บทที่ 1 วาเรียส เพนเดลรอน
กริ๊ง!!!
เสียงนาฬิกาปลุกดังสนั่นห้องก่อนที่เด็กชายวัยสิบขวบจะลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมื่อหันมาดูเวลาจึงรู้ว่าตั้งนาฬิกาผิด จากที่ควรจะตื่นเจ็ดโมงเช้ากลายเป็นตื่นเก้าโมงเช้าซึ่งเป็นเวลาขึ้นเรียนแล้ว เจ้าตัวกระโดดลงจากที่นอนพุ่งเข้าห้องน้ำด้วยความเร็วสูงเพื่อรีบจัดการธุระส่วนตัว ไหน ๆ ก็สายแล้ว น้ำไม่ต้องอาบนอกจากล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า และฉีดสเปรย์ดับกลิ่นแทน
“สายแล้ว ๆ เทียน่าทำไมไม่ปลุกฉัน!” เด็กชายหันไปโวยวายใส่ร่างโปร่งแสงที่เพิ่งลอยทะลุผนังออกมา เด็กหญิงผมสีเขียวน้ำทะเลยาวสยาย ดวงตาสีเดียวกันกับเส้นผม ใบหน้าออกไปทางสวยน่ารัก เธอยิ้มฝืด ๆ แล้วนำกระเป๋าที่จัดของแล้วมาส่งถึงมือเจ้าของห้อง
“ฉันปลุกท่านวาเรียสสามครั้งแล้วนะคะ แต่ไม่ตื่นสักทีก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง”
“โอ๊ย!!!” วาเรียสอยากจะบ้าให้รู้แล้วรู้รอดแต่เขาไม่มีเวลามาทะเลาะกับวิญญาณตรงหน้าเพราะต้องรีบไปเรียน เทียน่าปิดปากกลั้นหัวเราะก่อนจะทิ้งท้ายเมื่ออีกฝ่ายพุ่งออกจากห้อง
“โชคดีนะคะ!” เด็กหญิงโบกมือไล่หลัง หลังจากนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เทียน่าจึงหันมาทำความสะอาด เก็บกวาดห้องให้ตามปกติเหมือนที่เคยทำมาตลอด
เมื่อสามเดือนก่อน มีเด็กชายจับฉลากหอพักได้ห้องที่ 22 ที่ว่ากันว่ามีผีสิงอยู่ ทว่าเมื่อเขาเข้ามา เขาเห็นเธอแต่กลับไม่กลัวเลยในขณะที่คนอื่นเห็นวิญญาณต้องวิ่งหนีทุกราย เทียน่าจึงกลายเป็นเพื่อนของเจ้าของห้องคนใหม่ แน่นอนว่าเธอคอยดูแลความสะอาดภายในห้องและคอยปลุกเด็กชายทุกเช้าไม่ให้ไปเรียนสาย แต่ก็ไม่ค่อยสำเร็จนัก
เพราะวาเรียสขี้เซาไงล่ะ!
