บทที่ 3 ครอบครัวสุขสันต์
“กรี๊ด!!!”
เสียงของหญิงสาวร้องดังลั่นไปทั่วทำให้พวกภูตผีเสื้อหลุดสะดุ้งไปทิวแถว หญิงสาวผมสีแดงผู้เป็นเจ้าของสถานที่รีบวิ่งลงบันไดมาจากหน้าคฤหาสน์เพื่อไปหาที่มาของเสียง วานาเลียเห็นเซซาเนียอยู่ในสนามจึงรีบวิ่งเข้าไปหาพร้อมกับถามถึงสาเหตุที่อีกฝ่ายปล่อยพลังเสียงสิบแปดหลอด
“เกิดอะไรขึ้น!”
“ท่านแม่ดูสิคะ ท่านวาเรียสพาเซเรียสไปเล่นอะไรก็ไม่รู้!” เจ้าหญิงแห่งโรซานฟ้องอดีตราชินีแห่งแดนมืดพลางชี้ขึ้นไปบนฟ้าซึ่งตอนนี้มีปีศาจเจ้าของปีกสามคู่กำลังบินไปบินมาขณะโยนเด็กทารกวัยเจ็ดเดือนเล่นหน้าตาเฉย
“ดูสิลูกชาย! ตอนนี้เจ้าลอยได้แล้ว!” ร่างสูงโยนเจ้าตัวเล็กขึ้นฟ้าชนิดที่เอาให้สูงสุด ๆ ก่อนจะรับทันทีที่เด็กชายตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก
“แอ๊!” เซเรียสก็หัวเราะชอบใจ พลันเสียงใส ๆ ก็ตะโกนขึ้นมาทำให้อารมณ์สนุกสนานหายหมด วาเรียสรับร่างลูกชายแล้วสะบัดปีกร่อนลงไปด้านล่างเมื่อเห็นว่าตอนนี้เจ้าหญิงแห่งโรซานทำหน้าแบบไหน
“เซซาเนีย คือ...”
“นึกแล้วเชียว ปล่อยลูกไว้กับพ่อทีไรต้องเกิดเรื่องตลอด พ่อมันไว้ใจไม่ได้จริง ๆ นี่ถ้าพลาด ลูกตกลงมาจะเป็นยังไงคะ ทำไมท่านไม่ห่วงเรื่องความปลอดภัยของลูกบ้าง นี่แน่ะ! เอาลูกมาเลย!” เซซาเนียตีไหล่ชายหนุ่มไปทีหนึ่งก่อนจะแย่งลูกมาอุ้มตามด้วยพาเดินหนีไปที่อื่น
“แอ๊...”
“อย่าไปสนพ่อเขาเลย มาอยู่กับแม่ดีกว่า มามะ เดี๋ยวแม่พาไปกินนมแล้วนอนกลางวันกันนะ” ร่างบางอุ้มลูกชายกลับเข้าไปในคฤหาสน์โดยไม่ลืมหอมแก้มเด็กชายฟอดใหญ่
“แม่”
“เจ้าพาลูกเล่นพิเรนทร์ เจ้าก็ไปง้อเมียเอาเองนะ แม่ไปทำอาหารมื้อเที่ยงต่อล่ะ” วานาเลียหันหลังเดินจากไปปล่อยให้คนหันมาขอความช่วยเหลือได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก
“เอาวะ! ง้อก็ง้อ!”
