บทที่ 2 อย่าปล่อยให้ลูกอยู่กับพ่อ! ตอนที่ 2
“เป็นห่วงลูกเหรอเซซาเนีย”
หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีแดงหันมาถามร่างบางที่ทำหน้าเหมือนไม่ค่อยมีความสุขกับการออกมาข้างนอกและซื้อของใช้เลย เจ้าหญิงแห่งโรซานที่หิ้วของเดินตามอดีตราชินีแห่งแดนมืดฝืนยิ้ม อย่างที่อีกฝ่ายพูดมา เธอห่วงเซเรียสจริง ๆ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง
“แค่กังวลน่ะค่ะท่านแม่ ตอนหิวนม เขาจะกินนมยังไง ท่านวาเรียสพาลูกนอนได้หรือเปล่า เขาจะเฝ้าลูกได้จริงเหรอคะ” อีกฝ่ายไม่เคยป้อนข้าวป้อนน้ำให้ลูกเหมือนที่เธอทำ จึงน่าเป็นห่วงว่าทำอะไรไม่ถูกแล้วเจ้าตัวเล็กจะร้องไห้
“ไม่เป็นไรหรอก วาเรียสต้องดูแลลูกได้” วานาเลียเชื่อในตัวอีกฝ่าย ถึงแม้จะไม่เคยดูแลใคร แต่ถ้าถึงเวลารายนั้นก็จะทำให้ดีที่สุดเหมือนเวลาอยู่กับเซซาเนีย
“ไม่เป็นไรจริง ๆ นะคะ”
“อย่ากังวลเลย” หญิงสาวปลอบคุณแม่ผู้ห่วงลูก เจ้าหญิงแห่งโรซานพยายามทำใจให้สบายจากนั้นก็เดินตามอีกฝ่ายไปซื้อของในมุมต่าง ๆ ของเมืองต่อ ทั้งที่ในใจยังเป็นห่วงลูกอยู่
เธอไม่เคยห่างจากเซเรียส จะเป็นห่วงก็ไม่แปลก!
“แอ๊”
“นอนเถอะ” ชายหนุ่มตบก้นเจ้าตัวเล็กเบา ๆ พลางทำงานของตัวเองไปด้วย ตอนนี้วาเรียสนั่งอยู่ในเตียงเด็ก ส่วนทารกน้อยก็เกาะเขาแน่นไม่ให้จากไปไหน แม้ขยับนิดเดียว เซเรียสก็ยังระแวงว่าพ่อจะไปที่อื่น
นี่ก็ติดพ่อมาก!
“แอ๊”
“ไม่นอนเหรอ” คำตอบคือร่างเล็กกระตุกแขนเสื้อแล้วทำท่าปีนขึ้นมาบนตัวเขาถ้าไม่มีติดว่ายังไม่มีแรงมากขนาดนั้น “หรือว่าเจ้าไม่อยากนอนแล้ว?”
“แอะ ๆ” เซเรียสทำตาแป๋วพลางดึงแขนเสื้อเบา ๆ เหมือนเป็นการยืนยันว่าพ่อเข้าใจถูกแล้ว แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่นอนก็ต้องให้เล่นเพราะไม่มีเด็กคนไหนอยากนั่งนิ่ง ๆ ไม่ทำอะไร
วาเรียสลุกขึ้นปีนข้ามเตียงเด็กปล่อยให้เจ้าตัวเล็กสะอึกสะอื้นเพราะนึกว่าถูกพ่อทิ้ง สักพักผ้าม่านก็เลื่อนมาปิดผนังกระจกทำให้ภายในห้องมืดลงทันที จากนั้นร่างสูงก็เดินกลับมาในสภาพเอาผ้าคลุมทั้งตัวดูแล้วคล้ายผีผ้าห่มไม่มีผิด
“หึ ๆๆ ฮ่า ๆๆๆ ข้าคือผีผ้าห่มจะมากินเด็กเป็นอาหาร เจ้าหนูน้อย วันนี้เจ้าเสร็จข้าแน่!”
