บทที่ 6 ถูกจับได้! ตอนแรก
ปฏิกิริยาของพวกภูตผีเสื้อที่อาศัยอยู่รอบ ๆ คฤหาสน์แปลกไปจากทุกวัน เมื่อก่อนพวกเขาร่าเริงแจ่มใสแต่วันนี้กลับดูเซื่องซึม วานาเลียที่สังเกตเห็นก็พอเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น รัตติกาลสีแดงของปีนี้กำลังมาอีกครั้ง เรื่องหญิงสาวชาวมนุษย์เพียงคนเดียวในที่นี้ไม่น่ากังวลเพราะเซซาเนียไม่ได้ตั้งครรภ์ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือเซเรียสต่างหาก
“ท่านแม่มีอะไรเหรอคะ” ร่างบางที่กำลังนั่งเล่นอยู่กับลูกชายเงยหน้ามองผู้มาใหม่ที่เดินเข้ามาในห้อง อดีตราชินีแห่งแดนมืดมองหลานชายที่กำลังเล่นตัวต่อก่อนจะตรงเข้าไปนั่งดูใกล้ ๆ พลางหันมาคุยกับเจ้าของเรือนผมสีเขียวน้ำทะเล
“ใกล้จะถึงช่วงรัตติกาลสีแดงแล้วล่ะ ข้าก็เลยมาเตือน เกี่ยวกับเซเรียส” วานาเลียลูบศีรษะหลานชายอย่างอ่อนโยน เจ้าตัวเล็กเงยหน้ามองคุณย่าแล้วฉีกยิ้มน่ารัก
“เซเรียสทำไมเหรอคะ” เซซาเนียมองคู่สนทนาสลับกับมองลูกชาย
“ช่วงนั้นปีศาจจะมีพลังแข็งแกร่งขึ้น แต่ปัญหาก็คือพวกเด็ก ๆ จะควบคุมพลังไม่ได้และอาจบ้าคลั่ง ข้าก็เลยจะมาบอกเจ้าว่าช่วงนั้นเราจำเป็นต้องขังเซเรียสไว้ในสถานที่ที่ปลอดภัย”
“จะไม่เป็นไรเหรอคะ” หญิงสาวเป็นห่วงลูก ตัวเล็กแค่นี้ยังถูกจับขังแม้ว่ามันเป็นเรื่องจำเป็นก็ตาม “เขายังไม่ได้เริ่มหัดเดินนะคะ เขาสามารถทำอันตรายต่อคนอื่นได้จริงเหรอ”
“เซซาเนีย เจ้าอย่าลืมว่าที่นี่คือแดนมืด อย่าลืมว่าเซเรียสเป็นลูกใคร เมื่อถึงช่วงรัตติกาลสีแดงและเขาเกิดบ้าคลั่งขึ้นมา พลังของเขาก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ บางทีก่อนที่จะมีใครเป็นอะไร พวกเราอาจเจ็บตัวก่อน” วานาเลียมองเจ้าตัวเล็กที่เลิกเล่นตัวต่อแล้วคลานมาหาพลางเอียงคอมอง
“ย่า...ท่านย่า...”
“จ้า ว่าไง ไหนมาให้ย่าอุ้มทีสิ” วานาเลียอุ้มหลานชายมาอยู่บนตักจากนั้นก็หยิบตัวต่อมาเล่นด้วย เซซาเนียที่นั่งอยู่เงียบ ๆ ก็ฝืนยิ้มทั้งที่หนักใจ เธอเป็นมนุษย์ มีหลายเรื่องที่ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับปีศาจ และเรื่องที่ต้องขังลูกไว้ในช่วงรัตติกาลสีแดงก็ทำให้เธอไม่สบายใจ
เซเรียสอันตรายขนาดนั้นเชียวหรือ?