"นั่นเด็กชั้นเฟิร์สไพรมารี่หรือเปล่า"
"แถมเป็นเจ้าเด็กสายเสมอซะด้วย"
"ขาประจำเลย"
ระหว่างทางที่วาเรียสวิ่งสี่คูณร้อยผ่านไป ก็มีชายหญิงกลุ่มหนึ่งเดินผ่านมาเห็นเข้า พวกเขาจำได้ว่าเป็นเด็กชายที่เข้าเรียนสายประจำ และพฤติกรรมมาสายนี่เองทำให้เป็นที่จดจำของคนทั้งโรงเรียน
'เฟิร์สไพรมารี่' คือคำเรียกของเด็กที่อายุสิบปีแล้วมาเข้าเรียนที่ 'โรงเรียนซินเทลล่า' ซึ่งเป็นโรงเรียนอันดับหนึ่งของดินแดนมนุษย์ ปกติที่นี่จะเปิดรับนักเรียนที่มีอายุยี่สิบปีมาเข้าเรียน ขณะเดียวกันก็เปิดรับเด็กอายุสิบปีมาเรียนด้วยเป็นเวลาสามปีนั่นคือเฟิร์สไพรมารี่ ถ้าเทียบกับโรงเรียนสอนหนังสือในเมืองหรือตามหมู่บ้านก็คงไม่พ้นชั้นประถมศึกษา
"เอาล่ะเด็ก ๆ ครูจะเริ่มบทเรียนแรกของวันนี้แล้วนะ" เสียงของหญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นอาจารย์ประจำวิชาประวัติศาสตร์ดังขึ้นทำให้ร่างเล็กเร่งฝีเท้าให้ไว เนื่องจากห้องเรียนอยู่บนชั้นสี่ของอาคาร กว่าจะวิ่งมาถึงก็แทบขาลาก
เอาล่ะนะ! วาเรียสสไลด์มาหยุดอยู่หน้าประตูเข้าห้องเรียน เขาจัดเสื้อผ้าและทรงผมให้เรียบร้อยแล้วเดินถอยหลังเข้าห้อง เพราะสัปดาห์ที่แล้วเขามาสายและเดินเข้าห้องแต่ถูกอาจารย์ไล่ออกมา จังหวะนั้นหญิงวัยกลางคนที่กำลังเขียนกระดานก็หันหน้ามา เด็กชายชะงักค้างในท่าที่จะเดินออกไปทำให้คนเห็นขมวดคิ้ว
"จะไปไหนฮะคุณเพนเดลรอน กลับไปนั่งที่!"
"ครับผม" วาเรียสเดินหน้ายิ้มไปนั่งข้าง ๆ เด็กชายผมสีเขียวมรกตรวบยาวเป็นหางม้าและดวงตาสีเดียวกันกับเส้นผม เขาเหลือบมองคนมาสายแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
"สายอีกแล้วนะครับ"
"เทมเพส เป็นองครักษ์ประสาอะไร ทำไมไม่มาปลุกฉัน"
"ทุบประตูเป็นสิบ ๆ ครั้งก็ไม่เปิดสักที อีกอย่างผมรีบไปเรียน ไม่ว่างปลุกเจ้าชายขนาดนั้นหรอกครับ" เทมเพส วินเทอร์ กล่าวเสียงเบาพลางเปิดสมุดแล้วหยิบปากกาขนนกขึ้นมาจดเนื้อหาเมื่อเห็นอาจารย์ทำท่าอธิบาย
"รู้ไหมว่าทวีปที่เราอยู่ตอนนี้คือทวีปอะไร"
"ทวีปวาลเทร่าครับ"
"ดีมากคุณวินเทอร์ อ้อ! อย่าลืมดูเเลเขาด้วยล่ะ" อาจารย์วัยกลางคนเอาไม้ชี้เด็กชายผมดำที่กำลังควานหาปากกาของตัวเอง
"ใช่ซี้! นักเรียนดีเด่นของห้อง" วาเรียสประชดพลางเหลือบมองคนข้าง ๆ เทมเพสเป็นเพื่อนที่เล่นกับเขามาตั้งแต่ยังเล็ก พอมาเรียนที่นี่ เจ้าตัวก็ถูกส่งมาเรียนกับวาเรียสเพราะอนาคตจะต้องเป็นองครักษ์ใกล้ชิดเขา แน่นอนว่าในห้องเรียน เทมเพสเป็นนักเรียนดีเด่น ถามอะไรตอบได้หมด ถูกใจบรรดาอาจารย์เหลือเกิน
"ทวีปวาลเทร่าแบ่งออกเป็นสามดินแดน และที่ที่เราอยู่ตอนนี้คือดินแดนมนุษย์ แบ่งออกเป็นสี่ประเทศย่อย ได้แก่ ประเทศลำดับที่หนึ่ง 'ซิลวา' ปกครองโดยราชาจากตระกูลเอเทีย ประเทศลำดับที่สอง 'เทเอียน' ปกครองโดยราชาจากตระกูลคาเวอร์ลอน ประเทศลำดับที่สาม 'โรซาน' ปกครองโดยราชาจากตระกูลแอมโบเรีย และประเทศสุดท้าย 'เอลด้า' ปกครองโดยราชาจากตระกูลเชลเดีย"
น่าเบื่อชะมัด วาเรียสตบหน้าตัวเองเพื่อให้ลืมตาตื่นตลอดจะได้ไม่เผลองีบหลับ ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าถ้าหลับระหว่างที่อาจารย์กำลังอธิบายแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งคงไม่พ้นขว้างชอล์กมาปักคาหัว
"ดินแดนมนุษย์มีอีกสองดินแดนขนาบข้าง ทางทิศตะวันออกคือแดนเทวา ปกครองโดยราชาจากตระกูลรินเซีย ว่ากันว่าชาวเทวานั้นสืบเชื้อสายมาจากเหล่าทวยเทพบนสวรรค์หรือเอเดน จึงมีใบหน้างดงามทั้งชายและหญิง ไหนชาวเทวา ขอเสียงหน่อย"
"เฮ้!"
