บทที่ 5 ในที่สุดก็ได้พบกัน ตอนแรก
“คราวหน้าข้าไม่ให้ท่านพี่ไปอีกแล้ว! ดีนะที่ข่าวกำแพงถล่มมาถึงเร็ว ข้าเลยมาช่วยทัน เห็นไหมครับท่านพี่ เกือบถูกฆ่าแล้วไหมล่ะ! ต่อไปไม่ต้องมาช่วยงานที่ชายแดนแล้วนะ!”
“จ้ะ ๆ พี่ไม่ไปแล้ว” เซซาเนียสัญญากับน้องชายพลางฝืนยิ้มทั้งที่ในใจของเธอยังกลัวอยู่ ใครจะไปนึกว่าจ้าวปีศาจจะบุกมาทางนั้นแถมยังไล่ฆ่าเธออีก เมื่อนึกถึงคนที่ตาย นัยน์ตาสีเขียวน้ำทะเลก็เศร้าหมองเพราะเธอสงสารคนพวกนั้น หรือปีศาจจะโหดร้ายเหมือนที่เขาพูดกันจริง ๆ แล้วเรื่องที่แม่ของเธอเคยเล่าให้ฟังล่ะ มันเป็นเรื่องโกหกหรือไง
“ท่านพี่กลับมาเหนื่อย ๆ ถึงขาจะหายเจ็บแล้ว แต่ระหว่างนี้ก็พักเถอะครับ ไม่ต้องกลัวว่าท่านพ่อจะรู้ ถ้าเรื่องไม่ไปถึงเทเลอร์ เรื่องก็คงไม่ไปถึงท่านพ่อเหมือนกัน ข้าขอตัวก่อนนะครับ” เวลดอนต้องกลับไปทำงานในฐานะเจ้าชายแห่งโรซานต่อ ดังนั้นหญิงสาวจึงกลับมาอยู่คนเดียวในห้องอีกครั้ง
เหตุการณ์ตอนที่เผชิญหน้ากับจ้าวปีศาจ เซซาเนียยอมรับว่ากลัวมาก ยิ่งเห็นอาวุธที่เขาใช้ก็อดคิดไม่ได้ถึงความโหดร้ายที่เขาสังหารคนอย่างไร้ความปรานี แต่ที่เธอไม่เข้าใจก็คือทำไมอยู่ ๆ อีกฝ่ายถึงชะงักทันทีที่เห็นหน้าเธอ แววตาหลังหน้ากากแสดงอะไรออกมาเธอก็ไม่เห็น แต่ถ้าเห็นเธออาจจะพอเดาอะไรได้บ้างถึงสาเหตุที่เขาหยุดไล่ล่าเธอ โดยเฉพาะตอนที่เขาคว้าแขนเธอไว้เหมือนจะเรียกถามอะไรสักอย่าง
“แล้วทำไมข้าต้องมาสนใจเรื่องพวกนี้ด้วยล่ะ” เจ้าหญิงแห่งโรซานไม่เข้าใจความคิดตัวเองนัก ตอนนี้คิดว่าน่าจะนอนพักสักนิด แต่พอเอนหลังแล้วมันกลับนอนไม่หลับ ยิ่งได้ยินเสียงรบกวนจากภายนอกก็ทำให้เธอลุกมาดูที่หน้าต่าง มีผู้คนมากมายเดินอยู่นอกรั้ว ซึ่งนั่นก็คงเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของใครหลาย ๆ คน แต่ความอยากออกไปข้างนอกทำให้เซซาเนียตาวาว
บริเวณสวนด้านหลังมีทหารรักษาความปลอดภัยไม่มาก อีกทั้งตอนนี้เจ้าเมืองและภรรยาก็ไม่อยู่ เวลดอนไปทำธุระข้างนอก ส่วนเทเลอร์ยังไม่กลับจากกำแพงกั้นชายแดน สาวใช้ในคฤหาสน์ส่วนใหญ่ไปช่วยเหลือผู้อพยพ สรุปก็คือตอนนี้ในคฤหาสน์มีคนอยู่น้อยมาก!