ในที่สุดช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์สำคัญของดินแดนก็มาถึง รัตติกาลสีแดงของปีนี้มาเยือนอีกครา มันอาจจะดีที่หญิงสาวไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดทรมานเหมือนคราวก่อนแต่เพราะลูกชายไม่ได้อยู่กับเธอแต่วานาเลียนำไปไว้ที่อื่นทำให้เซซาเนียเป็นห่วงลูกมาก ร่างบางเดินวนไปวนมาทั่วห้องจนกระทั่งเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน
ตูม!! ครืน!
เกิดอะไรขึ้นน่ะ! หญิงสาวเบิกตากว้างพลางวิ่งไปดูผนังกระจกทุกด้านของห้องเผื่อว่าจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทุกอย่างดูปกติดีจนกระทั่งวานาเลียก้าวเข้ามาในห้อง
“เซซาเนีย”
“ท่านแม่คะ เกิดอะไรขึ้น” ถามจบก็เกิดเสียงระเบิดตามมาอีกจนพื้นดินสั่นสะเทือนเป็นครั้งที่สอง นางฟ้าสีแดงที่ทำตัวปกติถอนหายใจแล้วบอกความจริง
“เซเรียสไงล่ะ”
“ลูกชายข้า?”
“ก็บอกแล้วไงว่าเด็ก ๆ ชาวแดนมืดจะบ้าคลั่งเพราะควบคุมพลังไม่ได้ ข้านำเขาไปขังไว้ในถ้ำใต้ภูเขาลูกนี้พร้อมสร้างเขตแดนป้องกันไม่ให้เขาออกมาข้างนอก คาเรียสก็เฝ้าเขาอยู่ ไม่ต้องห่วงหรอก ตอนนี้ก็ปล่อยให้ลูกอาละวาดจนพอใจไปเถอะ” วานาเลียยื่นลูกแก้วสื่อสารมาให้เจ้าหญิงแห่งโรซาน เซซาเนียมองมันสลับกับมองหน้าวานาเลียก่อนจะรับมา แล้วลูกแก้วก็ฉายภาพเหตุการณ์ที่อยู่ในถ้ำให้ดู
“ท่านแม่ นี่คือ...”
“นั่นแหละ เซเรียส”
“...” หญิงสาวพูดอะไรไม่ออกเมื่อลูกแก้วแสดงภาพในถ้ำให้เธอเห็น ตอนนี้ข้างในเต็มไปด้วยเศษหินและเพดานถ้ำที่ถล่มลงมาก่อนจะถูกทำลายอย่างง่ายดายด้วยฝีมือของใครบาง
เซเรียส เพนเดลรอน ไม่ใช่เด็กน้อยวัยสิบเดือนอีกแล้ว แต่เขากลายเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบ รูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกับวาเรียสมาก แต่มีปีกสีดำสองคู่ นัยน์ตาที่ควรจะเป็นสีแดงธรรมดากลับกลายเป็นสีเลือด ตอนนี้เขากำลังอาละวาด ซัดพลังทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า ดูแล้วเหมือนปีศาจร้ายไม่มีผิด
“รัตติกาลสีแดงในปีนี้เกิดขึ้นสองวัน ช่วงที่วาเรียสกำลังปรับสมดุลดินแดน เซเรียสก็จะบ้าคลั่งอย่างนี้แหละ รอหน่อยนะ ไม่นานเดี๋ยวก็สงบแล้ว” กล่าวจบ เสียงระเบิดก็ดังขึ้นอีกจนเซซาเนียถึงกับหลุดสะดุ้ง วานาเลียยิ้มค้างก่อนตบต้นแขนหญิงสาวเป็นการปลอบใจ
ลูกชายของจ้าวปีศาจทั้งที จะมีพลังเยอะก็ไม่แปลก!
