บทที่ 5 ก็แค่รักมากจึงอยากอยู่ใกล้ ตอนที่ 2
อีกไม่กี่เดือนก็จะครบสองปีที่เจ้าหญิงแห่งโรซานหายตัวไป เด็กหนุ่มผู้เป็นน้องชายขึ้นมาบนกำแพงทุกวัน สำหรับคนอื่นคงคิดว่ามาตรวจตราความเรียบร้อยตามปกติ ทว่าความจริงแล้วเขาขึ้นมาเผื่อว่าสักวันพี่สาวจะแวะมาหา เขาไม่ได้ข่าวของเซซาเนียเลยตั้งแต่ไปอยู่แดนมืด ไม่รู้ว่าสบายดีหรือไม่ และทางนั้นดูแลเธอดีหรือเปล่า
“เวลดอน” เสียงใส ๆ ที่แสนคุ้นเคยดังมาจากทางด้านหลังทำให้เด็กหนุ่มชะงักแล้วหันกลับไปมองโดยเร็ว คนที่เขาคิดถึงยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับอุ้มทารกวัยสิบเดือน เจ้าชายแห่งโรซานจำได้แม่น นั่นคือพี่สาวของเขา
“ท่านพี่” เด็กหนุ่มวิ่งไปหาร่างบางก่อนจะโผเข้ากอดเหมือนเด็กน้อยที่ไม่ได้เจอแม่มานาน แต่พอได้ยินเสียงเด็กร้อง เขาจึงถอยออกมา นัยน์ตาสีเขียวน้ำทะเลมองอย่างสนใจสลับกับมองหญิงสาว “ท่านพี่เซซาเนีย เด็กคนนี้...”
“ลูกชายพี่เอง น่ารักไหม” เธอสบตากับเจ้าตัวเล็กที่กำลังสงสัยว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร “เซเรียส นี่ท่านน้านะลูก ทักทายน้าหน่อยสิ ท่านน้าที่เป็นน้องของแม่ไง”
“น้า...น้า...ท่านน้า...” เด็กชายเรียกเด็กหนุ่มซ้ำ ๆ กัน น่าแปลกที่เวลดอนรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เขาอายุยังไม่ถึงยี่สิบปีเลย กลายเป็นคุณน้าไปแล้ว
“เจ้าโตขึ้นเยอะนะเวลดอน สิบเจ็ดปีแล้วใช่ไหม”
“ครับ ปีนี้ข้าอายุสิบเจ็ดแล้ว ส่วนท่านพี่คงจะอายุยี่สิบสี่ แต่ผ่านไปเกือบสองปี ท่านพี่ไม่แก่ลงเลย ยังสวยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ว่าแต่...” เด็กหนุ่มมองเลยไปด้านหลังพี่สาว ผู้ชายผมสีทมิฬ ตาสีแดง และสวมชุดดำยืนมองอยู่ห่าง ๆ ทำให้เวลดอนลดเสียงลงเวลาคุยกับหญิงสาว “เขาดูแลท่านดีไหมครับ”
“เขาไม่ได้ใจร้ายใจดำเหมือนที่ใคร ๆ พูดสักหน่อย ถ้าบอกว่าเพี้ยนยังน่าเชื่อกว่าอีก”
“ข้าได้ยินนะ” วาเรียสสวนกลับมาเหมือนคนน้อยใจที่ถูกนินทา “ใช่สิ ข้ามันไม่ได้ดีเลิศเหมือนผู้ชายคนอื่น” ว่าจบก็ทำหน้าหงุดหงิดเหมือนเด็ก (?) โดนขัดใจ
“พ่อ...ท่านพ่อ...” เซเรียสเห็นพ่อทำหน้ามุ่ยก็จะตะกายไปหาหวังปลอบใจ
“เจ้าเห็นใจพ่อใช่ไหมลูกชาย แม่เขาลำเอียง รักคนอื่นมากกว่าพ่อ”
