บทที่ 4 ก็แค่รักมากจึงอยากอยู่ใกล้ ตอนแรก
“แง!!!!”
เสียงเด็กทารกร้องจ้ากลางดึกทำให้สองหนุ่มสาวที่นอนหลับอยู่ต้องลุกจากเตียงโดยเร็ว ร่างบางวิ่งไปถึงเตียงเด็กก่อนจึงอุ้มร่างเล็กขึ้นมากอดปลอบ ส่วนคนมาทีหลังก็มาดูว่าลูกชายเป็นอะไร ทั้งที่จำได้ว่าไม่ถึงชั่วโมงก่อนหน้านี้ คนเป็นแม่ให้นมไปแล้วแต่ทำไมอยู่ ๆ ถึงร้อง
“เซเรียสไม่ต้องร้องนะ พ่อกับแม่อยู่นี่แล้ว” เซซาเนียกอดเจ้าตัวเล็กวัยสิบเดือนโดยมีวาเรียสคอยลูบศีรษะปลอบใจให้หายกลัว นัยน์ตาใสแจ๋วของเด็กน้อยฉายแววกังวลพลางดึงจอนผมด้านข้างของหญิงสาวไว้แน่น
“แอ๊”
“เขาอาจฝันร้าย ให้เขาอยู่ใกล้ ๆ เราดีกว่านะ” ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า นัยน์ตาคู่นั้นฉายแววกังวลและหวาดกลัว ที่สำคัญเด็กชายยังชำเลืองมองเขาเป็นระยะ ๆ เหมือนอยากจะบอกอะไรบางอย่างด้วย
“ไม่ร้องนะครับเด็กดี เราไปนอนกันนะ” หญิงสาวเดินกลับไปที่เตียงแล้ววางลูกชายไว้คั่นกลาง วาเรียสเดินอ้อมมานอนอีกข้างทำให้ตอนนี้ทั้งสองอยู่ขนาบข้างเจ้าตัวเล็ก เซเรียสมีสีหน้าดีขึ้นเหมือนรู้สึกปลอดภัยราวกับว่าเมื่อกี้เขาแค่ฝันร้าย มือน้อย ๆ สองข้างกุมมือพ่อกับแม่ไว้คล้ายกลัวว่าทั้งสองจะหายไป
เซซาเนียหัวเราะนิดหน่อยแล้วนอนหลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าตัวเล็กก็หลับไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน เหลือแค่วาเรียสคนเดียวที่นอนขมวดคิ้วมองหน้าลูกชายก่อนจะมองเลยไปที่หญิงสาว ในใจก็เต็มไปด้วยความสงสัย ทำไมเขาคิดว่าเซเรียสรับรู้อะไรบางอย่าง
ช่วงสาย ๆ ของเช้าวันใหม่ ร่างสูงที่นำหนังสือเล่มหนึ่งมาอ่านแก้เครียดก็อดคิดถึงเรื่องนี้ไม่ได้จนต้องถอนหายใจไปหลายรอบ บางทีมันอาจไม่มีอะไร และเขาคงคิดไปเอง แต่อีกใจหนึ่งชายหนุ่มก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้คิดไปเอง เด็กบางคนก็มีสัญชาตญาณรับรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ทว่าตอนเช้า เด็กน้อยจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้แถมตอนนี้ยังพูดไม่ได้สักคำ แม้จะมีพัฒนาการในด้านอื่น ๆ ดีหมดก็ตาม
“คิดไปก็ปวดสมองเปล่า ๆ ของีบหน่อยละกัน” วาเรียสเอาหนังสือกางปิดหน้าแล้วนอนพิงต้นไม้ใหญ่เงียบ ๆ จังหวะที่กำลังจะหลับสนิท เขาก็รู้สึกเหมือนมีอะไรหนัก ๆ กำลังปีนขึ้นมาบนตัว ปีศาจหนุ่มเอาหนังสือออกจึงมองเห็นว่าสิ่งใดกำลังไต่ขึ้นมาถึงกลางอก
“แอ๊”
“เซเรียส? นึกว่าผีอำ ที่แท้ก็เจ้าเองเหรอ” คนเป็นพ่ออุ้มเจ้าหนูมาวางข้าง ๆ แล้วลุกขึ้นสูดลมหายใจเข้าปอด เจ้าตัวน้อยนั่งมองตาแป๋วก่อนจะกระตุกแขนเสื้ออีกฝ่ายเบา ๆ
“...พ่อ”
“!!!” คนถูกเรียกสะบัดหน้ามาทันที เขาหูฝาดหรือเปล่า เด็กชายเรียกเขาว่าพ่อ “เมื่อกี้เจ้าพูดเหรอ” เซเรียสพยักหน้าแล้วเรียกซ้ำ ๆ อีกสองสามที ชายหนุ่มนิ่งไปชั่วขณะจากนั้นก็หันไปทางร่างบางที่กำลังเดินตรงมาทางนี้
“ท่านวาเรียส”
“เซซาเนีย! เซเรียสเรียกข้าว่าพ่อล่ะ เขาเริ่มพูดได้แล้ว!”