ผ่านไปนานพอสมควรกว่าทุกอย่างจะสงบลง วานาเลียจึงพาหลานชายที่ตอนนี้ตัวหดเล็กลงกลายเป็นเด็กสิบเดือนมาส่งคืนให้เจ้าหญิงแห่งโรซานที่นั่งรออย่างใจจดใจจ่อ ท่าทางเจ้าเล็กจะเหนื่อยมากเพราะออกแรงไปเยอะเห็นได้จากท่าทางอ่อนเพลีย หลับปุ๋ยโดยไม่รู้เรื่องเลยขนาดถูกแม่อุ้ม
“เจ้าเองก็พาลูกไปพักผ่อนซะนะ”
“ค่ะ” เซซาเนียค้อมศีรษะเล็กน้อย หลังจากที่วานาเลียออกไปแล้ว เธอก็พาเจ้าตัวเล็กไปนอนบนเตียงด้วยกัน กลางดึกเผื่อลูกร้องหิวนมจะได้รีบจัดการทันที
ในแดนมืดมีเรื่องราวมากมายที่เธอรู้และไม่รู้ในขณะเดียวกัน ทว่าตอนนี้สายเลือดของเธอเป็นลูกครึ่งปีศาจ เธอจำเป็นต้องรู้เรื่องของคนที่นี่ให้มากขึ้นเพื่อที่ต่อไปจะได้ดูแลเซเรียสโดยไม่ขาดตกบกพร่อง ช่วงที่กำลังคิดถึงอนาคตข้างหน้า เซซาเนียก็คอยตบก้นเจ้าตัวเล็กเบา ๆ เป็นการกล่อมให้หลับ พลันเสียงเปิดประตูก็ดังแว่วมาทำให้หญิงสาวหันหลังไปดู ใครบางคนที่เพิ่งทำหน้าที่เสร็จเดินโซเซมาอย่างเหนื่อยล้า
“ท่านวาเรียส” ร่างบางรีบลุกไปช่วยประคองร่างสูงให้เขานั่งบนเก้าอี้ใกล้ ๆ จากการที่เธอไปแตะตัวเขาทำให้รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายมีไข้เนื่องจากพลังแปรปรวน “ท่านไม่สบายนี่”
“ก็เหมือนที่เคยเป็น” วาเรียสพ่นลมหายใจยาวพลางชำเลืองมองเจ้าตัวเล็กที่นอนหลับอยู่ “แม่ข้าเล่าให้ฟังหมดแล้ว เจ้าเด็กดื้อคงอาละวาดจนหมดแรงสินะ”
“ค่ะ อีกอย่างท่านแม่บอกว่ารัตติกาลสีแดงคราวนี้มีสองวัน หลังจากนั้นท่านจะป่วยหนักสินะคะ” เซซาเนียเป็นห่วง คราวก่อนเขาก็ป่วยหนักเช่นกัน แต่พอนึกได้ว่ามีหลายคนคอยดูแลอยู่ก็พอเบาใจ
“ข้ามีเรื่องอยากจะพูด”
“อะไรเหรอคะ”
“ช่วงนี้อย่าออกไปไหนได้ไหม คือ...ข้ารู้สึกระแวง ไม่ไว้ใจยังไงก็ไม่รู้ ข้าไม่อยากให้เจ้าก้าวออกจากพื้นที่โดยรอบคฤหาสน์เลย” ช่วงนี้วาเรียสรู้สึกเหมือนมีอะไรมารบกวนใจ หลายครั้งที่ทำอะไรแล้วไม่มีสมาธิ บางครั้งก็รู้สึกหวาดระแวงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนใกล้ตัว ดังนั้นเขาจึงเตือนเซซาเนียไว้ก่อน
“ก็ได้ค่ะ ข้าจะไม่ออกไปไหนจนกว่าท่านจะพาข้าไป” เจ้าหญิงแห่งโรซานยิ้มแย้มแจ่มใสพลางสวมกอดคนตรงหน้าให้คลายความกังวล ทว่าชายหนุ่มก็ยังรู้สึกระแวงอยู่ดี แต่ความคิดนั้นก็หายไปเมื่อมีเสียงเด็กร้องขัดจังหวะ
ท่าทางเซเรียสจะหิวนมแล้ว