ตอนที่6 .4.
บอส Golems (ธาตุพืช) (Class 6) Lv.689 ปรากฏตัวค่ะ
เมื่อเสียงระบบดังขึ้นในหูของทุกคน ผู้คนต่างแตกตื่น และหวาดผวากันยกใหญ่ การที่บอสระดับนี้โผล่ขึ้นมามันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้เล่นในทวีปเริ่มต้นจะกำจัดมันลงได้ ถึงแม้จะมีกิลด์ ปักษาสวรรค์ ที่เป็นกิลด์อันดับหนึ่งของเมือง แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะล้มบอสระดับนี้ได้ เพราะบอสระดับนี้ต้องใช้ผู้เล่น Class 6 เป็น 100 คน หรือไม่ก็ผู้เล่น Class 7 นับสิบช่วยกันรุมโจมตีถึงจะสังหารมันได้
ในทวีปเริ่มต้นส่วนใหญ่จะเป็นเพียงผู้เล่นมือใหม่กันทั้งหมด ระดับคลาสของคนที่อยู่ที่นี่นั้นส่วนใหญ่จะไม่เกินคลาส 5 กัน เพราะเมื่อผู้เล่นตั้งตัว เตรียมไอเทมของตัวเองให้พร้อมเพียงพอแล้ว จะพากันเข้าไปพจญภัยในทวีปหลักกันต่ออีก ส่งผลให้ทวีปเริ่มต้นขาดผู้เล่นระดับสูงมาคอยคุ้มกันเวลามีภัยระดับสูงเข้ามาเช่นตอนนี้
“นี่เมืองเริ่มต้นจะต้องโดนมอสเตอร์ยึดไปจริงๆหรอเนี่ย” ลูน่ามีสีหน้าท้อใจทันทีที่รู้ระดับของบอสเวฟในครั้งนี้
“ยังหรอก คุณอย่าพึ่งท้อสิ ถ้าคุณกับผม และพวกเราทุกคนร่วมมือกัน อาจจะมีหวังก็ได้นะ” ผมพูดปลอบใจพลางตบไปที่บ่าของเธอเบาๆเพื่อให้กำลังใจ
“ไม่ไหวหรอก ฉันเป็นแค่ผู้เล่นคลาส 5 เองนะ มันเหนือบ่ากว่าแรงของพวกเราแล้วตอนนี้ ต่อให้พวกเราช่วยกันทั้งเมืองก็ล้มบอสระดับนั้นไม่ไหวหรอก ผู้คนที่นี้ส่วนใหญ่ก็พึ่งเริ่มตั้งตัวกันเองนะ” ลูน่า พูดไปเหมือนจะร้องไห้ น้ำตาของเธอเริ่มคลอเบ้า แม้ว่าภายนอกเธอจะดูเข้มแข็ง ดุดัน และแข็งแกร่ง แต่เธอก็ยังคงเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เธอลงทุนลงแรงกับกิลด์ที่เมืองนี้ไปมาก ทั้งรัก และผูกพันธ์กับมัน หากเมืองนี้ถูกทำลายไปเธอคงต้องไปเริ่มต้นใหม่ที่อื่นอีก ซึ่งเธอไม่อยากทิ้งที่นี่ไปที่ไหนอีกแล้ว
“อย่าร้องเลยลูน่า เอางี้เป็นไง ตอนนี้เธอไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะ คงถึงเวลาที่ผมจะตอบแทนคุณแล้ว เดี๋ยวผมจัดการมันเอง!” ผมที่มักจะใจอ่อนกับน้ำตาของผู้หญิงอยู่เสมอพูดขึ้นอย่างกับพระเอกหนัง จากนั้นจึงตัดสินใจก้าวออกไปยืนข้างหน้าเธอเล็กหน่อย พร้อมทั้งหันมากระซิบข้างหูของเธอ
“อย่าไปบอกใครนะ....ลูน่า” ผมพูดเสร็จ และยิ้มให้เธอเล็กน้อย จากนั้นทำการเปลี่ยนชุดเซตทันที ซึ่งมันก็คือชุดที่ผมได้รับในชื่อฉายาของราชันย์ ‘KingCrimSon’ ชุดของผมพลันเปลี่ยนเป็นเกราะเบาสีแดง มีลวดลายต่างๆสลักไว้อย่างสวยงาม ในมือถือธนูเอาไว้ เปลวเพลิงสีแดงฉานลุกท่วมคันธนูของผมอยู่ตลอดเวลา ผมเรียกใช้งานฉายาของผมขึ้นไว้บนหัวทันที ลูน่าที่ยืนมองอยู่ตกใจเป็นอย่างมาก ชุดแบบนี้ไม่ว่าใครก็รู้จักหากเล่นเกมส์นี้มาเป็นเวลานานมากพอ และยิ่งชื่อฉายาที่ขึ้นตั้งตระหง่านไว้เหนือหัวของผู้เล่นแล้ว เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าชายตรงหน้านั้นไม่ใช่ตัวปลอม
