บทที่ 8 บุกไปช่วยคนรัก ตอนแรก
เสียงร้องไห้ของเด็กเล็กดังแว่วมาทำให้ชายหนุ่มที่นอนซมเพราะพิษไข้ลืมตาตื่น ถ้าจำไม่ผิดนี่เป็นเสียงของเซเรียส ด้วยความเป็นห่วงลูกชาย วาเรียสจึงกัดฟันลุกจากเตียงทั้งที่ปวดหัวสุด ๆ เพียงแค่เท้าแตะพื้นก็ทำเอาเขาเดินเซจนเกือบล้มแต่โชคดีที่มีโต๊ะอยู่ใกล้ ๆ จึงใช้มือยันตัวเองไว้ได้ทัน ร่างสูงผลักบานประตูออกจากห้องแม้แขนขาจะไม่ค่อยมีแรงแต่ก็ต้องไป
เจ้าเด็กนั่นร้องขนาดนี้ เซซาเนียน่าจะทำให้หยุดร้องได้แล้วนี่ น่าแปลกที่คราวนี้เซเรียสร้องงอแงนานผิดปกติทำให้ความสงสัยก่อตัวขึ้นในใจ วาเรียสกัดฟันเดินไปถึงห้องพักของตัวเองซึ่งถ้าไม่ป่วย เขาคงไม่ไปนอนพักที่อื่น จังหวะนั้นเขาก็ได้ยินเสียงวานาเลียคุยกับสี่องครักษ์พอดี
“เซซาเนียหายไปตั้งแต่เมื่อวานยังไม่กลับมาเลย มีแค่ข้อความทิ้งไว้ว่าจะไปหาน้องที่ชายแดน” นางฟ้าสีแดงยื่นกระดาษสีขาวให้เทมเพสรับไปดูพลางอุ้มหลานชายที่กำลังร้องไห้ไม่หยุดขึ้นมาปลอบโยน
“ถ้าเจ้าหญิงใช้คริสตัลเวทเคลื่อนย้าย คงไม่มีใครทำร้ายระหว่างทางหรอกครับ นอกจาก...”
“มีคนดักรอนางอยู่ที่ปลายทาง” เสียงที่พูดต่อจากหนุ่มผมหางม้าทำให้ทุกสายตาหันไปมองทันที วาเรียสเดินโซเซเข้ามาทั้งที่หน้าซีดเหมือนคนป่วยหนักซึ่งเขาก็ป่วยหนักจริง ๆ
“ท่านจ้าว” สี่องครักษ์ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะลุกขึ้นมาจากเตียงยามนี้
“เซซาเนียหายไปแล้วทำไมไม่มีใครบอกข้า!” ชายหนุ่มตวาดใส่ทุกคนในห้องจนหลุดสะดุ้งเป็นทิวแถว ไม่เว้นแม้กระทั่งเซเรียสที่ตอนแรกหยุดร้องตั้งแต่เห็นพ่อเดินเข้ามา พอเห็นพ่อเสียงดัง เจ้าตัวเล็กจึงร้องไห้อีกรอบ
“ท่านจ้าว คือว่า...”
“ก็รู้อยู่ไม่ใช่หรือไงว่าข้ากับนางเป็นอะไรกัน! เกิดเรื่องอย่างนี้แล้วทำไมไม่บอก! ถ้าเซซาเนียเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง! นั่นแม่ของลูกข้านะ! อยากให้ข้าสติแตกใช่ไหม!” เจ้าตัวโวยวายทั้งที่มือสั่น หลังฝ่ามือข้างซ้ายเริ่มแสบร้อนพร้อมกับมีเลือดไหลซึมออกมา คาดว่าเพราะอาการป่วย ทำให้เขาไม่รู้ตัวว่าตราพันธะกำลังร้องเตือน
“วาเรียสใจเย็น ๆ ก่อน” วานาเลียเห็นหลานชายตัวน้อยร้องจ้าก็เป็นห่วง เซเรียสคงตกใจมาก และทางเดียวที่จะช่วยให้เขาหยุดร้องก็มีแต่ต้องให้คนเป็นพ่อระงับอารมณ์ก่อน ทว่ามันไม่ได้ผล
“ข้าจะไปพานางกลับมา! ต่อให้ไปลงนรก ข้าก็จะพานางมาให้ได้!” ว่าแล้ว ร่างสูงก็หันหลังเดินออกจากห้องไปเร็วปานพายุ ทว่าสภาพในยามนี้ทำให้วานาเลียถึงกับหน้าซีด
วาเรียสยังไม่พร้อมจะออกไปสู้กับใคร!