“ดีล่ะ! ออกไปข้างนอกดีกว่า!”
ข่าวที่สี่องครักษ์ส่งมาทำให้อดีตราชินีแห่งแดนมืดรีบมาที่ชายแดนทันที แต่ไหนแต่ไรมาแทบไม่มีใครทำอะไรจ้าวปีศาจได้เลย แล้วทำไมคราวนี้ถึงมีข่าวบาดเจ็บของเจ้าตัวมาได้ วานาเลียเดินเข้ามาในกระโจม พวกเทมเพสที่รออยู่แล้วก็ค้อมศีรษะทำความเคารพหญิงสาวทันที
“วาเรียสล่ะ”
“อยู่ตรงนั้นครับ” อาเนฟผายมือไปทางร่างสูงที่นอนห่มผ้าหันหลังอยู่บนเตียงเงียบ ๆ โดยไม่พูดไม่จาอะไรทั้งนั้น ส่วนเทมเพสหันไปสนใจหน้ากากที่มีรอบแตกร้าวของเจ้านาย สภาพเละขนาดนี้หาใหม่ดีกว่า
“วาเรียส เจ้าเป็นยังไงบ้าง”
“...”
“นี่แม่มาเยี่ยมนะ หันมาคุยกันหน่อย”
“เห็นบ่นว่ามึนหัว ท่านวานาเลียให้ท่านจ้าวพักเถอะครับ” โยริครีบอธิบายสาเหตุที่เจ้าตัวไม่ยอมพูดกับใครนอกจากหันหลังให้ หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีแดงถอนหายใจก่อนจะหันมาคุยกับสี่หนุ่ม
“รู้หรือเปล่าว่าใครทำอะไรเขา”
“คือ...ท่านจ้าวถูกผู้หญิงตบน่ะครับ” เฟลมเป็นคนบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าตัว “พวกเราก็ไม่เห็นชัด ๆ นะครับ รู้สึกว่าจะเป็นหญิงสาวในหน่วยเวทรักษา นางมีผมสีเขียวน้ำทะเล”
“ผมสีเขียวน้ำทะเล?” อดีตราชินีแห่งแดนมืดเลิกคิ้วแล้วทำท่าครุ่นคิด ถึงแม้ว่าแดนมนุษย์กับแดนเทวาจะรังเกียจชาวแดนมืดแต่ถ้าเธอจำไม่ผิด ดีไวน์โปรเฟซี่พำนักอยู่ที่โรซานอีกทั้งเป็นคนที่เธอรู้จัก วานาเลียจึงรู้มาจากเพื่อนนางฟ้าตนนั้นว่าตอนนี้เจ้าหญิงแห่งโรซานมาที่ชายแดนและเธอก็มีผมสีเขียวน้ำทะเล คนอื่นอาจจะไม่รู้แต่พวกชนชั้นสูงรู้ดีว่านี่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูลแอมโบเรีย
“ท่านวานาเลียครับ” อาเนฟเห็นเธอเงียบไปก็อยากรู้ว่านึกอะไรได้
“ข้าพอจะเดาออกนะว่าใคร แหม ๆ วาเรียสเอ๊ย ถูกเจ้าหญิงแห่งโรซานตบหน้าเอาแล้วไหมล่ะ เอ...แต่มือหนักแบบนี้ก็ดีนะ เหมาะกับเจ้าดี ถ้าได้นางมาเป็นสะใภ้คงไม่ต้องกลัวแล้วว่าจะเอาเจ้าไม่อยู่” วาเรียสเป็นคนแบบไหนทำไมแม่อย่างเธอจะไม่รู้ ยิ่งถ้าได้สาวมือหนักอย่างเซซาเนียมาเป็นสะใภ้ เวลาจ้าวปีศาจก่อเรื่องรับรองว่าเอาอยู่แน่!