“น นี่นาย! คือ....ราชันย์..ราชันย์แห่งไฟ งั้นหรอ!” ลูน่าตกใจจนพูดอย่างกระตุกกระตัก เธอไม่คิดว่าผู้เล่นที่เธอต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ตลอดการเดินทางด้วยกันเมื่อครู่จะมีตำแหน่งที่เป็นถึงราชันย์ได้ เธอน่าจะเอะใจแต่แรกแล้วว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนอาวุธไปเรื่อยๆ เลี่ยงการใช้อาวุธเป็นหลักเป็นแหล่ง และปิดความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆที่เธอดูก็รู้ว่าเขาเก่งมากแค่ไหน
ผมทิ้งให้ลูน่ายืนทึ่งอยู่แบบนั้นโดยไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นรีบกระโดดออกไปกำแพงอีกฝั่งหนึ่งของประตู และเรียกใช้งานทักษะโดยทันที เพราะผมไม่อยากให้เป็นจุดสนใจมากนัก
Shooting Stat - เสริมทักษะธาตุไฟ
ผมเรียกใช้ทักษะ และยิงลูกธนูขึ้นสู่ฟ้าไปนับครั้งไม่ถ้วน จากนั้นไม่นานบนท้องฟ้าได้ปรากฏเป็นลูกหินติดไฟคล้ายอุกกาบาตขนาดเท่าลูกบอลหลายพันลูก ผู้คนที่ได้เห็นอุกกาบาตบนฟ้าต่างพากันแตกตื่น และหนีตายเอาตัวรอดกันยกใหญ่ สกิลนี้กินระยะเป็นวงกว้างประมาณ 1 กิโลเมตร ทันทีที่สกิลตกลงถึงพื้น ก็บังเกิดเป็นแรงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว พื้นดินสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ จำนวนค่าความเสียหายขึ้นถี่ยิบ และเมื่อผลของสกิลหมดลง มอนสเตอร์ที่อยู่ในระยะของสกิลล้วนถูกจำกัดไปแทบหมดในเวลาไม่ถึงนาที แต่บอสโกมแลมพืชยังอยู่ดี เลือดของมันลดลงเพียงหนึ่งส่วนสี่เท่านั้น ผมจ้องมันไม่ละสายตา และไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกว่านี้อีกแล้ว
Sonic
ผมใช้ทักษะที่ทำให้สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความรวดเร็วจากเดิมหลายเท่า และในตอนนี้ผมก็หายไปจากจุดเดิมอย่างรวดเร็วแล้วไปโผล่ที่ด้านหลังของมันแทน โดยระยะห่างนั้นห่างกันกว่า 500 เมตร
Explosion Shot
พลันสกิลถูกยิงออกไปลูกศรแปรเปลี่ยนเป็นก้อนใสๆกลมๆวิ่งทะลุเข้าไปในตัวของบอสอย่างง่ายดาย และทันใดนั้นเอง บอลข้างในก็ระเบิดใส่ภายในตัวของมัน ส่งผลให้บอสร้องออกมาอย่างเจ็บปวด และล้มลงสู่ผืนดินทันที
Fire Cannon
ผมไม่ปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไปจึงเริ่มยิงลูกไฟออกไปไม่ยั้งมือ และไม่ลืมที่จะเสริมด้วยทักษะธาตุไฟ ซึ่งจะทำให้สกิลนี้แรงขึ้นเป็นสองเท่า เลือดของบอสพลันลดลงอย่างรวดเร็วราวกับก๊อกน้ำแตกโดยที่มันไม่มีโอกาสที่จะโต้ตอบเลยแม้แต่นิดเดียว
ตอนนี้บอสติดคำสาปธนูของผมไปเรียบร้อยแล้ว เลือดของมันจะลดลง 1%/1วินาที และเพิ่มเปอร์เซ็นต์ขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนครั้งที่ผมโจมตีได้ เลือดบอสลดลงอย่างเขื่อนแตกผมไม่รอช้ารีบวิ่งไต่ขึ้นไปบนหัวของบอสอย่างรวดเร็ว
Power Shot
ผมเรียกใช้สกิลจากนั้นยิงใส่หัวของบอสเข้าตรงๆ ตู้มมม! มันสร้างความเสียหายมหาศาลเพราะมันเป็นสกิลโจมตีโดยตรงไม่หักล้างพลังป้องกัน แต่ไม่นานบอสก็เริ่มตั้งหลักได้มันสร้างรากไม้จับขาผมเอาไว้ จากนั้นมันใช้มือฟาดมาหาผมอย่างรุนแรง ผมที่ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการนี้ได้ทันการ จึงยกมือขึ้นกันเอาไว้แทน
ตุบ...อัก....!