จ้า ๆ สวยมากเลยจ้า วาเรียสเหลือบมองเด็ก ๆ ชาวเทวาส่งเสียงเฮลั่นห้องด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนที่ทุกคนจะเงียบเสียงอย่างรวดเร็วเมื่ออาจารย์กำลังจะอธิบายต่อ
"ทางทิศตะวันตกคือแดนมืด ปกครองโดยราชาจากตระกูลเพนเดลรอน เดิมทีพวกเขาเป็นปีศาจที่อพยพมาจากดินแดนที่เรียกว่าดาร์กเวิร์ล อ้อ! แต่ราชาของพวกเขาถูกเรียกว่าจ้าวปีศาจ มีตระกูลอีกสี่ตระกูล ได้แก่ วินเทอร์ เคลลิน โดเนลล่า และไพลาริส ทำหน้าที่เป็นองครักษ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อจตุรองครักษ์"
"ว้าว! สี่องครักษ์เหรอคะ เท่จังเลย" หลังจากฟังที่อาจารย์อธิบายจบ ก็มีเด็กหญิงคนหนึ่งปรบมือ ก่อนจะมีเสียงอื้ออึงฟังไม่ได้ศัพท์ดังแว่วมาจากเด็กคนอื่นที่อยากให้บ้านเกิดตัวเองมีตำแหน่งสี่องครักษ์บ้าง
"เอาล่ะ ๆ เงียบได้แล้ว ต่อไปเราจะมาจำชื่อเมืองหลวงและพระราชวังของแต่ละที่กันนะ แดนเทวามีเมืองหลวงกับพระราชวังชื่อออร์ลาน่า แดนมนุษย์ก็เรียงตามลำดับประเทศทั้งสี่เลย คือ ครีออนแห่งซิลวา อามาเนียแห่งเทเอียน แคนเดียนแห่งโรซาน และนารัสแห่งเอลด้า ส่วนพระราชวังกับเมืองหลวงของแดนมืดคือซัลลิเเวน"
"อาจารย์ครับ ดินแดนไหนใหญ่ที่สุดครับ"
"ก็คงจะเป็นแดนมืดนั่นแหละ ทั้งกำลังทหาร ทรัพยากร อาณาเขต ทางนั้นเขาใหญ่ของจริง จ้าวปีศาจทุกรุ่นเก่ง ๆ กันทั้งนั้น รุ่นปัจจุบันก็คงเป็นลำดับที่หกล่ะนะ อีกอย่างพวกเขามีอายุยืนยาวหลายพันปีเหมือนชาวเทวา คนอยู่มานานก็ต้องรู้นั่นรู้นี่เป็นธรรมดา"
บ้านเราใหญ่ของจริงแฮะ แต่ว่า...น่าเบื่อชะมัด วาเรียสมาจากแดนมืดและฐานะของเขาก็เป็นถึงเจ้าชาย แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ก็มีฐานะเท่าเทียมกับนักเรียนคนอื่น ทว่าเขาไม่ชอบการเรียนในห้องเรียนเพราะมันน่าเบื่อ!
ถ้าแอบไปงีบหลับอยู่หลังห้องจะมีใครว่าอะไรไหม?