“ได้ยินว่าเป็นเจ้าหญิงที่เลอโฉมมากด้วยนี่ครับ” เทมเพสเสริมต่ออีกนิดหน่อย นัยน์ตาสีเขียวมรกตชำเลืองมองคนนอนหันหลังซึ่งเริ่มขยับตัวเล็กน้อย ท่าทางบทสนทนาทั้งหมด วาเรียสคงฟังอยู่
“น่าเสียดายนะ นางมีคู่หมั้นแล้ว ได้ยินว่าราชาออร์ดิอุสจับหมั้นกับลูกชายของแม่ทัพแห่งโรซานคนก่อนตั้งแต่ยังเป็นสาวแรกรุ่น ตอนนี้คู่หมั้นขึ้นมาทำหน้าที่แทนพ่อแล้ว เจ้าหญิงก็ยิ่งเป็นที่ชื่นชม น่าเสียดายที่แทบจะไม่ปรากฏตัว” เฟลมบอกข่าวที่ได้ยินมา และช่วงประโยคท้าย ๆ ทำให้ทุกคนหันมาสนใจ เพราะอะไรกันถึงไม่ค่อยปรากฏตัว
“เจ้าหญิงองค์อื่น ๆ ก็ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนนี่นา แล้วทำไมเจ้าหญิงเซซาเนียถึงไม่ทำแบบพี่น้องคนอื่นล่ะ” เทมเพสถามขณะหาหน้ากากอันใหม่ให้เจ้านายมาใช้แทนอันเก่าที่มีรอยแตกร้าว
“ข้าได้ยินข่าวลือมาน่ะ เห็นว่าถูกปีศาจจองตัวไว้เป็นเจ้าสาว อีกอย่างราชาออร์ดิอุสเกลียดปีศาจอยู่แล้วเพราะว่าราชินีของตัวเองรักกับปีศาจ ราชาออร์ดิอุสเลยพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เจ้าหญิงกลายเป็นของปีศาจน่ะ” เฟลมเล่าต่อจนจบ คนนอนฟังอยู่ก็ลุกขึ้นเรียกความสนใจจากสายตาทุกคู่ทันที
“ท่านจ้าวไม่เป็นไรแล้วหรือขอรับ” โยริคจำได้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าตัวยังบ่นว่ามึนหัวอยู่เลย
“ข้าจะออกไปข้างนอก”
“เดี๋ยว ๆ แม่ว่าเจ้าดูหน้าตัวเองหน่อยไหม” วานาเลียรีบห้ามลูกชายก่อนจะเสกกระจกออกมาให้อีกฝ่าย วาเรียสรับมาส่องหน้าตัวเอง แล้วก็เห็นรอยฝ่ามือห้านิ้วแดงแจ๋ปรากฏอยู่
“ยังอุตส่าห์ฝากรอยไว้ดูต่างหน้าอีก เอายาทามาสิ” เทมเพสรีบส่งยาพลังสูงมาให้ ชายหนุ่มรับมาเปิดฝาแล้วใช้ทาหน้าตัวเอง ผ่านไปสักพักรอยแดงห้านิ้วก็จางหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ที่ว่าจะไปข้างนอกน่ะคือที่ไหน” วานาเลียถามเพราะที่นี่อยู่ใกล้เขตชายแดน เธอกังวลว่าถ้าจ้าวปีศาจหาเรื่องหลบเข้าชายแดนไปเที่ยวเล่นในเมืองมนุษย์ เกิดถูกจับได้มีหวังเป็นเรื่องแน่
“ที่ไหนก็ได้น่ะแม่ ข้าไม่ก่อเรื่องหรอก พวกเจ้าสี่คนก็ไม่ต้องตามมาด้วย อยู่เฝ้าค่ายนี่แหละ ไปนะ”
“เดี๋ยวขอรับ สรุปท่านจ้าวจะไปไหนกันแน่” สี่องครักษ์เรียกถามขณะวิ่งตามออกไปนอกกระโจม ทว่าร่างสูงกลับหายไปแล้ว ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยให้ตามเลยสักนิด วานาเลียที่ออกมาทีหลังก็ถอนหายใจ วาเรียสก็เป็นแบบนี้ ชอบหนีเที่ยวอยู่เรื่อย!