“เซซาเนีย ข้าขอโทษ”
“ไปให้พ้นเลยค่ะ” เจ้าของชื่ออุ้มลูกชายตัวน้อยกลับเข้ามาในห้องแล้วพาไปที่เตียงนอนเด็กพร้อมกับหาขวดนมมาให้เมื่อเจ้าตัวเล็กที่ทำท่าจะร้องขอนม วาเรียสตามมาง้อ แน่นอนว่าเธอใจแข็งไม่ยอมให้อีกฝ่ายง้อได้ง่าย ๆ
“ข้าจะไม่พาลูกเล่นพิเรนทร์อีกแล้ว ข้าพูดจริง ๆ นะ”
“ข้าไม่เชื่อหรอกค่ะ ปีศาจอย่างท่านไว้ใจไม่ได้ และข้าก็ไม่ควรปล่อยให้ลูกอยู่กับพ่อ เดี๋ยวพ่อมันพาเล่นพิเรนทร์อีก จากนี้ไปแม่จะมาเล่นเป็นเพื่อนลูกนะ” หญิงสาวทำเป็นเมินคนเดินตามง้อและหันมาหยิบของเล่นมานั่งเล่นกับเจ้าตัวเล็กแทน
“อื้อ...” เซเรียสส่ายหัวไม่อยากเล่นนอกจากคลานมาเกาะราวกั้นแล้วยื่นมือน้อย ๆ มาหาวาเรียส ไม่บอกก็รู้ว่าอยากเล่นกับพ่อมากกว่า เจ้าหญิงแห่งโรซานมองแววตาของเจ้าหนูที่จ้องชายหนุ่มก็ถอนหายใจยาว
ไม่ไหวเลย ลูกติดพ่อ!
“ปีศาจชอบเล่นอะไรที่มันอันตรายเหรอคะ แค่ท่านจับไปโยนเล่นไม่นานก็ติดอกติดใจเฉยเลย” สุดท้ายเซซาเนียก็ต้องอุ้มเด็กชายมาส่งให้วาเรียสตามเคย สีหน้าเด็กชายอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อถูกพ่ออุ้ม
“เจ้าคงไม่รู้สินะ” เจ้าตัวนั่งลงบนพื้นพรมนุ่ม ๆ แล้วดึงเสื้อที่หนูน้อยสวมอยู่ขึ้น หญิงสาวจึงเห็นว่าแผ่นหลังของเซเรียสมีปีกสีดำเล็ก ๆ งอกออกมา “ปีศาจเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีปีกบินได้ ตอนอายุเจ็ดเดือน ปีกจะเริ่มงอกออกมา ข้าถึงจับเขาไปโยนเล่นเพื่อให้เห็นท้องฟ้าที่จะต้องขึ้นไปโบยบินไงล่ะ”
“แต่ข้าก็กลัวลูกจะเป็นอันตรายอยู่ดี” เธอไม่รู้ว่าแม่ชาวปีศาจเป็นแบบไหน แต่แม่ชาวมนุษย์อย่างเธอรู้สึกว่ามันเสี่ยงอันตราย จึงต้องรีบเข้าไปนำตัวลูกออกมา ต่อให้ถูกมองว่าดูแลเจ้าตัวเล็กเหมือนไข่ในหิน เธอก็ไม่สน
เพราะแม่รักลูกไงล่ะ!
“ท่านจ้าว เจ้าหญิง ท่านวานาเลียต้องการพบที่ห้องอาหารค่ะ แล้วก็พาเจ้าชายน้อยมาด้วย” ภูตผีเสื้อตัวน้อยบินเข้ามารายงานทั้งสองจากนั้นก็รีบบินออกไปเมื่อหมดธุระ
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวข้าอุ้มเซเรียสเอง” วาเรียสอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาแล้วจึงเดินนำหน้าหญิงสาวออกจากห้องไป เด็กชายยิ้มอย่างมีความสุขขณะดึงปอยผมคนอุ้ม เซซาเนียที่ชำเลืองมองก็อดอิจฉาไม่ได้
รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนพ่อยังไม่พอ นี่ยังติดพ่อเข้าไปอีก มีส่วนไหนเหมือนแม่บ้างเนี่ย!