“พวกเจ้ารีบไปห้ามเขาเร็ว อย่าให้เขาทำอะไรบ้า ๆ นะ!”
“ครับ!” สี่หนุ่มรีบวิ่งตามร่างสูงออกไปทันที ส่วนนางฟ้าสีแดงก็หันมากอดปลอบเจ้าตัวเล็กที่ร้องงอแงไม่หยุด ในใจก็เต็มไปด้วยความสงสารและเห็นใจหลานชาย
ครอบครัวที่ควรจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก ใครจะไปนึกว่าสักวันจะบ้านแตก!
ความรู้สึกหวาดระแวง เป็นห่วง อีกทั้งตอนที่เซเรียสร้องแล้วพยายามจะบอกบางอย่างอีก ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่ามันคืออะไร ทั้งหมดมันเป็นลางบอกเหตุว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเซซาเนีย หัวใจของวาเรียสเต็มไปด้วยความร้อนรน เธอหายไปตั้งแต่เมื่อวาน ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง ทว่ายังไม่ทันจะก้าวขาพ้นประตู ร่างโปร่งแสงของใครบางคนก็ปรากฏขึ้นมาขวางทางก่อน
“พ่อ! อย่าขวางข้า!”
“เจ้าอย่ามาสั่งพ่อนะ ดูสภาพตัวเองบ้างสิ เจ้าป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ พลังในร่างเจ้ายังไม่เสถียร ถ้าออกไปสู้ตอนนี้ ฝ่ายที่จะถูกฆ่าคือเจ้าไม่ใช่พวกมนุษย์!”
“ข้าไม่สน! ข้าจะไปช่วยเซซาเนีย! ถอยไป!” วาเรียสซัดคลื่นพลังใส่คนตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัว คาเรียสหายวับไปจากตรงนั้นแล้วโผล่ไปอยู่อีกที่ขณะยืนมองคนเริ่มบ้าที่สำลักลิ่มเลือดเพราะใช้พลังทั้งที่ยังไม่พร้อม
“พ่อบอกแล้วใช่ไหมว่าเจ้าไม่พร้อม!”
“เงียบนะ! เป็นแค่วิญญาณก็อยู่ในส่วนของคนตายไปสิ! อย่ามายุ่งกับข้า!” ชายหนุ่มตวาดใส่อดีตจ้าวปีศาจพลางถุยเลือดทิ้งจากนั้นก็เรียกปีกสามคู่ออกมาแล้วบินขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านคาเรียส! ท่านจ้าวล่ะครับ!” สี่หนุ่มที่เพิ่งตามมาทีหลังเห็นแค่อดีตจ้าวปีศาจยืนอยู่คนเดียวแต่ไร้เงาของผู้ปกครองแดนมืด คาเรียสถอนหายใจแล้วหันหลังลอยกลับเข้าไปข้างในโดยไม่ลืมทิ้งท้ายว่า
“มันไปแดนมนุษย์แล้ว พวกเจ้ารีบไปลากคอไอ้ลูกเวรนั่นมาซะ ก่อนที่มันจะถูกมนุษย์ฆ่า!”
ผ่านไปหนึ่งคืนหลังจากที่เธอกลับมาอยู่ในแดนมนุษย์ ประเทศโรซานที่เป็นทั้งบ้านและกรงขังไม่ได้ทำให้หญิงสาวรู้สึกดีขึ้นเลย เสียงฟ้าร้องดังแว่วมาเป็นสัญญาณเตือนว่าอีกไม่นานสายฝนชุดใหญ่จะเทกระหน่ำลงมา เซซาเนียเป็นห่วงครอบครัวที่แดนมืด เธอไม่อยู่แล้วเซเรียสจะเป็นยังไงเวลาหิวนม วาเรียสจะเป็นยังไงถ้าล้มป่วยแล้วไม่มีเธอคอยให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ เธออยากกลับไปหาทั้งสอง อยากไปหาและโอบกอดให้หายคิดถึง
“สุดท้ายข้าก็ยังเป็นนกในกรงทองอยู่วันยังค่ำสินะ” เธอเจ็บปวดและเกลียดตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้ มีแต่ต้องให้คนอื่นคอยปกป้อง บางทีตอนที่จดหมายนั่นถูกส่งมา เธอควรจะรีบไปบอกวานาเลีย ไม่อย่างนั้นเหตุการณ์นี้คงก็ไม่เกิด
เธอมันโง่ที่ไม่รู้จักคิด!