“ในที่สุดก็พูดคำแรกในชีวิตแล้วสินะคะ” ท่าทางเธอแอบงอนนิดหน่อยเพราะคำแรกที่เจ้าหนูพูดไม่ใช่คำว่าแม่ “เจ้านี่ติดพ่อจริง ๆ นะลูกรัก” เธอนั่งลงข้าง ๆ พลางจิ้มแก้มเจ้าหนูอย่างมันเขี้ยว
“...แม่”
“ท่านวาเรียสดูสิคะ เซเรียสเรียกข้าว่าแม่แล้ว!” เจ้าหญิงแห่งโรซานแทบจะดึงลูกชายมากอด ถึงแม้ว่ามันเป็นคำที่สองในชีวิตหนูน้อยก็ตาม “ไหนลองเรียกอีกทีสิ”
“...พ่อ...แม่...ท่านพ่อ...ท่านแม่”
“เก่งมากลูกชาย พยายามต่อไปเจ้าต้องพูดยาว ๆ ได้แน่” ปีศาจหนุ่มดึงเจ้าหนูเข้ามากอดแต่ไม่นานก็ต้องปล่อยเพราะเจ้าของเสียงใสจ้องเขม็งด้วยความหวงลูก “เจ้านี่ก็หวงอยู่ได้”
“ก็เพราะว่าพ่อมันไว้ใจไม่ได้ไงคะ”
“พูดมาก เดี๋ยวข้าก็หนีไปแต่งงานใหม่ซะนี่”
“หืม ท่านจะหนีจากข้าเหรอคะ” เซซาเนียยิ้มหวานแต่อาบยาพิษ วาเรียสไม่ไว้ใจอยู่แล้วและมั่นใจว่าเธอกำลังโกรธด้วย “อ้อ จะไปหาเจ้าหญิงแดนพราย? สาวสวยชาวปีศาจ? หรือลูกสาวใครสักคนล่ะคะ ข้าอยากรู้จังเลยว่าพวกนางหน้าตาเป็นยังไง”
“พูดแบบนี้ เจ้าหึงข้าใช่ไหม”
“สามีใคร ใครก็หวงทั้งนั้นแหละค่ะ อีกอย่างข้าก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่รักเป็นเกลียดเป็น ท่านรู้ไหมว่าข้ารักท่านมาก ตอนไหนก็ไม่รู้ที่ข้ารู้สึกว่าท่านต้องเป็นของข้าเท่านั้น แย่จัง ข้าคงติดเชื้อบ้าจากท่านแล้ว” สีหน้าของเซซาเนียในตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกที่อยากครอบครองอีกฝ่ายไว้เพียงผู้เดียว ร่างบางเขยิบมาเบียดร่างสูงชนิดที่ว่าแนบชิดมากจนกระทั่งวาเรียสยกนิ้วแตะริมฝีปากบางที่กำลังโน้มลงมา
“เซเรียสมองอยู่”
“...” หญิงสาวชำเลืองมองเจ้าตัวเล็กซึ่งตอนนี้นั่งเอียงคอมองพ่อกับแม่อยู่ เธอจึงถอยออกมาโดยไม่พูดอะไรแล้วเปลี่ยนมาอุ้มเด็กชายแทน “วันนี้ไปอยู่กับย่าสักพักนะ” ร่างบางพาเซเรียสตรงกลับไปที่คฤหาสน์ ซึ่งวานาเลียก็เดินดูต้นไม้อยู่แถวนั้นพอดี เมื่อเห็นว่าเจ้าหญิงแห่งโรซานนำลูกมาฝากก็รับไว้แล้วพาไปดูต้นไม้ที่อื่น