สามพ่อแม่ลูกที่เข้ามาในห้องอาหารทำให้หญิงสาวผมสีแดงที่นั่งรออยู่ยิ้มกว้างโดยเฉพาะหลานชายตัวน้อยที่กวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างน่ารักน่าเอ็นดู วาเรียสเลิกคิ้วข้างหนึ่งเมื่อเห็นว่านอกจากวานาเลียแล้วก็มีร่างโปร่งแสงของคาเรียสที่ยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง แม้จะยังไม่มีการพูดอะไร ทุกคนก็นั่งลงที่เก้าอี้ก่อนที่พวกภูตผีเสื้อจะยกอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ
“ที่ให้เซเรียสมาด้วย เพราะมีเรื่องอยากคุยน่ะ อีกอย่างตอนนี้เขาก็อายุเจ็ดเดือนแล้วก็คงจะโตขึ้นทุกวัน แม่จึงอยากพูดถึงอนาคตของเขาสักหน่อย” วานาเลียชำเลืองมองวิญญาณของอดีตจ้าวปีศาจ เขาพยักหน้าให้ จากนั้นนางฟ้าสีแดงก็หันมาคุยกับสองสามีภรรยาตรงหน้าต่อ
“แม่อยากรู้อะไรเกี่ยวกับอนาคตของเซเรียสล่ะ” วาเรียสถามพลางส่งเจ้าตัวเล็กไปให้ร่างบางอุ้ม หญิงสาวจึงเลื่อนชามอาหารสำหรับเด็กมาใกล้ ๆ เพื่อป้อนลูกชาย
“ตอนนี้นอกจากพวกเราก็มีแค่สี่องครักษ์ของเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเจ้าแต่งงานและมีลูกกับเซซาเนีย ขณะเดียวกันเซเรียสก็โตขึ้นทุกวัน ต่อไปจะให้เขาอยู่เงียบ ๆ ก็ไม่ได้ เขาเป็นลูกคนแรกของเจ้าและอาจเป็นเจ้าชายแห่งแดนมืดหากดินแดนนี้ต้องการ ถ้าเรื่องของเซเรียสถูกเปิดเผย เจ้าจะทำยังไงในเมื่อเซซาเนียเป็นมนุษย์”
“...”
“คงให้นางเป็นราชินีไม่ได้หรอกจริงไหม อย่างมากคงได้เป็นแค่สนม” วานาเลียมองหน้าคนนั่งเงียบแล้วค่อย ๆ เบนสายตาไปทางเจ้าหญิงแห่งโรซาน ท่าทางเธอไม่ค่อยสนใจนักนอกจากดูแลลูกมากกว่า
“มันก็จริงที่อาจมีหลายคนไม่ยอมรับเพราะนางเป็นมนุษย์ ถึงอย่างนั้นข้าก็มั่นใจว่าเซเรียสคือเจ้าชายแห่งแดนมืดและเป็นคนที่สืบทอดทุกอย่างต่อจากข้า แล้วเจ้าล่ะเซซาเนีย ถ้าเจ้าได้เป็นแค่สนมจะรับได้ไหม” เขาอยากรู้ความคิดเห็นของเธอ เป็นถึงเจ้าหญิง ถ้าได้แต่งงานกับราชาก็ควรได้เป็นราชินีไม่ใช่สนม
“จะให้ข้าเป็นอะไรก็ช่างเถอะค่ะ ขอแค่ได้อยู่ใกล้ ๆ ท่านกับเซเรียสก็พอ” หญิงสาวไม่ได้เรื่องมาก อีกอย่างเธอก็ไม่ได้สนใจตำแหน่งราชินีด้วยไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ช่าง เธอก็แค่อยากมีครอบครัวเป็นของตัวเองเท่านั้น
“เอาเถอะ กว่าจะถึงตอนนั้นก็คงอีกนาน ระหว่างนี้เซซาเนียกับเซเรียสก็อยู่ที่นี่ไปก่อน...คาเรียส ท่านอยากเล่นกับหลานเหรอ” สาวผมแดงหันไปอีกที ร่างโปร่งแสงก็ไปโผล่ใกล้ ๆ กับที่นั่งของเจ้าหญิงแห่งโรซาน สายตาของเขามองมาที่เซเรียส ท่าทางอาการคุณปู่ขี้เหงาจะหลุดมาอีกแล้ว
“เซเรียส นี่ท่านปู่นะลูก” หญิงสาวจับเจ้าตัวเล็กให้หันไปทางร่างโปร่งแสง เด็กน้อยมองอีกฝ่ายอย่างสนใจก่อนจะยื่นมือมาเหมือนอยากให้จับ คาเรียสได้แต่มองหลานชายแล้วถอยออกมา
“อย่าให้หลานแตะข้าเลย ข้าตายไปแล้ว เดี๋ยวมันจะทำให้โชคร้ายติดตัวหลานไปเปล่า ๆ”
“ไม่ใช่โชคร้ายหรอก แต่เป็นความจู้จี้ขี้บ่นมากกว่า”
“ไอ้วาเรียส!”
