ว่าที่คู่หมั้น - 04
@RNN university
ไม่นึกไม่ฝันมาก่อน ว่าไอ้ที่เรียนใหม่ของตัวเองจะไกลโคตะระไกลแบบนี้ เหมือนออกมานอกเมืองกรุงยังไงยังงั้นเลย
พวกเราใช้เวลานั่งรถกันร่วมสามชั่วโมงเลยนะ กว่าจะถึงจุดหมายปลายทางได้เนี่ย เล่นเอาก้นฉันชาแล้วชาอีก ตะคริวกินไปตั้งกี่ล้านรอบก็ไม่รู้
“ยีนส์... อุ้มหน่อย เพลย์เดินไม่ไหว”
ฉันมักจะอ้อนเพื่อนสนิทตัวเองแบบนี้บ่อยๆ ก็ยัยยีนส์น่ะแรงเยอะจะตาย ตัวก็เล็กติ๊ดเดียว แต่ทำไมถึงอุ้มฉันที่หนักถึง 45 โลขึ้นก็ไม่รู้
“นู่น~ ไปเล่นตรงนู้นไป”
อ้าว! ครั้งนี้ยัยยีนส์ไม่ยอมอุ้มอะ สงสัยเธอก็คงจะเมื่อยเหมือนกัน
“ท่านทูต เศกอนันต์ สวัสดิ์รุ่งโรจน์ ใช่ไหมครับ”
ทันทีที่พวกเราก้าวเท้าเดินมายังตึกหลังหนึ่งที่สร้างได้เหมือนกับอาคารเรียนของพวกประถม ที่มีระเบียงไม้กั้นแทนที่จะเป็นปูนเหมือนกับตึกในมหาลัยทั่วๆ ไป มองดูแล้วก็แปลกตาดีนะ กับการดีไซน์ตึกของมหาลัยแห่งนี้
“ครับ ผมพาลูกสาวกับเพื่อนลูกสาวมามอบตัวเข้าเรียนที่นี่”
เสียงป๊าคุยตอบกลับผู้ชายร่างผอมสูงอายุน่าจะแก่กว่าพ่อฉันหลายปี
“เชิญทางนี้เลยครับ ท่านอธิการกำลังรออยู่เลย” คุณลุงท่านเดิมพูดพร้อมกับผายมือเชิญให้พวกเราสามคนเดินตามท่านเข้าไปในตึกนี้
ดูๆ แล้วภายในตึกนี้ก็น่าอยู่เหมือนกันนะ การตกแต่งที่ดูเรียบๆ แต่รู้สึกอบอุ่น มีแชนเดอเลียที่เป็นโคมไฟระย้ารูปหมวกรับปริญญาที่ออกแบบไม่ซ้ำใคร และฉันไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนห้อยอยู่บนเพดานเรียงรายเต็มไปหมด
“ที่นี่ดูอบอุ่นและแปลกตาดีเนอะ อยากเห็นคนออกแบบตึกพวกนี้จัง”
ฉันพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของยัยยีนส์
เดินมาไม่ถึงสิบนาที แต่ทำไมฉันรู้สึกเหมือนตกอยู่ในบ้านแห่งเวทย์มนต์นานนับชั่วโมงแบบนี้ก็ไม่รู้ ทำให้รับรู้ถึงแรงสะกิดเบาๆ ตรงไหล่ พอมองไปก็เจอกับยีนส์ที่ทำหน้าเอ๋อๆ มองฉันอยู่
“มีไร” ฉันถามเธอออกไปเสียงดังลั่น ก่อนจะเหลือบมองเห็นภายในห้องที่ตัวเองยืนอยู่ตอนนี้ ที่ทุกคนนั่งเก้าอี้กันหมดแล้ว เหลือแค่ฉันที่ยืนหัวโด่อยู่คนเดียว
น่าขายน่าชะมัด!