ช่วงพักเที่ยงหลังจากเสียงสัญญาณดังขึ้น เด็กชายผมดำตาสีแดงก็เดินหาวนอนออกมาจากห้องเรียนโดยมีเทมเพสเดินยิ้มฝืด ๆ ตามหลังมาติด ๆ ยังดีที่วาเรียสเดินอยู่ ถ้าเขานั่งหรือเอนหลังนอนล่ะก็หลับไปแล้ว จังหวะนั้นเองก็มีเด็กชายอีกสามคนวิ่งตามออกมาแล้วทักทายทั้งสอง
"เทมเพส!" เด็กชายผมสีฟ้ายาวประบ่า ดวงตาสีเดียวกันกับเส้น เขาตบบ่าเทมเพสก่อนจะหันไปทักทายคนหาวนอน "เจ้าชาย เมื่อเช้ามาสายนะครับ พวกผมไปช่วยกันเคาะประตูเรียกก็ไม่ตื่น" อาเนฟ เคลลิน อยากจะทำกุญเเจสำรองมาไขประตูห้องเจ้าชายเหลือเกิน
"ช่างเถอะ เจ้าชายคงจะฝันหวานอยู่เลยไม่ตื่นสักที" เด็กชายผมสีน้ำตาลยาวระคอ ดวงตาสีน้ำตาล ที่ตามมาสมทบก็ส่ายหน้าเล็กน้อย โยริค โดเนลล่าเองก็เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของวาเรียส เขาจึงกล้าคุยกับอีกฝ่ายเหมือนเพื่อนทั้งที่สถานะต่างกัน
"เฮ้พวก! ตอนเที่ยงกินอะไรดี" เด็กชายผมสีเพลิงชี้ฟู ตาก็เป็นสีเพลิง นามว่าเฟลม ไพลาริส เปลี่ยนเรื่องคุยมาเป็นเรื่องมื้อเที่ยงแทน ไม่อย่างนั้นวาเรียสคงเดินไปหลับไปด้วยแน่
"ได้ยินว่าที่โรงอาหารเพิ่งมีเมนูบะหมี่ ฉันว่าจะไปกินสักหน่อย ดูสิว่าจะอร่อยสู้บะหมี่หน้าวังซัลลิเเวนได้หรือเปล่า" เทมเพสจำได้ว่าที่แดนมืด แถวถนนหน้าพระราชวังจะมีร้านอาหารมากมายแต่ร้านที่ขายดีเทน้ำเทท่าคือร้านบะหมี่ ว่าง ๆ เขายังเคยเห็นจ้าวปีศาจกับสี่องครักษ์เนียนไปนั่งกินด้วยเลย
"ดี ๆ ไปกินกันเถอะ เมื่อเช้าฉันยังไม่ได้กินข้าวเลย หิวก็หิว ตาลาย อยากจะเป็นลม" ว่าจบก็มีเสียงท้องร้องโครกครากจนได้ยินกันหมดทั้งกลุ่ม พวกเทมเพสกันพากันปิดปากกลั้นหัวเราะ วาเรียสหน้าแดงก่อนจะสะบัดหน้าไปทางอื่นเพราะอาย เนื่องจากคนที่ได้ยินไม่ใช่แค่พวกเขาเเต่รวมทั้งเด็กคนอื่นที่เดินผ่านไปผ่านมาด้วย
โรงอาหารในตอนเที่ยงวันมีเด็ก ๆ ที่เป็นนักเรียนชั้นเฟิร์สไพมารี่เต็มไปหมด ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะที่นี่เป็นโรงอาหารของพวกเด็กรุ่นนี้ ถ้าเป็นนักเรียนรุ่นใหญ่จะไปอยู่ในโรงอาหารอีกที่หนึ่ง พวกวาเรียสไปต่อแถวรับชามบะหมี่แล้วกลับมานั่งกินที่โต๊ะ รสชาติก็ดีแต่ยังสู้บะหมี่หน้าวังไม่ได้
"คิดถึงร้านบะหมี่หน้าวังจัง"
"กิน ๆ ไปเถอะเฟลม บะหมี่ที่นี่ก็อร่อยนะ" โยริคเห็นเพื่อนที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มทำท่าจะร้องไห้จึงเอื้อมมือไปเลื่อนชามบะหมี่เข้าหาตัวเอง พริบตานั้นเฟลมก็คว้ามือเขาแล้วเลื่อนชามบะหมี่กลับไป
"ของฉัน อย่ายุ่ง!"
