บทที่ 9 บุกไปช่วยคนรัก ตอนที่ 2
เจ้าหญิงแห่งโรซานวิ่งนำหน้าอย่างรู้ทางว่าควรไปทางไหนถึงจะออกจากพระราชวังได้ จังหวะนั้นอะไรบางอย่างก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าทำให้วาเรียสต้องพุ่งไปดึงหญิงสาวถอยกลับมา คมดาบที่เคลือบเวทกำจัดปีศาจตวัดใส่โดยไม่ห่วงเลยว่าอาจทำให้เซซาเนียถูกลูกหลง วาเรียสยกเคียวตั้งรับคมดาบแต่คลื่นพลังที่แผ่ออกมากลับสร้างบาดแผลไฟไหม้อย่างรุนแรงให้แขนข้างนั้นทันที
“ท่านพ่อ! ทำไม...” พอเห็นว่าใครเป็นเจ้าของดาบเล่มนั้น เธอก็ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเป็นออร์ดิอุส
“นังลูกไม่รักดี! คิดจะหนีไปกับปีศาจงั้นหรือ ไม่มีทางซะหรอก!” ชายวัยกลางคนเบนสายตามาจ้องร่างสีดำแล้วยกดาบชี้หน้าเอาเรื่อง “เจ้า! ไอ้ปีศาจชั้นต่ำ! กล้าดียังไงมาแตะต้องลูกสาวข้า! วันนี้แหละข้าจะเผาเจ้าให้แหลกสลายไปแม้กระทั่งวิญญาณ! ตายซะ!”
“ท่านพ่อ! อย่า!” เซซาเนียพยายามห้ามแต่ความโกรธทำให้ออร์ดิอุสไม่สนอะไรทั้งนั้น ภาพตรงหน้าทำให้เขาเห็นทั้งสองคือเอรุคกับเซลิเนีย ชายวัยกลางคนตวัดดาบส่งรัศมีจันทร์เสี้ยวที่เป็นเพลิงร้ายใส่ทั้งสอง วาเรียสฉุดหญิงสาวหลบให้พ้นทางแต่คลื่นพลังความร้อนทำให้เธอได้แผลไฟไหม้ไปบางส่วน วาเรียสเห็นเข้า ความโกรธก็จึงเริ่มปะทุออกมาจากข้างใน!
“ออร์ดิอุส แอมโบเรีย!!!” ชายหนุ่มก้าวเข้ามาเผชิญหน้ากับราชาแห่งโรซานด้วยความโกรธเกรี้ยว นัยน์ตาสีแดงธรรมดากลายเป็นสีเลือด เสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหวราวกับกำลังข่มขวัญพวกมนุษย์ทุกคนในบริเวณนี้
“กะ...แก...” ชายวัยกลางคนถอยหลังอย่างระวังภัย
“เจ้ากล้าลงมือโดยไม่ห่วงความปลอดภัยของลูกสาวตัวเอง! เจ้ายังมีความเป็นพ่ออยู่ไหมไอ้แก่! เกลียดปีศาจนักใช่ไหม! แค้นปีศาจนักใช่ไหม! ปีศาจมันสกปรกโสโครกในสายตาเจ้ามากใช่ไหม!” วาเรียสก้าวเข้ามายืนบนกองเพลิงเวทที่ใช้กำจัดปีศาจ แน่นอนว่ามันทำให้ตามร่างกายของเขาเริ่มมีบาดแผลไฟไหม้ แต่เจ้าตัวกลับไม่กรีดร้องทรมานเลยแม้แต่น้อย
“สะ...สัตว์ประหลาด!”
“ไอ้ปีศาจนั่นมันทำได้ยังไง!”