“นี่ท่านขาดความอบอุ่นเหรอคะ ถึงเรียกร้องหาแต่ความรัก” เซซาเนียหันมาสวนกลับพลางฝากลูกให้เวลดอนช่วยอุ้มชั่วคราว แล้วเดินกลับไปหาร่างสูง “อยากให้ข้ากอดใช่ไหมคะ ก็ได้ค่ะ ข้าจะกอดท่านให้สำลักตายเลย ดีเหมือนกัน กำลังอยากกอดหมอนข้างอยู่พอดี”
“เดี๋ยว ๆ แล้วทำไมต้องทำหน้าเหมือนนางมารด้วย” ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า เจ้าหญิงแห่งโรซานเหยียดยิ้มพลางแผ่รังสีน่ากลัวออกมา นับวันเธอจะเริ่มไม่ปกติขึ้นทุกที
“ท่านวาเรียสที่รัก จะหนีไปไหนคะ อยากให้ข้ากอดไม่ใช่เหรอ กลับมาหาข้าสิคะ มามะ มาให้กอดซะเถอะ”
“อยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ต้องมาใกล้ข้า!” ร่างสูงรีบถอยหนีไปอยู่ห่าง ๆ ทันที ทว่าเซซาเนียก็ยังย่างสามขุมมาหาพลางยิ้มหลอกหลอน เวลดอนที่อุ้มหลานชายอยู่ก็ขมวดคิ้วพลางกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะมองเจ้าตัวเล็กที่กำลังเอียงคอมองเขาอยู่เช่นกัน
“เจ้า...เซเรียสสินะ พ่อกับแม่เจ้านี่เพี้ยนพอกันเลยเนอะ”
“เพี้ยน? อะไรเพี้ยน กินได้?”
“...”
เขาลืมไปว่าหลานยังเด็กเกินที่จะรู้จักคำนั้น!
หลังจากที่เมื่อตอนกลางวันพาเซซาเนียกับเซเรียสไปหาเวลดอน เจ้าหญิงแห่งโรซานก็มีสีหน้าสดชื่นแจ่มใสมาก ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน เขาพาทั้งสองกลับมาที่คฤหาสน์รวมทั้งจัดการเรื่องมื้อเย็น ธุระส่วนตัว และอีกไม่นานก็จะเข้านอน ภายในห้องนอนใหญ่ วาเรียสนั่งวาดภาพอยู่บนเตียง นัยน์ตาสีแดงชำเลืองมองร่างบางที่กำลังอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาจากเตียงเด็ก ด้วยความสงสัยจึงถามออกไป
“เจ้าจะพาลูกไปไหนน่ะ”
“ข้าจะพาไปอยู่กับท่านแม่วานาเลียค่ะ พอดีว่าข้าอยากอยู่กับท่านสองต่อสอง รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวข้ามา” หญิงสาวที่หน้าแดงเล็กน้อยพาลูกชายเดินออกจากห้องไปทำให้ตอนนี้ชายหนุ่มอยู่คนเดียว พอไม่มีใครอยู่ด้วย เจ้าตัวจึงหันมาสนใจภาพวาดแทน
คนที่อยู่ในกระดาษแผ่นนั้นคือเจ้าของเรือนผมสีเขียวน้ำทะเลที่ทำท่าเดินเล่นอยู่ในทุ่งหญ้า วาเรียสจดจำภาพนั้นและวาดออกมา ตั้งใจว่าเธอกลับมาจะรีบให้ดูทันที จากลายเส้นบนแผ่นกระดาษแสดงให้เห็นว่าแม้จะผ่านไปกี่สิบกี่ร้อยปี ฝีมือของเขาก็ไม่เคยตกเลย ไม่เสียทีที่สมัยเด็กแอบไปเรียนวาดรูปและแอบฝึกจนชำนาญ บวกกับเป็นพรสวรรค์อยู่แล้ว ทำให้ฝีมือของเขาเรียกได้ว่าหายากเลยทีเดียว