“ข้าจะพาเซซาเนียกับเซเรียสไปข้างนอกนะแม่ ช่วงนี้ข้าว่าง อยากอยู่กับใครบางคนแถวนี้” เจ้าตัวทำเป็นไม่สนใจคาเรียสนอกจากดึงร่างบางเข้ามากอด เจ้าตัวเล็กได้ทีก็รีบตะกายมาให้พ่ออุ้ม
แล้วบรรยากาศพ่อแม่ลูกครอบครัวสุขสันต์ก็แผ่ไปทั่วห้อง!
ช่วงเย็นวันนั้น สามพ่อแม่ลูกก็ออกเดินทางจากวิหารสีดำมุ่งหน้าไปยังทางตอนใต้ของดินแดน ถ้าเป็นเมื่อก่อนชายหนุ่มคงใช้ปีกพาหญิงสาวบินไป แต่คราวนี้พาลูกชายมาด้วยจึงเปลี่ยนมาเป็นเดินทางไปยังเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วใช้ฐานการเคลื่อนย้ายข้ามมิติ ไม่อย่างนั้นตอนบินบนฟ้า เจ้าตัวเล็กอาจดิ้นตกลงมาได้
“ว้าว! ทะเลสวยจัง” เซซาเนียอุ้มเซเรียสเดินตามร่างสูงมาที่ชายทะเลซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองท่าแดนมืด เป็นครั้งแรกที่เธอได้มาชายหาดเพราะแดนมนุษย์ไม่มีส่วนไหนติดกับทะเล ถ้าไม่มีภูเขาสูงที่อันตรายและเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายซึ่งกั้นไว้อยู่ ป่านนี้คงขยายอาณาเขตไปถึงทะเลได้ แต่น่าเสียดายที่พื้นที่ส่วนไหนอยู่ในการครอบครองของแดนมืด
“พระอาทิตย์ตกดินแล้ว รอดูนะ” วาเรียสหันไปมองคลื่นทะเลที่ค่อย ๆ หายไปจนกระทั่งผืนน้ำนิ่งสนิทและใสแจ๋วราวกับกระจก แผ่นฟ้ายามราตรีกลายเป็นฉากสีดำขนาดมหึมา ดวงดาวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นและสะท้อนเงาลงมาบนผิวน้ำ ความสวยงามของมันทำให้เซซาเนียตื่นตาตื่นใจ เธอไม่เคยเห็นอะไรที่สวยอย่างนี้มาก่อนเลย
“สวยมากเลยค่ะ”
“นี่คือปรากฏการณ์ทะเลแห่งดวงดาว ตามมาสิ” วาเรียสเดินลงไปในน้ำ ตอนแรกหญิงสาวคิดว่าตัวเขาจะจมทว่าร่างสูงกลับเดินบนผิวน้ำได้โดยไม่มีส่วนไหนจมลงไปเลย “ความแปลกของมันคือผิวน้ำจะแข็งเหมือนกระจก เหยียบได้ ไม่เป็นไร”
“...เหรอคะ” ร่างบางยังกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่แต่สุดท้ายก็ก้าวตามไป อย่างที่อีกฝ่ายบอก พื้นมันแข็งราวกับกระจกทำให้เดินไปได้ เซเรียสที่เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกก็ตื่นเต้นอยากลองลงไปคลานบนพื้นบ้าง
“ว่าไงเจ้าตัวยุ่ง อยากลงไปใช่ไหม” วาเรียสตรงเข้ามาอุ้มเจ้าตัวเล็กแล้ววางลงพื้น เด็กชายมองภาพสะท้อนเป็นม่านสีดำที่เต็มไปด้วยดวงดาวนับล้านก่อนจะคลานไปตรงนั้นตรงนี้อย่างสนอกสนใจ และแหงนหน้ามองท้องฟ้าทั้งที่แววตาเป็นประกาย
โลกนี้ช่างกว้างใหญ่กว่าที่คิด!