ฉันก้มหัวขอโทษทุกคนที่มีทั้งหัวหงอกหัวดำนั่งอยู่ในห้องนี้ประมาณ 4-5 คน พร้อมกับยิ้มแหยๆ แก้หน้าแหกๆ ให้คนพวกนั้นไป
“ขอโทษแทนลูกสาวผมที่เสียมารยาทด้วยนะครับ ท่านอธิการ”
ป๊าพูดขอโทษคนที่นั่งอยู่โต๊ะตัวเขื่องตรงหน้าพวกเรา
ข้างๆ ท่านอธิการมีคุณลุงคนที่นำทางเรามายืนยิ้มน้อยๆ ให้ฉันด้วย
นั่นเขายิ้มเยาะเย้ยฉันหรือเปล่านะ!
อาการขี้มโนของฉันเริ่มกำเริบอีกแล้ว เวลาเห็นอะไรที่ตัวเองคิดไม่ออกว่ามันคืออะไร ฉันก็มักจะเป็นแบบนี้แหละ คิดเป็นตุเป็นตะไปก่อนเหตุ
“น้องเพลย์ ไหว้ท่านอธิการพัฒนพงษ์ รัตนะวานนท์ สิลูก หนูยีนส์ด้วยนะ” สิ้นสุดคำป๊า ฉันกับยัยยีนส์ก็ยกสองมือพนมไหว้ท่านอธิการที่ชื่อยาวเฟี้อยชื่ออะไรสักอย่างแบบกุลสตรีหญิงไทย
ฉันแค่คนเดียวนะ ส่วนยัยยีนส์ก็ทำปกตินั่นแหละ
“สวยเหมือนแม่จริงๆ”
เอ๊ะ! ทำไมท่านอธิการถึงพูดเหมือนรู้จักแม่ฉันงั้นแหละ
“ไม่ต้องทำหน้าสงสัยหรอกหนูเพลย์ ลุงรู้จักกับแม่ของหนูตั้งแต่เรียนอยู่มหาลัยเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนน่ะ”
อ๋อ... ที่แท้ก็เป็นเพื่อนคุณแม่มาก่อนงั้นเหรอ
ฉันพยักหน้าน้อยๆ ฉีกยิ้มหวานให้คุณลุงอธิการ
“ยังไงผมก็ขอฝากลูกสาวกับเพื่อนเธอไว้ในความดูแลของท่านอธิการด้วยนะครับ”
“อย่าเรียกห่างเกินกันแบบนั้นสิคุณเศก คนกันเองทั้งนั้น” คุณลุงอธิการเรียกชื่อเล่นป๊าฉันแบบนี้ แสดงว่าต้องสนิทกันมากๆ จริงๆ สินะ
“เอางั้นเหรอคุณพงษ์”
แล้วหลังจากนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในห้วงแห่งเสียงหัวเราะที่ดังระงมลั่นห้อง
ฉันกับยัยยีนส์ก็เลยอดที่จะยิ้มขำกับความเด็กของคนสูงวัยทั้งสามไม่ไหว พอมองพวกท่านหัวเราะมีความสุขกันแบบนี้ ฉันก็หวังว่าจะได้เรียนอยู่ที่นี่จนจบนะ
“เดี๋ยวลุงให้คนพาทั้งสองไปรู้จักกับห้องเรียนต่างๆ แล้วก็พาไปรู้จักอาจารย์ที่ปรึกษาของคณะหนูทั้งสองแล้วกันนะ”
คุณลุงพงษ์ คือ... ท่านให้ฉันเรียกแบบนี้เวลาอยู่กันตามลำพังน่ะ
หลังคำสั่งของคุณลุงพงษ์ก็มีอาจารย์ ฉันคิดว่าน่าจะใช่นะ เพราะเขาแต่งตัวด้วยสูทดำดูเนี๊ยบและเรียบร้อยแถมยังหนีบหนังสือเรียนที่ใต้รักแร้ไว้แบบนั้น แต่หน้าตาเขาดูหล่อเหลา อายุน่าจะสามสิบต้นๆ เป็นคนเดินนำทางพวกเรา