พวกทหารน้อยใหญ่ต่างเผยสีหน้าหวาดกลัวเมื่อเห็นศัตรูเพียงหนึ่งเดียวถูกเพลิงลุกท่วมทั้งตัวแต่กลับยังย่างสามขุมมาหาราชาของพวกตนได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
“ไอ้พวกมนุษย์บัดซบ! ไอ้พวกสวะเศษเดน! เป็นแค่ขยะไร้ค่าของแผ่นดินก็ไปลงนรกซะเถอะ! ตายซะ!” วาเรียสสะบัดมือออกไป พริบตานั้นสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนก็ผ่าลงมาบนพื้นดิน ทั้งอาคาร สิ่งก่อสร้าง และทหารบางกลุ่มในบริเวณโดยรอบรัศมีแปดร้อยเมตรถูกฟ้าผ่าตายหลายราย
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
วาเรียสพุ่งไปหาทหารที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อนจะตวัดเคียวบั่นคอจากนั้นการสังหารหมู่ก็เริ่มต้นขึ้น ด้วยความโกรธทำให้เขาไม่สนใจสภาพร่างกายของตัวเอง ร่างสูงใช้เคียวไล่ล่าผู้คน บั่นคอ ฟันร่างจนขาดเป็นสองท่อน หรือแม้กระทั่งใช้มือเปล่าควักหัวใจและเครื่องในอื่น ๆ ออกมาทั้งเป็น เขาทำโดยไม่สนใจใบหน้าหวาดกลัวของเหยื่อ เสียงกรีดร้องของผู้คนดังระงมไปทั่ว ออร์ดิอุสเป็นคนเดียวที่ถอยออกมาจากที่นั่นได้ทัน เซซาเนียยังอยู่ในบริเวณนั้น นัยน์ตาสีเขียวน้ำทะเลเบิกกว้างเมื่อเห็นฉากสังหารหมู่ ก่อนที่เธอจะคลื่นไส้แล้วอาเจียนออกมา
ต้องห้ามท่านวาเรียส เจ้าหญิงแห่งโรซานลุกขึ้นวิ่งไปหาปีศาจที่กำลังบ้าคลั่ง ใบหน้าของวาเรียสในยามนี้กำลังแสยะยิ้มราวกับคนมีความสุขที่ได้ทำลายชีวิตคนอื่น
“ท่านวาเรียส! หยุด! พอได้แล้ว! พอสักที! หยุดนะ!”
“อย่ามาห้ามข้า!” ร่างสูงสะบัดมือตบเข้าที่ใบหน้าของหญิงสาวก่อนจะยกเคียวขึ้นเตรียมฟาดลงมาถ้าไม่ติดว่าสบตากันก่อน สติและการรับรู้จึงกลับมาทำให้เขารู้ตัวว่าเกือบฆ่าเธอไปแล้ว “ซะ...เซซาเนีย อั่ก!”
“ท่านวาเรียส!” หญิงสาวรีบลุกวิ่งมาดูอาการคนป่วยทันที ร่างสูงกระอักเลือดออกมาชุดใหญ่แถมตอนนี้ยังมีเลือดกำเดาไหลออกมาอีกทำให้เธอฉีกชายกระโปรงออกมาเช็ดเลือดให้ ปีศาจหนุ่มหายใจแรงขึ้นทำให้เธอเดาว่าเขาน่าจะเริ่มหายใจไม่ออก ถ้าไม่รีบกลับแดนมืด พลังแปรปรวนในร่างคงฆ่าเขาแน่!
“ไปกันเถอะ” เจ้าตัวกัดฟันวิ่งออกจากพื้นที่สังหารหมู่พร้อมหญิงสาว ออร์ดิอุสที่เฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ ก็เผยสีหน้าไม่เข้าใจที่เซซาเนียเลือกที่จะไปต่อกับปีศาจร้ายมากกว่าอยู่กับพรรคพวกเดียวกันทั้งที่เมื่อกี้วาเรียสเพิ่งลงมือฆ่าชาวโรซานไปมากมาย!
“ไปบอกพวกนักเวท สร้างเขตแดนดักจับปีศาจเดี๋ยวนี้!”
“ขะ...ขอรับ!” ทหารกลุ่มใหม่ที่เพิ่งวิ่งมาถึงรีบค้อมศีรษะรับคำสั่งก่อนที่หนึ่งในนั้นจะหันหลังไปหาพวกหน่วยเวทและเหลือทหารอีกจำนวนหนึ่งไว้คอยอารักขาราชาแห่งโรซาน
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
“ระวัง!” จังหวะที่ทั้งสองวิ่งผ่านตึกสูงใกล้ ๆ สวนดอกไม้ ลูกธนูจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งลงมาทำให้วาเรียสเอาตัวเข้าไปบังร่างบางไว้ แผ่นหลังของเขาจึงถูกลูกธนูปักนับสิบดอก เวทกำจัดปีศาจที่เคลือบมานั้นทำให้เขาถึงกับกระอักเลือดชุดใหญ่