ภายหลังเหตุการณ์เมื่อวานนี้ เวลดอนถูกจับไปกักบริเวณ ส่วนเธอก็ถูกจับมาขังไว้บนหอคอยสูง ออกไปไหนก็ไม่ได้แม้กระทั่งจะไปหาน้องชายก็ไม่ได้รับอนุญาตจึงทำได้แค่เฝ้ามองทุกอย่างจากบนนี้เท่านั้น
ตูม!!!
พลันเกิดเสียงระเบิดดังลั่นไปทั่วชนิดที่ได้ยินทั้งพระราชวังแคนเดียนทำให้เจ้าหญิงแห่งโรซานลุกจากเตียงแล้วตรงไปดูที่หน้าต่างทันที เธอเห็นเปลวไฟสีเลือดขนาดใหญ่ลุกไหม้อยู่ที่ไกล ๆ พลันพลังบางอย่างก็ถูกยิงลงมาท้องฟ้าระเบิดตามจุดต่าง ๆ ทั่ววังจนเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างน่ากลัว
“เพลิงสีโลหิต? ท่านวาเรียส!” เธอรู้ว่าเป็นฝีมือใครจากนั้นนัยน์ตาสีเขียวน้ำทะเลก็เห็นอะไรบางอย่างสะบัดปีกร่อนต่ำลงมาเรื่อย ๆ เขาตวัดมือสร้างวงเวทกระจายออกไปตามจุดต่าง ๆ แล้วระเบิดสิ่งก่อสร้างอีกหลายแห่ง จากนั้นก็กวาดสายตาอะไรหาบางอย่างเช่นกัน “ท่านวาเรียส!”
“เซซาเนีย?” เสียงใสตะโกนแว่วมาแต่ไกลทำให้เขารู้ตำแหน่งของเธอ นึกอยู่แล้วว่าภายในวันสองวันนี้ ออร์ดิอุสยังไม่นำตัวลูกสาวไปขังไว้ในที่ที่มองไม่เห็น
“ท่านวาเรียสจริง ๆ ด้วย”
“ขอโทษที่มาช้า อุ๊บ!” ทันทีที่ร่างสูงสะบัดปีกบินมาอยู่ตรงหน้า เขาก็สำลักลิ่มเลือดออกมาต่อหน้าหญิงสาว เจ้าหญิงแห่งโรซานหน้าซีดเผือด เมื่อนึกได้ว่าตอนนี้ที่แดนมืดเพิ่งผ่านช่วงรัตติกาลสีแดงไปจึงรีบยื่นมือออกไปแตะหน้าผากอีกฝ่ายทันที
“ตายแล้ว! ตัวร้อนจี๋เลย ท่านไม่สบายนี่!”
“มะ...ไม่เป็นไร ข้ายังไหว” แน่นอนว่าเขาโกหก ความจริงแล้ววาเรียสปวดหัวมาก ภาพตรงหน้าก็เริ่มพร่ามัว แขนขาแทบจะไม่มีเรี่ยวแรง ทุกครั้งที่ใช้พลังก็รู้สึกเหมือนมีอะไรก็ไม่ทราบวิ่งพล่านไปทั่วร่าง แต่เพราะไม่อยากให้เธอเป็นห่วงจึงต้องแข็งใจไว้ “มาเร็ว ระเบิดเมื่อกี้ดึงความสนใจได้ไม่นาน”
“เอ่อ...ค่ะ” เซซาเนียรีบก้าวออกไปก่อนจะกระโจนใส่คนตรงหน้าที่ช่วยรับไว้ ร่างสูงสะบัดปีกพาหญิงสาวบินออกจากหอคอย แต่ดูเหมือนโชคไม่เข้าข้างเมื่อสายพลังนับร้อยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินแล้วระเบิดใส่ปีศาจหนุ่มชุดใหญ่พร้อมกัน เสียงของมันดังราวกับจุดพลุเลยทีเดียว
ตูม! ตูม! ตูม!