“ฮึก...แง!!!” เซเรียสนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะสะอึกสะอื้นแล้วร้องไห้ลั่นห้อง วาเรียสรีบเอาผ้าห่มออกก่อนจะอุ้มลูกชายขึ้นมาโดยด่วน “แง!!!”
“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะลูก นี่พ่อเอง พ่อแค่แกล้งนิดหน่อยเท่านั้น ไม่ใช่ผีจริง ๆ หรอก ไม่ร้องนะครับเด็กดี” เห็นว่าเจ้าตัวเล็กยังไม่หยุดร้องสักที เจ้าตัวจึงเปลี่ยนมาทำหน้าตลก ๆ ให้ดู แต่กลายเป็นว่าเจ้าของนัยน์ตาสีแดงใสแจ๋วกลับร้องไห้ยิ่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
“แง!!!”
“เดี๋ยว ๆ ไม่ตลกเหรอ” เขาพยายามทำหน้าให้ตลกที่สุดแต่ทำไมลูกถึงร้องก็ไม่ทราบ วาเรียสหันไปมองกระจกเครื่องแป้งที่เซซาเนียมักจะนั่งหวีผมเป็นประจำก่อนทำหน้าแบบเมื่อกี้ และนั่นทำให้เขารู้ว่านอกจากมันจะไม่ตลกแล้วมันยังเหมือนฆาตกรโรคจิตแสยะยิ้มให้เหยื่อก่อนฆ่าทิ้งอีกต่างหาก
มิน่าลูกถึงร้องไห้!
“ไม่ร้องนะลูก ไม่ร้องนะครับ เดี๋ยวพ่อเล่นตลกอย่างอื่นให้ดูดีกว่าเนอะ” เจ้าตัวปล่อยให้ลูกนั่งอยู่ในเตียงเด็กคนเดียว ผ่านไปสักครู่ก็กลับมาพร้อมถังน้ำครอบศีรษะ วาเรียสนำกล่องเพลงที่สั่งซื้อจากแดนอื่นซึ่งข้างในรวบรวมเพลงจากทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นซีกโลกตะวันตกหรือตะวันออกวางตรงหน้าลูกชายแล้วเปิดเพลง
“ลมพัดตึง! ตึง! ตึง! ตึง...”
“แอะ ๆ แอ๊!” เซเรียสนั่งมองพ่อสะบัดมือทำท่าแด๊ป แถมยังสะบัดหัวจนถังน้ำตกลงมากลิ้งอยู่บนพื้น เจ้าตัวรีบยกขึ้นมาครอบหัวแล้วโชว์ลีลาแดนซ์เพลงอื่นซึ่งดูแล้วมันตลกสุด ๆ
ห้านาทีผ่านไป
“...Smoke weed every day...”
“???” เครื่องหมายคำถามเด้งขึ้นมาเต็มไปหมดเพราะเจ้าตัวเล็กฟังไม่รู้เรื่องว่าเพลงดังขึ้นมาเป็นภาษาอะไร แถมยังไม่เข้าใจอีกว่าทำไมพ่อต้องทำท่าเหมือนคนเมาเหล้า ส่วนในมือก็ถือกระดาษม้วนเป็นอะไรสักอย่างจากนั้นก็ทำท่าสูบ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
“สวัสดีฮ่า ข้าชื่อวาว่า วันนี้ข้าจะมาเล่นกับน้องเซเรียสนะฮ้า” วาเรียสเปลี่ยนมาสวมวิกผมสีรุ้งยางระพื้น ใบหน้าทาแป้งขาววอก สวมชุดคลุมของเซซาเนีย แถมยังดัดเสียงเหมือนสาวประเภทสองไม่มีผิด!