“ท่านวาเรียส!” เซซาเนียรีบดึงลูกธนูพวกนั้นออกทันทีไม่อย่างนั้นฤทธิ์ของเวทฆ่าปีศาจจะหลั่งไหลเข้ามาในร่างของเขา “ไหวไหมคะ” เธอช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้นพลางกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปด้วยกัน
“แค่ก ๆ ไม่แน่ใจเหมือนกัน ให้ตายสิ!” ร่างสูงสำลักลิ่มเลือดพลางวาดมือสร้างฝูงนกสีทมิฬนับร้อยแล้วปล่อยให้พวกมันบินขึ้นไปบนดาดฟ้าตามด้วยรุมจิกพวกนักธนูที่ซ่อนตัวอยู่
“ทำไมท่านถึงมาช่วยข้า” เธอถามขณะพาอีกฝ่ายเลี้ยวไปทางซ้าย
“เหตุผลนั้นเจ้าก็รู้ไม่ใช่เหรอ” คำตอบนั้นทำให้เซซาเนียเงียบกริบ อย่างที่เขาบอก เธอรู้เหตุผลนั้นดี ไม่มีใครอยากแยกจากคนรักทั้งนั้นไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม และถ้าคนสำคัญอยู่ในอันตราย มีหรืออีกคนจะไม่รีบมาช่วยต่อให้ถูกมองว่าเป็นการกระทำที่โง่เง่าสิ้นดี
พลันคลื่นพลังบางอย่างก็ซัดผ่านไปทำให้วาเรียสถึงกับหมดแรงจนทรุดลงกับพื้น เจ้าหญิงแห่งโรซานมองคลื่นพลังนั้นก็เบิกตากว้างแล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้า มีลูกไฟถูกยิงขึ้นไปกลางอากาศก่อนที่มันจะระเบิดและสร้างบาเรียขนาดมหึมา อีกไม่นานมันคงจะขยายจนครอบพระราชวังได้
“ไม่นะ นั่นมันเขตแดนดักจับปีศาจ ถ้าเขตแดนเสร็จสมบูรณ์ มันจะกักขังไม่ให้ใครออกไปและมันจะฆ่าปีศาจทันทีที่ตรวจจับได้ว่าอยู่ตรงไหน เราต้องรีบแล้วค่ะ” เซซาเนียถึงกับหน้าซีดเผือด ขืนยังไปตามเส้นทางออกจากพระราชวังคงหนีไม่ทันแน่
“ข้ายังเหลือปีกอีกคู่ น่าจะพาไปได้ ขออนุญาตนะ” วาเรียสจับร่างบางอุ้มท่าเจ้าหญิงแล้วเรียกปีกคู่สุดท้ายออกมาตามด้วยบินขึ้นฟ้าโดยเร็วเท่าที่จะทำได้ แม้จะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนจากบาดแผลไฟไหม้บนแผ่นหลังแต่เขาก็อดทน ไม่อย่างนั้นทั้งเขาและเธอจะไม่มีใครได้ออกไป!
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ตูม! ตูม! ตูม!
สายพลังเวทโจมตีปีศาจเจ้ากรรมถูกยิงขึ้นมาตามที่ต่าง ๆ ในพระราชวังโดยล็อกเป้ามาที่เขา วาเรียสสะบัดปีกบินหลบก่อนที่มันจะระเบิดออกมาเป็นพลุขนาดใหญ่ สะเก็ดของมันไล่ตามมาโจมตีเขาต่อจนได้แผลไฟไหม้ตามตัวอีกไปหลายส่วน อีกนิดเดียวก็จะพ้นเขตพระราชวังแล้ว วาเรียสจึงกัดฟันเร่งความเร็วในการบิน
ตูม!!!
สายพลังหนึ่งพุ่งขึ้นมาตามด้วยระเบิดใส่ปีศาจหนุ่มเต็ม ๆ ทำให้ปีกคู่สุดท้ายถูกเผาไหม้อย่างรวดเร็ว ทั้งสองพุ่งลงไปข้างล่างโดยที่วาเรียสโอบกอดเซซาเนียไว้แน่นก่อนจะกระแทกพื้นและกระเด็นไปชนกำแพงวังจนทะลุทำให้ทั้งสองกลิ้งแยกไปคนละทางอีกครั้ง ปีศาจหนุ่มรู้สึกปวดระบมไปทั้งตัวพลางกัดฟันลุกขึ้นจากพื้น ตอนนี้เขาอยู่นอกเขตพระราชวังทว่าหญิงสาวยังอยู่ข้างใน!
“เซซาเนีย!” เมื่อเห็นว่าม่านพลังกำลังจะลงมาจรดพื้นดินในอีกไม่ช้า วาเรียสจึงลุกวิ่งลากขาข้างที่เจ็บไปหาร่างบางพลางยื่นมือข้างซ้ายออกมา
“ท่านวาเรียส!” เซซาเนียกัดฟันลุกวิ่งไปหาคนตรงหน้าพลางยื่นมือซ้ายออกมาเช่นกัน ขาสองข้างออกแรงสุดกำลัง อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นทั้งสองก็จะเอื้อมถึงกันแล้ว!
แต่โชคร้ายที่ม่านพลังนั้นจรดถึงพื้นและขวางกั้นทั้งคู่เอาไว้!
