงินแม่ ถ้าแม่รู้เธอรู้ดีว่าท่านคงต้องช่วยหาเงินแน่ๆ แต่สิ่งที่น้ำหอมกับน้ำหวานต้องการคือไม่อยากให้แม่ต้องเหนื่อยและคิดมากกับเรื่องหาเงินอีกแล้ว
“หวานต้องไปเมื่อไหร่”
“ต้นเดือนหน้า แต่…..หวานสงสารแม่ หวานอาจจะไม่ไป” น้ำหวานตอบกลับพี่สาวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“หวานต้องไปสิ”
“คะ?” ใบหน้าจิ้มลิ้มหันมามองพี่สาวด้วยความงุนงง
“เดี๋ยวพี่จะช่วยเอง ค่าใช้จ่ายต้องใช้อีกเท่าไหร่”
“พะ…พี่หอม…งื้ออ”
“จริงเหรอคะ พี่หอมช่วยหวานได้จริงนะ” แววตากลมโตฉายแววเปล่งประกายออกมาอย่างมีความหวัง ซึ่งคนเป็นพี่เห็นดังนั้นก็ยิ่งอยากช่วยน้องสาวมากขึ้นไปอีก
“อื้อ เดี๋ยวพี่จะลองหาเงินมาให้”
“ขอบคุณค่ะ เท่าที่หวานเช็คค่าเครื่องบินดูเงินทั้งหมดที่หวานต้องใช้ประมาณแสนห้าค่ะพี่หอม”
น้ำหวานหันไปจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ก่อนจะเปิดเอกสารทุกอย่างให้น้ำหอมดูซึ่งน้ำหอมก็เข้าใจทุกอย่างที่น้องอธิบายมาและเธอก็อยากที่จะสนับสนุนความฝันของน้องสาวเพียงคนเดียวของเธอด้วย
สองสาวคุยกันไปสักพักก่อนที่มารดาจะขึ้นมาตามให้ลงไปทานข้าว
“พี่หอม…พี่หอมอย่าเพิ่งบอกแม่นะว่าหวานจะไป ถ้าพี่หวานหาเงินได้ตอนนั้นค่อยบอก ส่วนเรื่องเงินถ้าพี่หอมหาไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ หวานไม่ไปก็ได้ค่ะ แค่พี่หอมบอกจะช่วยหวานก็ดีใจแล้ว” น้ำหอมคว้าแขนของพี่สาวไว้ก่อนจะบอกสิ่งที่ตัวเองคิดออกไป
น้ำหอมหันมายิ้มให้น้องสาวก่อนจะใช้มือลูบผมน้ำหวานด้วยความรักใคร่
“จ้ะ เอาตามนั้นก็ได้ ไปกินข้าวกันเถอะ”
วันต่อมา….หลังเลิกเรียน
“หอมวันนี้ฉันคงไม่ได้ไปเฝ้าแกถ่ายแบบของมหาลัยนะ คือฉันมีเรื่องต้องไปจัดการอะ ขอโทษจริงๆนะที่ไม่ได้ไปเป็นเพื่อน แกไปคนเดียวได้ใช่ไหม”
เมษาหันมาจับมือฉันก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด ปกติฉันกับเมษามักจะตัวติดกันตลอดเรียกได้ว่าไปไหนไปกัน แถมเมื่อวานเมษาก็ตอบตกลงว่าจะไปถ่ายเเบบเป็นเพื่อนฉันอีกด้วย
“ไม่เป็นไรแก ฉันไปคนเดียวได้ เห็นว่าพวกพี่พัชชาก็อยู่นั่น ว่าแต่แกมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“เฮ้อ ตอนนี้ที่บ้านฉันกำลังโดนคนโกงเงินไปน่ะสิ ฉันต้องไปช่วยป๊าจัดการ” เมษาเอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
น้ำหอมพอจะรู้มาบ้างว่าครอบครัวของเพื่อนทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ แต่เธอก็ไม่ได้รู้อะไรไปมากกว่านั้น พอได้ยินเพื่อนเอ่ยถึงสถานะการเงินที่ไม่ค่อยดี น้ำหอมก็รู้สึกใจแป้วขึ้นมาทันทีเพราะตอนแรกเธอกะจะมายืมเงินเมษาไปให้น้องสาวก่อน
“ระเหรอ…โดนเยอะเลยเหรอเมษา”
“อื้ม สถานการณ์ไม่ค่อยดีเลย ฉันต้องรีบไปแล้ว” เมษายกมือขึ้นมาดูเวลาบนนาฬิกาก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยความเร่งรีบ
“โอเค งั้นไปเถอะ ขับรถดีๆนะ”
“อื้อ เธอก็ด้วย ถึงบ้านแล้วทักหาด้วยนะ”
“ได้ๆ”
สองสาวโบกมือลาก่อนก่อนที่จะแยกย้ายกันเดินไปคนละทาง น้ำหอมถอนหายใจออกมาอย่างคิดไม่ตก อีกไม่กี่วันน้ำหวานก็ต้องจ่ายค่าเครื่องบินและค่าอะไรอีกหลายอย่างกระจุกกระจิก
แล้วเธอจะหาเงินทันมั้ยนะน้ำหอม….