"ตอนบ่ายเรียนอะไร" อาเนฟถามขึ้นเพราะจะได้เตรียมตัว
"รู้สึกว่าจะเป็นวิชาเวทมนตร์พื้นฐาน วันนี้น่าจะเรียนการใช้เวทสายลม" เทมเพสหยิบสมุดจดขึ้นมาวางตรงกลางโต๊ะ สีหน้าแต่ละคนอยากจะคายของเก่าให้รู้แล้วรู้รอด
"คาบที่แล้วฉันแอบงีบซะด้วยสิ" วาเรียสกลอกตามองบน จังหวะนั้นก็มีเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาว ๆ ดังลั่นโรงอาหาร แล้วเด็กชายห้าคนก็เดินเข้ามา ออร่าชนชั้นสูงเปล่งประกายเจิดจ้าจนชาวแก๊งจากแดนมืดต้องยกมือป้องหน้า
นักเรียนคลาสเฟิร์สไพรมารี่สุดฮ็อตมาแล้ว!
"พวกนั้นคือเจ้าชายทั้งห้าจากแดนเทวาและแดนมนุษย์ใช่ไหม" เฟลมเห็นเด็กชายคนหนึ่งมีผมสีขาว ตาสีเงิน แถมออร่าแสงสว่างออกมาเต็มไปหมดน่า เดาว่าน่าจะเป็นเจ้าชายของแดนเทวาและสี่คนที่ตามหลังมาคงเป็นเจ้าชายของประเทศทั้งสี่
"อย่าไปอิจฉาเขาเลย เขาหล่อ เขารูปงาม หรือเขาจะดังแค่ไหนก็เรื่องของเขา เรามีดีของเราก็พอแล้ว" ใช่ว่าเทมเพสไม่อิจฉา แต่พวกมาจากแดนมืดอย่างพวกเขา ใคร ๆ ก็คิดว่าต้องมืดมนทั้งนั้น ก็เลยได้แต่ปลง
"คอยดูเถอะ โตขึ้น ฉันจะหล่อให้ดู จะหล่อแบบวัวตายควายล้มเลย ฉันจะเอาให้หล่อที่สุดในสามดินแดน นอกจากหน้าหล่อแล้วหุ่นต้องแซ่บด้วย ดีล่ะ! เย็นนี้ฉันจะออกกำลังกาย ฉันต้องฟิตร่างกาย!" ว่าแล้วก็หยิบสมุดขึ้นมาทำตารางออกกำลังกาย เด็กชายอีกสี่คนก็หันมามองเขาเป็นตาเดียวกัน
เรื่องอื่นน่ะช่างมัน แต่เรื่องออร่ากับหน้าตามันยอมไม่ได้!
“วาเรียส ได้ยินว่าอยากออกกำลังกายเหรอ” เด็กหญิงหนึ่งในสองคนได้ยินเจ้าชายปีศาจน้อยบ่นว่าจะจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง พวกเธอจึงเดินมาดูแถมยังพากันกลั้นหัวเราะอีก
“น่าสงสารจังเลย เป็นถึงเจ้าชายจากแดนมืดแต่...” เด็กหญิงอีกคนมองเด็กชายผมสีทมิฬแล้วส่ายหน้าราวกับจะบอกว่าสภาพแบบนี้ โตขึ้นคงเป็นหนุ่มหล่อไม่ได้
“ทำหน้าแบบนั้น หมายความว่าไง” วาเรียสถามกลับ
“นายเป็นเด็กผู้ชายก็จริง แต่หน้าหวานอย่างนี้ โตไปจะเป็นหนุ่มหล่อได้เหรอ”
“ตัวก็เตี้ย ผอมก็ผอม หน้าตาก็หวานแถมน่ารักอีก เชื่อเถอะ โตขึ้นไป เจ้าจะต้องเป็นผู้ชายร่างผอมบางเหมือนผู้หญิง หน้าตาก็สวยหวานมากแน่ ๆ ทางที่ดี ไปเกิดใหม่เป็นผู้หญิงเถอะ”
“ยายพวกนี้นี่!”