“กลับมาแล้วค่ะ” หญิงสาวผลักบานประตูเข้ามาก่อนจะปิดมันตามเดิมและล็อกประตู ขาสองข้างพาร่างบางมาหาคนนั่งวาดรูปที่เตียง วาเรียสรออยู่แล้วจึงพลิกกระดาษไปให้เธอดู
“สวยไหม”
“ท่านวาดข้าเหรอคะ” เธอขึ้นมานั่งด้วยพลางเขยิบมาใกล้ ๆ มือสองข้างรับสมุดภาพมาดู ใบหน้ารูปไข่เอียงคอมองภาพก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา “ยังวาดสวยเหมือนเดิมเลย ตั้งแต่สองร้อยปีก่อนแล้ว”
“ดูท่าเจ้าจะนึกออกเยอะขึ้นนะ”
“ก็ยังไม่ทั้งหมดหรอกค่ะ อย่างน้อยก็รู้ว่าสมัยที่ข้าคนก่อนยังอยู่ ท่านเป็นยังไง” เธอรู้แล้วว่าเมื่อก่อนเธอคือใคร ดังนั้นเรื่องคำถามเกี่ยวกับรักแรกของวาเรียส หญิงสาวก็ไม่จำเป็นต้องถามเขา ในเมื่อมันฝังลึกอยู่ในวิญญาณของเธอ
“ทำไมต้องมองข้าเหมือนมองเด็กด้วยล่ะ”
“แหม ตอนนั้นท่านก็ยังเด็กจริง ๆ นี่คะ ออกจะน่ารักน่าหยิก” เซซาเนียยิ้มกว้าง นัยน์ตาสีเขียวน้ำทะเลเป็นประกาย อย่างที่เขาคิด ในส่วนลึกที่เป็นเทียน่า แอมโบเรีย บางครั้งก็มองเขาเหมือนเด็ก
“แหม ข้าน่ารักขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย” วาเรียสงัดนิสัยในสมัยเด็กออกมาใช้นั้นคือทำมุ่ย พองแก้มป่อง ๆ ทางด้านคนมองก็ขมวดคิ้วเพราะรู้แปลก ๆ
“พอเถอะค่ะ ข้าเสียสายตา” ตอนนี้อีกฝ่ายโตแล้ว พอมาทำอะไรที่เหมือนเด็ก มันก็ไม่เข้าอย่างแรง เซซาเนียส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะเขยิบมานอนกอดคนข้าง ๆ จากนั้นก็เบียดเข้าไปซุกอีกเหมือนกำลังหาความอบอุ่น
“คืนนี้ไม่ได้หนาวมาก ไม่ต้องซุกก็ได้”
“ก็ข้าอยากอยู่ใกล้ ๆ ท่านนี่ บ่นแบบนี้ไม่รักข้าแล้วเหรอคะ”
“เจ้าก็ว่าแต่ข้าขาดความอบอุ่น เรียกร้องหาความรัก นี่อะไร เจ้าก็ไม่ต่างจากข้าเลย” เจ้าตัวกอดตอบหญิงสาวพลางลูบเส้นผมนุ่มลื่นนั้นเบา ๆ พลันความคิดแกล้งคนอื่นก็ผุดเข้ามาในสมอง ร่างสูงพลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างบางพลางแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อสบตาอีกฝ่าย
“ทะ...ท่านวาเรียสจะทำอะไรคะ”
“อยากให้รักใช่ไหม ก็ได้ ข้าจะแสดงความรักที่มีต่อเจ้าให้ดู จะจัดให้แบบเผ็ดร้อนเลย แล้วก็ไม่ต้องคิดว่าข้าเมาเหล้านะ ข้ามีสติรับรู้เต็มร้อย หึ ๆๆ”
“!!!”