Just a fiance ว่าที่คู่หมั้นตัวร้าย
บทย่อ
'ซาดีนส์' คือเจ้าของฉายาเสือร้อยรักที่เพื่อนสนิทฉันเล่าให้ฟัง และที่สำคัญเขาคือ เจ้าชายในวันเด็กที่ฉันตามหามาตลอด 17 ปี แต่การเจอกันครั้งแรกของเรามันดันเป็นสถานการณ์ที่ชวนให้เข้าใจผิด “โอ๊ย! แทงเบาๆ สิวะ” ฉันหยุดขาไว้เพื่อที่จะเงี่ยหูฟังบทสนทนา “ไอ้ห่า! แทงทีละนิดมันจะไปเสร็จอะไร เนี่ยแบบนี้แหละดีแล้ว แทงครั้งเดียวมิดเลย เจ็บ แสบดีมั้ยล่ะ ฮ่าๆ” ทั้งสองเสียงที่คุยกันดันเป็นเสียง... ผู้ชาย ทั้งสถานการณ์และสถานที่เกิดเหตุมันชวนให้ฉันเข้าใจผิดคิดว่าทั้งคู่เป็นมนุษย์สายเหลืองที่กินกันเอง จนมาวันนี้ ผู้ชายคนนั้นกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าฉันในอีกครั้งในอีกสถานะ “ขอโทษครับ ช้าไปหน่อยพอดีคนรอคิวเยอะ” เสียงทุ้มฟังแล้วคุ้นหูดังขึ้น ทำให้พวกเราห้าคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหันกลับไปมอง เฮ้ย! นั่นมัน... ตาฉันเบิกกว้างอัตโนมัติ เมื่อเห็นหน้าเจ้าของเสียงเมื่อกี้เต็มๆ สองตา “นี่มัน... ไอ้สายเหลืองนี่” ฉันเรียกคู่กรณีครั้งก่อนเสียงลั่น “เมื่อกี้หนูเพลย์เรียกพี่เขาว่าอะไร...” เสียงผู้หญิงที่มากับลุงพงษ์ถามฉันขึ้น แต่ยังไม่ทันที่ท่านจะพูดจบใครบางคนที่ไร้มารยาทก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน “อย่าบอกนะ... จะให้ผมแต่งกับยัยขี้มโนนี่” เรื่องราววุ่นวายจึงได้เริ่มต้นขึ้น ณ ตอนนั้น จากคู่ปรับ กลายเป็นว่าที่คู่หมั้น ฉันจะสามารถเปลี่ยนเกย์ให้แมนได้หรือไม่ ความจริงแล้วว่าที่คู่หมั้นฉันนั้นแมนทั้งแท่งหรือแค่ความเข้าใจผิดของฉัน โอ๊ย! งานนี้เพลย์เยอร์คนนี้ต้องพิสูจน์ ต่อให้ซาดีนส์เป็นเกย์ ฉันก็จะเปลี่ยนเขาให้แมนให้ได้!!
ว่าที่คู่หมั้น - 01
Intro
“เบื่อฉิบ! ไม่เข้าคลาสสอนก็น่าจะบอกนักศึกษาล่วงหน้า แบบนี้ก็แหกขี้ตาตื่นเช้าเสียเวลาฉันหมดน่ะสิ”
ฉันเดินดุ่มๆ บนส้นสูงสามนิ้วในชุดนักศึกษารัดติ้วด้วยความหงุดหงิดเข้าขั้นสิบริกเตอร์ สาเหตุเพราะอาจารย์ประจำคลาสเช้าของคณะนิเทศศาสตร์ที่ฉันเรียนอยู่ เกิดเอาแต่ใจอะไรขึ้นก็ไม่รู้ ทันทีที่ขาเรียวสวยของฉันก้าวเข้าห้องเรียนก็พบกับข้อความที่อ่านแล้วทำให้ถึงกับกุมขมับ
‘วันนี้อาจารย์ไม่สบาย ต้องไปออกเดทกระทันหัน เด็กๆ เรียนรู้เองนะจ๊ะ’
ข้อความที่สุดแสนจะอินดี้ ชิลล์ๆ บนกระดานดำ ย้ำนะคะ ว่ากระดานดำ ที่มองกี่ทีๆ ก็ทำให้นึกถึงสมัยประถม ตัวบักเอ้ง! เขียนไว้ เป็นสารบอกให้เหล่านักศึกษาที่ต้องเข้าเรียนในคลาสนี้ตอนนี้ทุกคนทำหน้าเอือมระอาที่ได้อ่านมัน
รวมถึงฉัน เพลย์เยอร์ สุดสวยคนนี้...