@ห้องถ่ายทำกลาง
“น้ำหอมทางนี้จ้า” เสียงพัชชาดังขึ้นก่อนจะกวักมือให้รุ่นน้องสาวเดินเข้าไปหา
“สวัสดีค่ะพี่พัชชา วันนี้มาคนเดียวเหรอคะ”
“ไม่ๆ พี่มากับสมายด์น่ะ ยัยนั่นน่าจะกำลังเข้าห้องน้ำอยู่ เรามาก็ดีแล้วไปแต่งตัวกันเถอะ เดี๋ยวพี่พาไป” ว่าจบพัชชาก็ลากแขนน้ำหอมเข้าไปในห้องแต่งตัว
“โอ๊ะ! ดาวของเรามาแล้วจ้า มาๆน้องน้ำหอม มานั่งข้างคาร์ดีนเลยจ้า เดี๋ยวพี่แต่งหน้าให้”
“ค่ะพี่” น้ำหอมรับคำจากรุ่นพี่สาวประเภทสองอย่างว่าง่ายก่อนจะวางกระเป๋าสะพายแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆเก้าอี้ของคาร์ดีน
ร่างสูงของหนุ่มวิศวะเหลือบตามามองเธอเพียงครู่ก่อนจะหันไปสนใจโทรศัพท์ของตัวเองต่อ เธอไม่เคยคุยกับคาร์ดีนเป็นการส่วนตัว เคยเจอกับเขาแค่บนเวทีตอนแข่งดาวเดือนเท่านั้น ไม่รู้ว่าวันนี้จะร่วมงามกันได้ด้วยดีหรือเปล่า เขาดูหยิ่งๆยังไงไม่รู้
“หู๊ย ผิวดีมากเลยค่ะน้องหอม เราแต่งหน้ามาก่อนแลัวเนาะ เดี๋ยวพี่เติมให้นิดหน่อยก็สวยแล้วค่ะ”
“ค่ะ” เธอส่งยิ้มให้รุ่นพี่ที่อาสามาแต่งหน้าให้เบาๆ
หลังจากนั้นผ่านไปยี่สิบนาที น้ำหอมกับคาร์ดีนก็ถูกพาตัวเดินมาในสตูดิโอพร้อมๆกัน โดยคนที่เป็นตากล้องให้ในวันนี้ก็คือเจคอป รุ่นพี่คณะนิเทศน์ปีสี่นั่นเอง
“เดี๋ยวดาวกับเดือนเช็คความเรียบร้อยอีกรอบนะคะค่อยเริ่มถ่าย”
“ไงมึง เช็คกล้องเสร็จยัง” ซันนี่เดินมากอดคอถามเจคอปที่อาสามาเป็นตากล้องในวันนี้
“อืม เสร็จละ แล้วไอ้มินกับเมจิไปไหน” น้ำเสียงเข้มเอ่ยถามหาเพื่อนอีกสองคนในกลุ่ม
“ไม่รู้แม่ง โทรก็ไม่รับ”
ในขณะที่ซันนี่กำลังบ่นๆอยู่นั่นกลุ่มเพื่อนของเจคอปอีกกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาพอดีนั่นก็คือครูซ เคย์เดน นาวินแล้วก็มอร์แกนนั่นเอง ส่วนธีโอกับเจคอป ไม่ได้มาด้วยเพราะสองคนน้้นไม่ว่าง อีกคนติดเมียอีกคนน่าจะติดเด็กๆ
“พวกมึงมาทำไม?” เจคอปเอ่ยถามขึ้นด้วยความงุนงงที่จู่ๆไอ้พวกนี้ก็ยกพวกกันมาเฝ้าเขาทำงาน ทั้งๆที่ร้อยวันพันปีไม่เคยมา
“มาให้กำลังใจมึงทำงาน” เคย์เดนเเสยะยิ้มเอ่ยออกมา
ที่เขาลากครูซมาที่นี่ในวันนี้เพราะอยากให้แฝดพี่ได้มาเจอกับน้ำหอมอีกครั้ง เขาอยากเห็นกับตาตัวเองให้มั่นใจว่าครูซรู้สึกกับน้ำหอมมากกว่าผู้หญิงคนอื่นๆบนโลกใบนี้จริงหรือเปล่า เพราะคืนนั้นเขาไม่ทันได้เห็น มัวแต่ไปยำสาวอยู่
“มึงอย่าไปเชื่อมันไอ้นี่มันมีแผน” นาวินเอ่ยขึ้นก่อนจะโบ้ยหน้าไปหาครูซที่ยืนทำหน้านิ่งไม่สนใจอะไรตามแบบฉบับของเขา
“หึ~กล้องพร้อมแล้วครับ ดาวกับเดือนเชิญหน้าเซ็ทได้เลย” เจคอปพอเข้าใจในสิ่งที่เพื่อนจะสื่อก็จัดการเริ่มงานขึ้นเลยทันควัน
“เชี้ย คนนั้นเหรอวะน้องน้ำหอม สวยเกือบเท่าเมียกู” มอแกนเอ่ยออกมาเมื่อได้เห็นหน้าของน้ำหอมชัดๆ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังยกให้(ซาร่า) เมียตัวเองสวยที่สุดในสายตาอยู่ดี
“เออ ถึงว่าไอ้ครูซถึงสนใจ” เคย์เดนยิ้มเอ่ยแซวๆพี่ชาย ซึ่งครูซก็ได้แต่หันหน้ามามองน้องชายด้วยสายชาเย็นชาแทน
“ใช่ไหม มึงสนใจน้องเขานี่ ถ้างั้นจะพาไปทำแผลทำไม” เคย์เดนเริ่มซักไซร้ได้ทีเขาก็เอาใหญ่เลย
“กูแค่หวังดี” จอมเย็นชาเอ่ยตอบ เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับน้ำหอมไปมากกว่านั้นจริงๆ
“อ๋อเหรอ ปกติมึงไม่เคยหวังดีกับใครนี่ แต่กับคนนี้ทำไมอยู่ในสายตาวะ” เคย์เดนยังคงไม่ยอมแพ้พยายามจี้ถามทำให้อีกคนยอมรับความจริงให้ได้
“ไร้สาระ” ครูซตัดบทก่อนจะหันไปสนใจอย่างอื่น