“ปกติเจ้าหวงลูกนี่นา ทำไมวันนี้ถึงยอมให้ลูกอยู่ห่าง ๆ ล่ะ” วาเรียสถามหญิงสาวที่เดินเข้ามานั่งข้าง ๆ ก่อนจะเอียงศีรษะพิงไหล่ ชายหนุ่มยกมือโอบเอวบางในขณะที่เซซาเนียก็เขยิบเข้ามากอดเขา
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ช่วงนี้ข้ารู้สึกอยากอยู่กับท่านตลอด” เธออยากอยู่ใกล้ ๆ กับคนที่เธอรักมากที่สุด อยากใช้เวลาต่อจากนี้ให้มีความสุขมาก ๆ ทั้งที่ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร ในเมื่อปกติเธอก็มีความสุขดีอยู่แล้วแม้ว่านาน ๆ ทีวาเรียสจะมีเวลาว่างมาหาก็ตาม
“เจ้าคิดถึงประเทศโรซานหรือเปล่า” เขาคิดว่าหญิงสาวอาจคิดถึงบ้านก็ได้ถึงอยากอยู่ใกล้ ๆ เขาเพื่อให้หายรู้สึกแบบนั้น ความจริงแล้วในส่วนลึก เซซาเนียก็คิดถึงบ้านอยู่แม้ว่ามันจะเป็นกรงขังเธอก็ตาม
“นี่ก็ใกล้จะสองปีแล้วด้วยที่ข้าไม่ได้พบหน้าน้องชาย ข้าคงคิดถึงบ้านจริง ๆ แหละค่ะ”
“ได้ยินว่าเจ้าชายแห่งโรซานไม่ได้กลับเมืองหลวงเลยตั้งแต่พี่สาวหายไป เขาขึ้นมาที่กำแพงกั้นชายแดนทุกวัน ส่วนคู่หมั้นของเจ้าก็พาทหารออกตามหาเจ้ามาตลอด อ้อ เห็นว่าโดนพ่อเจ้าด่าแทบทุกวันเลย คงเพราะหาเจ้าไม่เจอสักที” วาเรียสบอกข่าวที่ได้ยินมาให้เซซาเนียฟัง ตอนเขาพูดถึงเวลดอน ร่างบางมีสีหน้าคิดถึง แต่พอพูดเรื่องเทเลอร์ขึ้นมา หญิงสาวทำหน้าสะใจที่ได้ยินความทุกข์ของผู้ชายคนนั้น
“สมน้ำหน้า”
“แล้วเจ้าอยากเจอน้องหรือเปล่า ถ้าอยาก ข้าจะพาไป”
“อยากสิคะ ไม่ได้เจอตั้งนาน ป่านนี้คงโตขึ้นมาก” คนเป็นพี่สาวจินตนาการถึงหน้าตาเด็กหนุ่มในเวลานี้ คงจะหล่อขึ้นและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแน่ ๆ สุดท้ายเด็กน้อยติดพี่คนเดิมก็คงจะไม่อยู่ให้เห็นอีก “ท่านนี่รู้ใจข้าตลอด”
“อะไรที่เกี่ยวกับเจ้า ถ้าข้าอยากรู้ ข้าก็จะรู้ให้ได้ คนรักกันก็ต้องเอาใจใส่กันไม่ใช่เหรอ” คนรู้ใจหันมาสบกับนัยน์ตาสีเขียวน้ำทะเล เซซาเนียหน้าแดงด้วยความเขินอายและยิ่งอายเข้าไปอีกเมื่อถูกอีกฝ่ายดึงเข้ามาหอมแก้ม “พาเซเรียสไปด้วยสิ ให้เขาได้เห็นหน้าน้าบ้าง”
“...ก็ได้ค่ะ”