EPISODE - 01 / 1
"อยู่ในใจเสมอ ฮู้บ่ อยู่ในใจเสมอฮู่บ่"
"โว้ย! เพลงอะไรของแกวะ"
ฉันร้องเพลงไป ถูบ้านไป พี่เบี้ยเลยตะโกนมาด่าเพราะรำคาญ
"เพลงอยู่ในใจเสมอ ต่าย อรทัยไงพี่เบี้ย ไม่รู้จักเหรอ เชยว่ะ"
ฉันพูดกับพี่ชายก็จริง แต่ตอนบอกชื่อเพลงนี่ส่งสายตาวิ้งๆ ให้อีกคนที่สวมแมสปิดปากสีดำนั่งเล่นมือถือไม่สนใจรอบข้าง
กรี้ดดด คนอะไร หล่อทุกอิริยาบท
โบนัสจะไม่ยอมละสายตาไปมองชายใดเลยค่ะ สัญญา
"น้อยๆ หน่อย อาการเหมือนอยากมีผัว" ไอ้พี่เบี้ยว่าให้ฉันอย่างเอือมๆ
"แล้วถ้าอยากได้ พี่เบี้ยจะช่วยป้ะล่ะ" ได้ทีต้องขี่แพะไล่ นานๆ ที่พี่เบี้ยจะหลุดปากด่าแบบนี้
"แก่แดดใหญ่นะเรา เดี๋ยวพ่อแม่กลับมาจะฟ้องให้ลดค่าขนม" ฉันบุ้ยปากใส่ผู้ชายตรงหน้า
พี่เบี้ย หรือ พี่ดอกเบี้ย พี่ชายแท้ๆ ของฉัน แก่กว่าฉันสี่ปี แต่เพิ่งเรียนปีสามเอง
ส่วนฉันชื่อ โบนัส โบญดา สว่างสารี อายุย่างสิบเก้า เป็นลูกสาวผู้สดใสน่ารักคนเดียวของครอบครัวสว่างสารี
พ่อกิจกับแม่อรทำธุรกิจส่งออกผ้าไหมแท้ และต้องบินไปรับออเดอร์กับลูกค้าที่เมืองนอกเองทุกๆ เดือน ไปทีครึ่งเดือนอย่างต่ำ ทำให้ฉันกับพี่เบี้ยต้องอยู่ด้วยกันสองคนมาโดยตลอด
อ้อ ชื่อพวกฉันสองคนมีที่มาด้วยนะ...
ดอกเบี้ย เป็นชื่อตอนที่พ่อกับแม่เพิ่งเริ่มลงทุนเปิดบริษัทผ้าไหมขึ้นมา ทำให้ต้องไปกู้หนี้ยืมสินแถมต้องจ่ายดอกเบี้ยเยอะแยะ จนกระทั่งพี่ชายฉันเกิดมาพ่อกับแม่เลยตั้งชื่อว่าดอกเบี้ย
ส่วนชื่อฉัน โบนัส ค่อนข้างยิัมได้หน่อย เพราะหลังจากพี่ดอกเบี้ยเกิดมาได้สี่ปีธุรกิจพวกท่านก็เจริญรุ่งเรืองและมีฉันลืมตามาดูโลกเป็นคนที่สอง จึงตั้งชื่อว่า โบนัส
เห็นแม่อรเคยบอกว่าตอนแรกฉันจะได้ชื่อกำไร แต่พ่อกิจบอกธุรกิจผ้าไหมเราจะโกอินเตอร์เลยให้ชื่อโบนัสแทน
"ไปอาบน้ำได้แล้วไป เดี๋ยวได้หัวแตกกันพอดี" พี่เบี้ยมองจิกพื้น ตรงที่ฉันถูแล้วถูอีกไม่ไปที่อื่น ก็ตรงนี้มุมได้วิวดีเห็นหน้าพี่คีย์แจ่มว้าวแม้จะแค่สันจมูกกับดวงตาก็เถอะ
"ยังไม่ดึกเลยนะ" ฉันยืนค้ำไม้ถูพื้นไว้ใต้คางทำตาปริบๆ อ้อนพี่ชาย
"ก็ไม่ดึก แต่จะพาไปกินข้าวข้างนอก หรือไม่ไป?"