แล้วแบบนี้จะไม่ให้ฉันที่อุตส่าห์แหกขี้ตาตื่นตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าเพื่อมาให้ทันเข้าเรียนแปดโมงเช้าโมโหแถมหงุดหงิดแบบนี้ได้ยังไงไหว!!
ขณะที่กำลังเดินผ่านห้องน้ำชายที่หลังตึกคณะศิลป์ที่อยู่ข้างๆ คณะฉัน หูก็ดีดันไปได้ยินเสียงๆ หนึ่งที่ดังในห้องน้ำ
“โอ๊ย! แทงเบาๆ สิวะ”
หืม! เดี๋ยวนะ ใครมามีเรื่องอะไรกันแถวนี้หรือเปล่า อะไรแทงๆ
ฉันเลยหยุดขาไว้เพื่อที่จะเงี่ยหูฟังบทสนทนาต่อไปแบบมีมารยาทที่สุด
“ไอ้ห่า! แทงทีละนิดมันจะไปเสร็จอะไร เนี่ยแบบนี้แหละดีแล้ว แทงครั้งเดียวมิดเลย เจ็บ แสบดีมั้ยล่ะ ฮ่าๆ”
เฮ้ย! ไม่ใช่แล้ว
บทสนทนาของสองคนในห้องน้ำทำไมมันทะแม่งๆ แบบนี้นะ แถมเสียงทั้งสองเสียงที่คุยกันดันเป็นเสียง...
... ผู้ชาย
ไม่ได้การ เข้าใจนะว่าสังคมสมัยนี้มันพัฒนาไปถึงไหนแล้ว เรื่องรักเพศเดียวกันอะไรพวกนี้มันเหมือนเรื่องธรรมชาติเข้าทุกวัน
แต่นี่มันสถานศึกษา แถมยังอยู่ในที่สาธารณะแบบนี้
เอ่อ... ห้องน้ำเรียกที่สาธารณะได้ไหมอะ แต่ก็ช่างมันอย่าไปสนใจเรื่องนั้น ฉันจะจัดการกับไอ้สองคนที่กำลังทำอะไรๆ กันอยู่ในนั้นยังไงดีนะ
“นิสัยทรามแบบนี้ต้องเจอฉัน เดี๋ยวแม่เพลย์คนนี้จะจัดให้เอง”
พูดเสร็จก็หน้าด้าน ไม่สนอะไรแล้วในนาทีนี้ เปิดประตูห้องน้ำชายเข้าไป
โป๊ก!!
“เหี้ยตัวไหนขว้างมาวะ!”
เหี้ยตัวนี้ล่ะ แถมสวยด้วย
ฉันคิดในใจ ยืนกอดอกมองดูภาพอุจาดตาที่เปิดประตูมาเจอกับ...
ผู้ชายสองคน...
คนหนึ่งยืนอยู่ติดกับอ่างล้างหน้าฉันมองไม่เห็นหน้าเขา เพราะมีผู้ชายร่างหนา สูง ผมสีบรอนด์ยืนบังอยู่
เหมือนกับไอ้หัวขาว ฉันขอตั้งฉายาให้เขาเลยแล้วกัน ไอ้หัวขาวกำลังก้มลงไปทำอะไรบางอย่างกับผู้ชายอีกคนที่อยู่ตรงหน้าเขา
ฉันคิดว่าคงจะกำลัง... ล่ะนะ
“ทำอะไรอายฟ้าอายดินบ้างก็ดี ถ้าอยากมากจนอดใจไม่ไหว นู่น!!”