“เจ้าชายใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ!” พวกเทมเพสรีบดึงแขนเจ้าชายปีศาจน้อยที่ตอนลุกขึ้นมาทำท่าจะกระโจนเข้าไปบีบคอเด็กหญิงทั้งสองแล้ว ส่วนพวกเธอ พอเห็นว่าท่าทางเอาเรื่องของเด็กชายจึงพากันวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“พวกนายไม่น่าห้ามเลย”
“ผมก็ไม่ได้อยากห้ามหรอกครับ แต่ถ้าปล่อยเจ้าชายไปไล่ตบตีเด็กผู้หญิง ฝ่ายที่ผิดก็คือพวกเรานะครับ” อาเนฟไม่อยากให้เกิดเรื่อง ยิ่งวาเรียสเป็นถึงเจ้าชาย หากเขาทำอะไรไม่ได้ขึ้นมา คนส่วนใหญ่ก็มองจ้าวปีศาจในทางที่ไม่ดีแน่ เพราะสอนลูกให้เป็นนักเลง
“ว่าไงนะ นายจะไปหาเรื่องเด็กผู้หญิงเหรอ” เด็กชายคนหนึ่งเดินผ่านมาก็หาเรื่องจิกกัดอีก “ทำใจเถอะวาเรียส น้ำหน้าอย่างนายไม่มีทางเทียบรัศมีกับพวกเขาได้หรอก” คนพูดชำเลืองมองเจ้าชายทั้งห้าที่เปล่งประกายออร่าชวนแสบตา ทางด้านคนถูกหยามหน้าก็สูดลมหายใจเพื่อสงบสติอารมณ์จากนั้นก็ปั้นหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“ก็ได้ ๆ ฉันยอมรับว่าสู้พวกนั้นไม่ได้ แต่ก็ยังดีกว่าคนบางกลุ่มที่ทำท่าอยากจะเป็นทาสของเจ้าห้าคนนั้นนักหนา ญาติก็ไม่ใช่ ทำไมต้องไปให้ความสำคัญนัก พ่อแม่ส่งมาเรียนนะ ไม่ใช่ให้มาวิ่งตามก้นคนอื่น” วาเรียสจงใจพูดออกมาดัง ๆ ทำให้สายตาหลายคู่มองมาทางนี้ทันที
“พูดแบบนี้อยากมีเรื่องเหรอ!” เด็กชายกลุ่มหนึ่งลุกจากโต๊ะตรงมาทางนี้
“อยากตายใช่ไหม!” เด็กหญิงกลุ่มใหญ่ก็เดินมาพร้อมเอาเรื่องเช่นกัน
“มีอะไรก็คุยกันดี ๆ ก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องมีเรื่องกันเลย” อยู่ ๆ เจ้าชายปีศาจน้อยก็ก้มหน้างุดพลางทำหน้าตาน่าสงสาร จังหวะนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“พวกเธอทำอะไรกัน!” อาจารย์หญิงกลางคนที่มาตรวจดูความเรียบร้อยภายในโรงอาหารเห็นเด็กกลุ่มหนุ่มทำท่าจะไปหาเรื่องวาเรียส จึงถือไม้เรียวตรงมาทางนี้ “จะไปหาเรื่องเพื่อนใช่ไหม! มานี่เลย!”
โดนตีกันถ้วนหน้าเลย พวกเทมเพสมองเด็กพวกนั้นยืนเรียงแถวไปให้อาจารย์ฟาดก้นก่อนจะเบนสายตามามองเจ้าชายปีศาจของพวกเขาที่ตอนนี้กำลังเหยียดยิ้มอย่างผู้ชนะ
ก่อนหน้านี้ วาเรียสสังเกตเห็นมาแต่ไกล ๆ แล้วว่าอาจารย์ผู้ตรวจดูความเรียบร้อยของโรงอาหารเดินมา จึงรีบหาเรื่องให้พวกน่ารำคาญสนใจเขาและทำท่าให้พวกนั้นจะเข้ามาทุบตี หญิงวัยกลางคนเห็นพอดีจึงนึกว่าเขาเป็นฝ่ายถูกรังแก นางก็เลยเข้ามาช่วยส่วนเด็กพวกนั้นก็ถูกตีไปตามระเบียบ
วาเรียสมันร้าย!