ร่างบางวิ่งชนบาเรียโปร่งใสก่อนจะทรุดลงกับพื้นเนื่องจากมันสายเกินไป เธอไม่สามารถออกไปหาเขาได้แล้ว วาเรียสทรุดลงตรงหน้าเซซาเนียพลางทุบบาเรียและนั่นทำให้เขาถูกกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านช็อตเอาแต่เจ้าตัวไม่สน เขาเปลี่ยนมาใช้เคียวทำลายม่านพลังแต่สภาพในยามนี้แม้แต่แรงยกอาวุธก็ยังไม่มี เสียงฝีเท้าของพวกทหารดังแว่วมาทำให้เจ้าหญิงแห่งโรซานตัดสินใจ
ตอนนี้มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่ต้องไป!
“ท่านวาเรียส หนีไปค่ะ รีบไปก่อนที่พวกทหารจะมา!”
“ไม่! ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้าไม่มีเจ้า!” เจ้าตัวเค้นพลังทั้งหมดออกมาซัดใส่ม่านพลังแต่กลับทำอะไรมันไม่ได้ ฝ่ายที่เสียเปรียบกลับเป็นเขามากกว่า พลังแปรปรวนในร่างทำให้เขาสำลักเลือดต่อหน้าหญิงสาว
“ท่านวาเรียส ฟังข้านะคะ ข้าออกไปไม่ได้แล้ว ท่านต้องหนีไปเดี๋ยวนี้ รีบกลับไปแดนมืดก่อนที่ท่านพ่อจะส่งคนไปตามล่าท่าน”
“แล้วเจ้าล่ะ ถ้าข้าหนีไปคนเดียวก็เท่ากับว่าข้าทิ้งเจ้า แล้วข้าจะมีหน้ากลับไปหาลูกได้ยังไง ข้าไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ข้าต้องช่วยเจ้าออกมา ไอ้ม่านพลังบัดซบ ปล่อยนางนะ!” วาเรียสทุบบาเรียสุดแรงเกิดซ้ำ ๆ หลายครั้งจนเลือดออกเลอะบาเรียโปร่งใส
“ไม่! ท่านต้องกลับไปเดี๋ยวนี้ ได้โปรด ข้าขอร้อง” หญิงสาวยกฝ่ามือข้างซ้ายขึ้นมาทาบม่านพลัง อีกฝ่ายนิ่งไปชั่วขณะแล้วกัดฟันยกมือข้างซ้ายขึ้นมาทาบกับฝ่ามือของเธอแม้จะเจ็บเพราะถูกไฟช็อตก็ตาม ตราพันธะบนหลังฝ่ามือของทั้งคู่เรียกร้องหากันเป็นการบอกลา
นัยน์ตาสีแดงที่ไม่เคยเสียน้ำตามานาน ยามนี้เขาไม่สามารถห้ามมันได้ วาเรียสร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใครเช่นเดียวกับหญิงสาวที่ไม่อาจกลั้นน้ำตาเมื่อจำเป็นต้องบอกลาทั้งที่ต่างฝ่ายต่างอยู่ตรงหน้ากัน ในที่สุดชะตากรรมรักต้องห้ามระหว่างมนุษย์กับปีศาจก็มาถึงพวกเขา เซซาเนียเจ็บปวดที่ต้องปล่อยให้อีกฝ่ายจมอยู่ความเศร้า ในขณะที่วาเรียสกลายเป็นคนที่เจ็บที่สุดเพราะรอเธอมาเกือบทั้งชีวิต เพียงแค่เกือบสองปี เวลามันช่างสั้นนัก!
“ดูแลเซเรียสด้วยนะคะ รักเขา ปกป้องเขา และเอาใจใส่เขาด้วย”
“ข้าสัญญา ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อดูแลเขาให้ดีที่สุด” สิ่งเดียวต่อจากนี้ที่เขาทำได้คือดูแลของขวัญล้ำค่าที่เธอมอบให้ “สักวันข้าจะพาเจ้ากลับไป ไม่ว่ายังไง ข้าก็ต้องช่วยเจ้าให้ได้ เจ้าต้องรอข้านะ”
“ข้าจะรอ ไม่ว่านานแค่ไหนข้าก็จะรอ!” เซซาเนียตะโกนไล่หลังร่างสูงที่จำใจหนีไปคนเดียว วาเรียสกัดฟันลากสังขารที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงหนีไปตามเส้นทางในป่ารกทึบหลังพระราชวังด้วยหัวใจที่บอบช้ำ เธอยังนั่งอยู่ตรงนั้น คอยเฝ้ามองเขาจนกระทั่งพวกทหารตามมาทัน ส่วนเขานั้นมองตรงไปข้างหน้าโดยไม่คิดจะหันกลับไปมองเธออีก