ฉันชี้มือออกไปนอกประตูห้องน้ำ พร้อมกับบู้ปากประกอบท่าทาง
“ออกไปทำกันนอกมหาลัยไป ไอ้พวกสายเหลือง”
สั่งสอนคู่รักสายเหลืองตรงหน้าเสร็จ ฉันก็หันหลังเดินออกมาจากตรงนั้นทันที ไม่อยากอยู่นาน แค่นี้ตาฉันจะเป็นกุ้งยิงมั้ยเนี่ย
.
.
.
“เฮ้อ!”
วันนี้ทั้งวันฉันเอาแต่นั่งหายใจทิ้งอยู่ภายในห้องสีฟ้าสดใส สีโปรดของฉัน นั่งเหม่อมองอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง มองร่องรอยของรอยสักรูปแมวดำนั่งอยู่บนพระจันทร์เสี้ยวพร้อมกับเถาวัลย์ดอกไม้ที่อยู่บนไหล่ซ้ายของฉัน
ยิ่งมองมัน ยิ่งทำให้ฉันนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันจำเป็นต้องสักรูปนี้เมื่ออายุ 19 เพื่อเป็นการปกปิดรอยแผลเป็นอะไรบางอย่าง
“เมื่อไหร่ฉันจะหานายเจอนะ เจ้าชายของฉัน”
เพราะเห็นรอยสักทีไร ใจฉันก็จะเต้นตึกตัก คิดถึงเหตุการณ์ในวัยเด็ก ตอนฉันอายุ 4 ขวบ วันที่ฉันได้เจอกับ เจ้าชายขี่ม้าขาว ในวันนั้น
“ชิ่วๆ ไปไกลๆ เลยนะเจ้าหมาบ้า อย่ามาทำร้ายน้องแมวของเพลย์นะ”
ฉันในวัยเด็กที่กำลังจะช่วยเจ้าแมวน้อยจากการถูกเจ้าหมาตัวใหญ่ขู่กรอดๆ เตรียมจะขย้ำเจ้าน้องแมวเคราะห์ร้ายสีดำเมี่ยม
กรรรจ์!!
เสียงเจ้าหมาตัวโตร้องคำรามขู่ฉันที่กำลังจะเข้าไปแย่งเหยื่ออันโอชะของมัน แววตาของเจ้าหมาตัวโตสีน้ำตาลน่ากลัวมาก มันคำรามพร้อมโชว์เขี้ยวใหญ่ยาวที่แข็งแกร่งใส่ฉัน
“น้องแมว มานี่มา มาหาน้องเพลย์น้า~”
ฉันยังคงใจดีสู้หมาตัวนั้นอยู่ พยายามค่อยๆ ใช้ไม้ยาวๆ ที่ถือไว้ ยื่นไปข้างหน้าเพื่อไล่เจ้าหมาเกเรตัวโต แต่ตอนที่ฉันเกือบจะเอื้อมมือไปหยิบน้องแมวตัวเล็กนั่นได้ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น
โฮ่ง!! แง่ง!!
“กรี้ด~” ฉันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อเจ้าหมาตัวโตกระโจนเข้ามาใส่ร่างเล็กของฉันจนล้มลง แล้วมันก็กัดเข้าที่ไหล่ซ้ายฉัน ในนาทีนั้นฉันที่ยังเด็กมากนึกว่าจะตายตรงนั้นแล้วซะอีกถ้าไม่ได้...
เอ๋งๆ...!!
จังหวะที่กำลังเหมือนจะขาดอากาศหายใจเพราะทนเจ็บปวดกับแผลที่ถูกกัดไม่ไหว ก็มีเด็กผู้ชายน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับฉันเข้ามาช่วยไล่เจ้าหมาตัวนั้นไว้
ฉันไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีไหนทำให้เจ้าหมาตัวนั้นยอมปล่อยฉันที่เป็นเหยื่อใหม่ของมันแล้ววิ่งหางจุกตูดเผ่นแนบได้ขนาดนั้น
ตอนนี้สมองฉันเริ่มจะขาวโผลน สองตาเริ่มจะดับมืดลง...
ช่วยด้วย!