“โอ้ยย......ไอ่บ้าเอ้ย!” ผมโดนมันโจมตีจนกระเด็นออกไปไกล และเนื่องจากผมเป็นอาชีพที่มีค่าพลังป้องกันน้อย จึงเกิดค่าเสียหายขึ้นจำนวนหนึ่งแต่ก็ไม่มากนัก ‘แย่จังแฮะ นี่ฝีมือเราเหมือนจะทื่อลงเยอะเลยสินะ’ ผมต้องรีบแก้หน้าโดยด่วนจึงกระโดดขึ้นไปลอยเบื้องหน้าของบอส
Prismatic Arrow
ผมยิงลูกศรไปเก้าดอก แต่ละดอกพลันเปลี่ยนเป็นแต่ละธาตุรวมทั้ง 9 ธาตุ มันกำลังพุ่งเข้าใบหน้าของบอสอย่างจัง ส่งผลให้บอสถึงกับเซถอยหลังไปหลายก้าว แต่ก็ไม่ล้มลงเสียที
“มันตัวใหญ่เกินไปแฮะ ต้องตัดขามันซักหน่อยแล้ว” ผมพูดพลันเรียกใช้ “Aque Lance” หอกน้ำที่ทั้งใหญ่และแหลมคมอย่างมาก พุ่งเข้าใส่ขาข้างหนึ่งของบอสขาดลงในครั้งเดียว บอสนั้นล้มลงไปกับพื้นเพราะเสียการทรงตัวอย่างฉับพลัน ไม่รอช้าเรียกใช้ “Power Shot” “Fire Cannon” “Aque Lance” “Explosion Shot ” มันไม่มีโอกาสได้ขยับตัวแม้แต่น้อย เลือดบอสเหลือเพียงน้อยนิด ผมจึงเลือกปิดท้ายด้วย
Black Hole
เกิดหลุมดำขนาดใหญ่ค่อยๆดูดกลืนบอสหายเข้าไปอย่างช้าๆ แม้ว่าบอสโกแลมพืชจะมีพลังโจมตี และเลือดที่เยอะแต่มันก็เคลื่อนไหวช้าอย่างมาก จึงแพ้ทางสายความเร็วแบบผม และอีกอย่างผมมีธาตุหลักเป็นไฟ ผมจึงได้เปรียบเต็มๆ
ทุกๆการเคลื่อนไหวของผมขณะที่ต่อสู้กับบอสโกเลมพืชตัวนี้ อยู่ในสายตาของชาวเมืองตลอดเวลา บางคนถ่ายคลิปวีดิโอเอาไว้เผยแพร่ว่า ราชันย์แดงกลับมาแล้ว ซึ่งผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนักหากไม่มาวุ่นวายกับผมก็พอ ผมมองซ้ายมองขวาอยู่พักหนึ่งก่อนจะรีบพุ่งหายเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็วเพื่อหลบจากเหตุการณ์เหล่านี้
.
.
.
เมื่อข่าวการกลับมาของ ราชันย์แดง ที่หายตัวไปนานเกือบ2ปี ในโลกความจริง ได้กลับมาเล่นอีกครั้ง ทำให้พวกกิลด์ใหญ่ต่างวุ่นวายเรียกประชุมกันยกใหญ่ รวมถึง ราชันย์ อีก 8 คนก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน แต่ละฝ่าย แต่ละกิลด์แต่ละคน ล้วนมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
ณ ห้องประชุมแห่งหนึ่ง
เสียงพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันอย่างออกรส มีร่างของบุรุษ และสตรี อยู่ 5 เงากำลังพูดคุยกันอย่างสนิทสนมราวกับรู้จักกันนับสิบปี
“กลับมาเล่นได้ซักทีนะ ไอ่บ้านั่นหนะ”
"กลับมาทั้งทีเปิดตัวเด่นเลยนะนั่น"
"เขาก็เป็นแบบนี้ตลอดเลยนี่นา"
“นั่นสินะ คิดถึงเค้าจัง”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”