“แอะ ๆ แอ๊!” เจ้าตัวเล็กหัวเราะจนหงายหลังลงไปกลิ้งบนที่นอนเพราะตอนนี้หน้าตาชายหนุ่มตลกมาก แค่หน้าขาววอกก็ขำพอแล้ว ยิ่งทาลิปสติกสีแดงแจ๋ เขียนคิ้วหนาอย่างกับปลิง แล้วยังทาขอบตาดำเหมือนหมีแพนด้าอีก
ใครมาเห็นเข้า ถ้าไม่ตกใจก็คงขำตาย!
สองชั่วโมงผ่านไป
“เว่ยเส้าเทียน! วันนี้คือวันตายของเจ้า!” วาเรียสที่ตอนนี้กลับมาอยู่ในสภาพหน้าสดแต่สวมเสื้อคลุมแขนยาวลายดอกไม้ ทำท่าถือกระดาษม้วนยาว ๆ ชี้อะไรสักอย่างท่ามกลางความเปล่าก่อนจะถอดชุดออกแล้วเปลี่ยนมาสวมเสื้อคลุมยาวลายพระจันทร์ฉีกยิ้มแล้วเปลี่ยนมาอยู่ตำแหน่งใหม่ก่อนจะยกม้วนกระดาษชี้กลับไปยังจุดที่ตัวเองเคยยืนอยู่
“โอหัง! แน่จริงก็เข้ามา!”
“ย้าก!”
“ไฮ้ย้า!”
“อ่ะจ๊า!”
เซเรียสหัวเราะจนกรามแทบค้าง ถึงจะไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ก็พอเข้าใจว่ามันตลกแค่ไหนเวลานั่งมองพ่อตัวเองเล่นละครคนเดียว แถมยังเปลี่ยนบทบาทไปมาโดยไม่สับสนอีกว่าใครเป็นใคร
“ฮึก ๆ ฮือ ๆๆ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย! มันทิ้งข้าไปมีเมียใหม่ ไอ้พวกมักมาก! ไอ้พวกไม่รู้จักพอ! ฮือ...” วาเรียสเปลี่ยนมาสวมวิกผมสีรุ้งเหมือนตอนแรกและสวมชุดคลุมของเซซาเนียพลางทำท่าร้องห่มร้องไห้เหมือนผู้หญิงถูกสามีทิ้ง ในขณะที่เด็กน้อยนั่งหัวเราะจนกลิ้งไปหลายรอบแล้ว
“ทำอะไรน่ะ วาเรียส” เสียงของหญิงสาวผมสีแดงดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มหยุดชะงักก่อนจะหันไปมอง วานาเลียกลับมาตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบ เธอยืนอึ้งไปชั่วขณะ ส่วนเซซาเนียก็รีบตรงเข้ามาพลางมองหน้าเจ้าตัวสลับกับลูกชาย
“ทำไมพ่อของลูกข้าถึงบ้าบอขนาดนี้ ไม่น่าเลย เซเรียสลูกแม่ อนาคตจะติดเชื้อบ้าแบบพ่อไหมเนี่ย พ่อเขาสติไม่เต็มนะลูก อย่าไปสนใจเลย มามะ อยู่กับแม่ดีกว่า” ร่างบางอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมากอดอย่างหวงแหน ขาสองข้างก้าวถอยไปห่าง ๆ ราวกับเห็นชายหนุ่มเป็นเชื้อโรคน่ารังเกียจ
“เดี๋ยว ๆ ข้าไม่ได้บ้า”
“เห็นไหมลูก พ่อเขาไม่ยอมรับว่าตัวเองบ้า พวกบ้า ๆ ก็แบบนี้แหละ ไปนอนกันนะ เด็กดี” เซซาเนียทำเป็นไม่สนใจก่อนจะพาลูกไปนอนที่เตียงเด็ก ปล่อยให้ปีศาจบ้า (?) ยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น ส่วนวานาเลียก็ส่ายหน้าแล้วเดินหนีออกจากห้องไปเนื่องจากไม่อยากยุ่ง
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าปล่อยให้ลูกอยู่กับพ่อ!