“กรี๊ด!!!”
“บัดซบ!” วาเรียสสบถพลางกัดฟันกรอดเมื่อรู้สึกได้ถึงความแสบร้อนบนแผ่นหลัง ปีกของเขาสองคู่กำลังถูกไฟเผาไหม้ทั้งที่ไม่มีอะไรเผามันได้นอกจากเวทกำจัดปีศาจระดับรุนแรง ทั้งเขาและเซซาเนียกำลังพุ่งลงไปข้างล่างตามแรงโน้มถ่วงของโลก เมื่อมองจากที่ไกล ๆ แล้วคล้ายดาวตกพุ่งลงมาจากท้องฟ้าไม่มีผิด
ปีศาจหนุ่มใช้เวทสายลมลดความเร็วในการตกก่อนจะโอบกอดร่างบางไว้ก่อนตกลงไปกระแทกพื้นจนกลิ้งหลุน ๆ ไปหลายตลบ เจ้าหญิงแห่งโรซานกลิ้งเข้าไปในสนามหญ้าจึงได้แผลถลอกตามตัวเท่านั้น หญิงสาวกัดฟันลุกขึ้น แม้จะเจ็บขาข้างหนึ่งแต่ก็ฝืนล้มลุกคลุกคลานไปหาใครบางคนที่กำลังยันตัวลุกขึ้นจากพื้นปูน
“ท่านวาเรียส” เซซาเนียเห็นสภาพปีกที่ถูกไฟไหม้ก็รีบช่วยประคองคนเจ็บ จังหวะนั้นร่างสูงก็สำลักเลือดชุดใหญ่เนื่องจากพลังที่ไม่เสถียรในร่าง ยิ่งกว่านั้นตามตัวรวมทั้งใบหน้ายังมีบาดแผลไฟไหม้บางส่วนด้วย
ทั้งหมดคือผลจากเวทกำจัดปีศาจ!
“ข้าไม่เป็นไร” เจ้าตัวสะบัดหน้าไล่อาการมึนหัวตามด้วยหักข้อนิ้วตัวเองที่บิดเบี้ยวผิดรูปให้กลับมาเป็นปกติ เซซาเนียอดเสียวสันหลังไม่ได้ ถ้านิ้วเธอถูกทำแบบนั้นคงเจ็บน่าดูแต่เขากลับไม่ปริปากร้องแอะเลย
“ท่านบาดเจ็บ” เธอกำลังจะใช้เวทรักษาถ้าไม่ติดว่ามีเสียงฝีเท้าหลายคู่ดังแว่วมาทางนี้
“ไอ้ปีศาจนั่นมันอยู่ทางนี้!”
“ไปฆ่ามันเร็ว!”
“ไปกันเถอะ” วาเรียสเก็บปีกพลางคว้าข้อมือหญิงสาวแล้วพาวิ่งหนีไปจากตรงนั้นโดยเร็วก่อนจะชะงักตามด้วยผลักหญิงสาวออกไป วงเวทกำจัดปีศาจปรากฏขึ้นใต้เท้าทำให้ร่างสูงกระโดดหลบ นักเวทนับสิบคนทิ้งตัวลงมาจากท้องฟ้าแล้วหันคทาไปทางเป้าหมาย จากนั้นห่ากระสุนเวทก็ถูกยิงออกมาโจมตีศัตรูชุดใหญ่
ข้าไม่มีเวลามาสู้กับพวกเจ้าหรอกนะ! ชายหนุ่มสบถในใจพลางยกฝ่ามือสร้างม่านพลังดูดกระสุนเวทพวกนั้นตามด้วยวาดมือออกไป วงเวทสีดำกระจายไปทั่วบริเวณก่อนจะเกิดระเบิดตูมใหญ่ตามมาส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก
“เซซาเนียไปเร็ว!” เขาหันไปตะโกนเรียกหญิงสาวพลางเรียกเคียวจ้าวแห่งอนธการออกมาปัดป้องสายพลังจำนวนนับไม่ถ้วนที่พร้อมใจกันโจมตีเขาคนเดียว