“นั่งได้ไหมคะ”
“ได้สิ มันไม่เปียก” วาเรียสนั่งลงให้หญิงสาวดูก่อน เซซาเนียจึงค่อยนั่งลงตาม สายตาของทั้งคู่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า มีดาวตกบางดวงพุ่งลงมาแล้วหายไป มีดาวบางดวงกะพริบแสงเหมือนกำลังหัวเราะในความน่ารักของเด็กน้อย
“ท่าทางลูกจะชอบที่นี่นะคะ”
“ถึงที่นี่จะถูกสาป แต่ความสวยงามไม่ได้ลดลงเลย” สีหน้าของคนพูดหม่นหมองเล็กน้อยแต่ร่างบางก็สังเกตเห็น ด้วยความสงสัยจึงถามอีกฝ่ายไปด้วยความเป็นห่วง
“ท่านวาเรียสมีเรื่องไม่สบายใจเหรอคะ”
“ก็แค่คิดน่ะ ในพระราชวัง พวกที่อยากมีอำนาจก็มากมาย บางคนก็จ้องแต่จะรังแกกัน ถ้าเซเรียสโตขึ้นแล้วไปอยู่ที่นั่น เขาจะปรับตัวได้หรือเปล่า จะรับมือกับพวกขุนนางบ้าบอนั่นได้ไหม” ท่าทางเซเรียสจะเติบโตมากับสิ่งแวดล้อมที่ดีและสงบสุข มีปู่กับย่าที่ห่วงใยหลาน มีแม่ที่รักและดูแลเอาใจใส่ มันอาจจะดีสำหรับเจ้าตัวเล็ก แต่โลกภายนอกมันไม่ได้สวยงาม วาเรียสจึงกังวลว่าถ้าไม่มีเขา ลูกชายจะเอาตัวรอดได้หรือไม่
“เรื่องนั้นคงต้องให้ท่านเป็นคนสอนเขาแล้วล่ะค่ะ” เซซาเนียหันไปอุ้มเด็กชายที่คลานกลับมาแล้วจับมานั่งตักพลางสวมกอดอย่างรักนักรักหนา
“ก่อนอื่นคงต้องให้เจ้าสอนก่อนล่ะนะ โตขึ้นจะได้เป็นเจ้าชายที่ดี เป็นสุภาพบุรุษ เรื่องหน้าตาไม่ต้องห่วง เจ้าได้พ่อไปเต็ม ๆ นอกนั้นก็เรียนรู้เรื่องมารยาทจากแม่ ต่อไปพอกลายเป็นเจ้าชายรูปงาม รับรองว่าสาว ๆ ต้องติดตรึมแน่ ฮ่า ๆๆๆ” วาเรียสจินตนาการภาพเซเรียสตอนโตที่เป็นหนุ่มเนื้อหอม สาว ๆ มารักมาชอบ ถึงตอนนั้นเขาคงปวดหัวแน่ถ้าลูกชายวิ่งมาโวยวายเรื่องสาวเยอะ
“ฮ้าว...”