แหม... ยังไม่ให้โอกาสตอบจะตัดหางซะละ
"พี่คีย์ไปด้วยเปล่า" ฉันกระซิบถาม
"จะให้มันเฝ้าบ้านหรือไง"
โธ่ พูดเหมือนเพื่อนตัวเองเป็นหมาเลยเนอะ ให้เฝ้าบ้าน
"เครๆ รอแปบเดี๋ยวนัสรีบวิ่งผ่านน้ำ" ฉันรีบลากไม้ถูพื้นวิ่งไปเก็บก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดชั้นสองเพื่ออาบน้ำแต่งตัว
"เบาๆ หน่อย ม้าดีดกะโหลกแบบนี้ยังอยากได้ผัว"
ฉันไม่สนใจเสียงตะโกนด่าไล่หลังของไอ้พี่บ้า รีบยิ้มแป้นวิ่งเข้าห้องที่อยู่ในสุด
วันนี้แหละโบนัสฤกษ์ดีต้องเริ่มปฎิบัติการอ่อยพี่คีย์มาเป็นแฟนให้ได้
@ครึ่งชั่วโมงต่อมา
"ทำไมนั่งทำหน้าเหมือนหมาเบื่ออาหารงั้นล่ะ"
ฉันหันไปมองค้อนพี่ชาย ไอ้เราก็นึกว่าจะไปทานอาหารที่ร้านหรูๆ บรรยากาศดีๆ ที่ไหนได้ มากินก๋วยเตี๋ยวร้านป้าแช่มหน้าปากซอย
"มึงเอาไรวะ" พี่เบี้ยเลิกสนใจน้องสาวผู้น่ารักหันไปถามพี่คีย์ที่ยังติดมือถืออยู่
"..." สายตาคมเงยขึ้นเล็กน้อยก่อนจะส่งสายตาไปที่เมนูๆ หนึ่งที่อยู่บนกระดาษแข็งที่ป้าแช่มทำไว้ทุกโต๊ะ
"ใหญ่น้ำใส?"
พี่เบี้ยเลิกคิ้วถามเพื่อนเขากลับ พี่คีย์พยักหน้าให้ก่อนจะก้มลงไปกดๆ มือถือต่อ
มีอะไรให้สนใจนักหนา ใบนัสอยากรู้
จึก จึก
ฉันเป็นพวกปากไวตามความคิดเลยสะกิดไหล่พี่เบี้ยก่อนจะกระซิบถาม
"พี่คีย์คุยกับใครอ่า"
เคยบอกหรือยังว่าพี่เบี้ยกับพี่คีย์เป็นเพื่อนกันมาตั้งสามปีแล้ว และฉันก็ปลื้มพี่คีย์ตั้งแต่อายุสิบสี่สิบห้านู่น ประมาณว่า ปลื้มตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอนั่นแหละ
แต่ช่วงนั้นยังเด็กเกินไปฮอร์โมนความแรดเลยยังไม่เดือดพล่านเหมือนตอนนี้
"ไม่รู้ อยากรู้ก็ถามเองดิ ป้า! ใหญ่ใสสามชาม"
"เดี๋ยวดิ ใครบอกว่านัสจะเอาเส้นใหญ่" ฉันรีบห้ามพี่เบี้ยที่จู่ๆ ก็สั่งก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่น้ำใสให้ฉันไปด้วย
"เออ กินๆ ไปเถอะ เส้นไหนก็อิ่มเหมือนกัน”
“อีกอย่างได้เร็วด้วย ไอ้คีย์จะได้ไม่หงุดหงิด"
"..." ฉันหันไปมองตามสายตาพี่เบี้ยที่มองพี่คีย์ ซึ่งตอนนี้พี่คีย์ไม่ได้เล่นโทรศัพท์แล้ว แต่เปลี่ยนเป็นมองไปมองมาเหมือนอยากจะลุกหนีไปไหนสักที่
"พี่คีย์จะไปไหนหรือเปล่าคะ" บอกแล้วว่าฉันเป็นพวกคิดอะไรก็พูดออกไปเลย จึงได้หลุดปากถามแบบนั้น
"..." คนถูกถามหันมามองหน้าฉันเหมือนด่ากันว่า 'ยุ่งไรกับเธอ' หรือไม่ก็ 'เผือก' อะไรทำนองนั้น
อูย... หล่อแม้แต่ตอนใช้สายตาด่า
"ใหญ่น้ำสามชามมาแล้วจ้า" เด็กผู้หญิงอายุน้อยกว่าฉันประมาณสองสามปียกถาดก๋วยเตี๋ยวสามชามมาวางตรงหน้า
สายตาน้องเขามองพี่คีย์ของฉันไม่กะพริบ นี่ขนาดมีแมสปิดปากนะยังจ้องขนาดนั้น ถ้าพี่คีย์เปิดแมสออกตอนกินก๋วยเตี๋ยวนี่ไม่อยากจะคิดเลย
"เอื้องนี่เด็กดีเนอะ เรียนเสร็จมาช่วยแม่ขายของ"
พี่เบี้ยชมเอื้องที่เป็นลูกสาวคนเดียวของป้าแช่ม