ฉันได้แต่เอื้อนเอ่ยขอความช่วยเหลือออกไป คิดว่าเสียงมันคงดังออกไปแต่ที่ไหนได้นั่นเป็นเพียงแค่จินตนาการของฉันเท่านั้น เพราะเสียงมันไม่ได้ดังออกไปตามที่ใจคิดเลย
หลังจากนั้นผ่านมาประมาณสามวันได้ ฉันก็ฟื้น หมอบอกว่าแผลมันลึกมาก ต้องฉีดยาอะไรไม่รู้ตั้งหลายอย่าง ฉันที่ยังเด็กอยู่จำไม่ได้หรอก ที่จำได้เพราะให้ปะป๊าเล่าให้ฟังอีกรอบตอนอายุ 19 ปี
ป๊ายังเล่าต่ออีกว่า การช่วยน้องแมวรอบนั้น ทำให้ฉันเย็บถึง 15 เข็ม
ตอนที่ปะป๊าเจอฉันนอนเลือดอาบตัวอยู่ในตอนแรกป๊าแทบช็อค เพราะสภาพฉันเหมือนเด็กที่มีแค่ร่างแต่ไร้วิญญาณไปแล้ว ข้างๆ ตัวฉันมีเด็กผู้ชายน่าจะอายุมากกว่าฉัน 2-3 ปีอยู่ตรงนั้นด้วย
ป๊าบอกว่า เด็กคนนั้นกำลังช่วยหยุดเลือดที่ไหลออกมาจากแผล เขาถอดเสื้อของตัวเองใช้ห้ามเลือดฉันไว้ แถมตอนมาที่โรงพยาบาลเด็กคนนั้นก็ยังตามฉันมาพร้อมกับเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับหมอและพวกป๊าฟัง
แมนแต่เด็กมั้ยล่ะ เจ้าชายของฉัน~
และหลังจากนั้นประมาณหนึ่งสัปดาห์ เราก็ได้เจอกันอีกครั้ง...
...ที่สวนสาธารณะที่เดิมที่ฉันได้รับความช่วยเหลือจากเขา
“เธอยัยเด็กที่โดนหมากัดนี่” เสียงเด็กผู้ชายหัวดำ ที่สูงกว่าฉันเกือบสามเซนฯ ทักขึ้นด้านหลัง
ตอนแรกที่หันไปมองตามเสียงนั้น ฉันยังคงทำหน้างงๆ ใส่เด็กคนนั้นอยู่
“นายเป็นใครเหรอ” ฉันถามพร้อมกับเอียงคอเล็กน้อยครุ่นคิดว่าเด็กผู้ชายคนนี้คือใคร เพราะไม่คุ้นหน้าค่าตาเอาซะเลย
“ฉันคนที่ช่วยเธอไง เป็นไง... แผลหายดีหรือยัง” เด็กคนนั้นยังคงพูดเจื้อยแจ้วถามถึงแผลของฉัน
“นายคือคนที่ช่วยฉันเหรอ?” ฉันทำตาโตบ๊องแบ๊วถามเขาออกไป
“อื้อ” เด็กคนนั้นตอบมาเพียงคำเดียวสั้นๆ พร้อมกับยิ้มจนตาหยี
“นายมาเป็นเจ้าชายของฉันตลอดไปได้ไหม โตขึ้นน้องเพลย์จะแต่งงานกับเจ้าชายคนนี้ คิกๆ”
มันแปลกนะ ที่ฉันยังคงจำประโยคนี้ของตัวเองในวัยเด็กได้ขึ้นใจ ความทรงจำในวัยเด็กของฉันเรื่องนี้ไม่เคยลืมเลือนไปเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าน้องเพลย์อายุ 21 เจ้าชายต้องมาขอน้องเพลย์แต่งงานนะ ปะป๊าบอกว่าปะป๊ามีน้องเพลย์ตอนอายุเท่านั้น น้องเพลย์ก็อยากมีน้องเพลย์น้อยตอนอายุเท่านั้นเหมือนกัน ฮี่~”
และหลังจากนั้น ฉันก็ไม่ได้พบกับเจ้าชายในวัยเด็กของฉันอีกเลย