“ท่าทางลูกจะง่วงแล้วล่ะค่ะ เอาไว้ถ้ามีโอกาส ท่านช่วยพาข้ามาที่นี่อีกได้ไหมคะ สวยมากเลย ข้าอยากเห็นอีกจัง” เจ้าหญิงแห่งโรซานมองภาพทะเลแห่งดวงดาวก่อนจะลุกขึ้นอุ้มลูกชายกลับไปที่ชายหาด ร่างสูงลุกขึ้นเดินตามไปก่อนจะชะงักเมื่ออยู่ดี ๆ ภาพรอบกายก็เปลี่ยนไป!
“!!!”
อะไรวะเนี่ย! ชายหนุ่มสบถในใจเมื่ออยู่ ๆ ตัวเองก็เข้ามาอยู่ในสนามรบที่ไหนสักแห่ง ท่าทางทุกคนรอบตัวจะไม่มีใครเห็นเขา แต่ดูจากลักษณะชุดเกราะของทหารแล้วมีอยู่สามกลุ่ม กลุ่มแรกคือชาวแดนมืด กลุ่มที่สองของคือชาวมนุษย์ และกลุ่มสุดท้ายคือชาวเทวา
ฉัวะ!
เสียงของมีคมฟันถูกอะไรสักอย่างทำให้วาเรียสหันไปตามเสียงทันที ภาพที่เห็นคือกองซากศพของทหารชาวมนุษย์และชาวเทวาที่สูงราวกับภูเขาขนาดย่อม บนยอดปรากฏร่างของเด็กหนุ่มผมสีทมิฬซอยยาวระคอ สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า สวมชุดเกราะสีดำทั้งร่าง และมีปีกสีดำสองคู่ มีทหารชาวเทวาคนหนึ่งสะบัดปีกบินมาแต่เด็กหนุ่มคนนั้นกลับสะบัดดาบบั่นคอเขาอย่างง่ายดาย ของเหลวสีแดงสาดกระเซ็นแล้วปลิวไปตามสายลม จนกระทั่งมันพัดมาโดนใบหน้าของวาเรียส
เลือด? เจ้าตัวยกมือปาดแก้มจากนั้นก็มองว่าน้ำสีแดงนั้นคืออะไร เมื่อมองเด็กหนุ่มคนนั้นอีกครั้งก็เห็นเขาถอดหน้ากากออกเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง สายตายามที่มองศัตรูนั้นเหมือนกำลังมองเศษสวะชั้นต่ำ ขณะเดียวกันก็เหนื่อยล้ากับการต่อสู้
“เซเรียส?” แม้ว่าเด็กคนนั้นจะมีใบหน้าคล้ายวาเรียสมากแต่ไม่ใช่เขาแน่นอน ดังนั้นเจ้าตัวจึงคิดว่าน่าจะเป็นลูกชายของเขามากกว่า
“ท่านวาเรียส” เสียงใส ๆ ของเซซาเนียทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้ง เมื่อมองไปรอบ ๆ เขาถึงรู้ว่าตัวเองกลับมาที่เดิม เซเรียสในวัยสิบห้าปีก็หายไปแล้วเช่นกัน มันไวจนนึกว่าแค่ฝัน “รีบไปเถอะค่ะ”
“ขอโทษที่เหม่อนะ” ร่างสูงรีบเดินตามหญิงสาวไปทันที ในสมองก็คิดถึงภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ก่อนจะชำเลืองมองเซเรียสในวัยเจ็ดเดือนที่กำลังนอนหลับปุ๋ยในอ้อมอกของแม่
เขาเคยทำลายชีวิตคนมากมาย แต่ไม่นึกว่าสักวันเขาจะส่งต่อส่วนหนึ่งไปให้ลูกชายด้วย!