ว่าที่คู่หมั้น - 02
“แกท่าจะบ้านะยัยเพลย์”
ใครที่ไหนจะบ้าเท่าฉันที่รอคำสัญญาที่ตัวเองเป็นคนพูดเองเออเองอยู่คนเดียวจนตอนนี้มันผ่านมาถึง 17 ปีแล้ว
ฉันคือใครน่ะเหรอ ฉันชื่อ เพลย์เยอร์ นางสาวพิณณิการ์ สวัสดิ์รุ่งโรจน์
ลูกสาวคนเดียวของท่านทูต เศกอนันต์ สวัสดิ์รุ่งโรจน์ ผู้ร่ำรวยอันดับสามของประเทศนี้
ก๊อก ก๊อก
ขณะที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ เสียงเคาะประตูห้องนอนฉันก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียง แกร๊ก เปิดประตูเข้ามาของผู้มาเยือน
“คุณหนูตื่นแล้วเหรอคะ”
ป้าหวานแม่บ้านเก่าแก่ของตระกูลฉัน ผู้ที่เปรียบเสมือนแม่อีกคนของฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูตกใจนิดหน่อยที่เห็นฉันนั่งอยู่แบบนี้
“แหม! ป้าหวานก็ การเห็นเพลย์ตื่นเช้าแบบนี้ทำให้ป้าถึงกับตกใจเลยเหรอคะ” ฉันแกล้งพูดแหย่ป้าหวาน พร้อมกับยิ้มน้อยๆ ให้ท่าน
ที่ป้าหวานท่านดูตกใจเพราะปกติฉันเป็นคนตื่นสายน่ะ ถ้าไม่เก้าโมงเช้าฉันไม่มีทางแหกขี้ตาตื่นแน่นอน ยกเว้นวันไหนเรียนเช้าและก็เป็นวิชาที่สำคัญ
“ก็นี่มันเพิ่งจะเจ็ดโมงครึ่งเองนี่ค่ะ ไม่ให้ป้าตกใจไหวเหรอ” ฉันนั่งอมยิ้มขำให้กับป้าหวาน หญิงวัยห้าสิบปลายๆ
“แล้วป้ามาหาเพลย์แต่เช้ามีอะไรหรือเปล่าคะ”
การที่ป้าหวานบุกห้องฉันแต่เช้าตรู่แบบนี้ต้องมีเรื่องอะไรแน่นอน
“คุณท่านให้มาปลุกคุณหนูน่ะค่ะ เห็นบอกวันนี้จะพาคุณหนูไปเข้าเรียนที่มหาลัยเปิดแห่งใหม่”
เห็นมั้ยบอกแล้วว่าการมาเยือนแต่เช้าตรู่แบบนี้ต้องมีเรื่องอะไร
อีกแล้วเหรอ?
ทำไมป๊าถึงชอบย้ายที่เรียนให้ฉันบ่อยนักนะ นี่ฉันย้ายที่เรียนมาสามที่ภายในเวลาสามเดือนแล้วเหอะ!
“น่าเบื่อชะมัด! ทำไมป๊าต้องคอยเปลี่ยนที่เรียนให้เพลย์บ่อยๆ แบบนี้ด้วยคะ แล้วแบบนี้เมื่อไหร่เพลย์จะเรียนจบกับเขาสักที”
ฉันนั่งทำหน้าง้ำหน้างอ เมื่อรับรู้ถึงชะตากรรมตัวเองต่อจากนี้
การเปลี่ยนที่เรียนบ่อยๆ ไม่เป็นผลดีหรอกนะ ไหนจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานที่เรียน กฎระเบียบต่างๆ ของแต่ละที่เหมือนกันที่ไหนล่ะ
ไหนจะต้องหาเพื่อนใหม่ ต้องตามเก็บผลการเรียนให้ทันคนอื่นเขา
โอ๊ย! แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว
“คุณหนูดรอปเรียนมาหนึ่งปีแล้วนะคะ คุณท่านคงอยากให้คุณหนูได้เรียนในสถานที่ดีๆ มีเพื่อนดีๆ ก็อาจเป็นได้ค่ะ” ฉันนั่งคิดตามสิ่งที่ป้าหวานพูด
มันก็จริงนะ ฉันดรอปเรียนมาหนึ่งปีเต็ม บางทีที่ป๊าพยายามเปลี่ยนที่เรียนให้ฉันบ่อยๆ เพราะที่ผ่านมาคงไม่ตอบโจทย์กับเด็กซิ่วอย่างฉันล่ะมั้ง
หลังจากที่ป้าหวานบอกธุระของตัวเองเสร็จ ท่านก็ออกจากห้องฉันไปทำงานท่านต่อ ฉันเลยคว้าผ้าคลุมอาบน้ำ เข้าไปล้างหน้าล้างตา อาบน้ำชำระล้างร่างกายเพิ่มความสดชื่น ให้ร่างกายตื่นตัว
“กว่าจะเสด็จนะคะ คนสวยของป๊า”
ทันทีที่เท้าเรียวยาวของฉันเหยียบย่างเข้ามาภายในห้องทานอาหาร ป๊าก็ทักฉันเชิงแขวะน้อยๆ
“คุณก็... เฮ้อ!” เสียงผู้หญิงวัยกลางคนแต่น่าตายังเยาว์วัยที่นั่งข้างป๊าฉันพูดแบบเอือมๆ ให้กับผู้เป็นสามี
“แม่เล็กต้องจัดการป๊าให้เพลย์นะคะ ทำไมป๊าถึงชอบบงการเรื่องที่เรียนเพลย์นักก็ไม่รู้”
ฉันทำปากยู่ เบ้ปากทำหน้าจะร้องไห้เรียกร้องความสงสารจากแม่เล็ก
ผู้ที่เป็นแม่อีกคนของฉัน แต่ท่านไม่ได้เป็นคนคลอดฉันหรอกนะ เพราะแม่แท้ๆ ที่ให้กำเนิดฉันป่วยแล้วเสียไปตั้งแต่ฉันอายุได้แค่ 5 เดือนเท่านั้น
ป๊าเลยจ้างพยาบาลพิเศษนั่นก็คือแม่เล็กให้เลี้ยงฉันตั้งแต่นั้นมา และเริ่มปิ๊งปั๊งกันตอนไหนฉันก็ไม่อาจรู้ได้
แต่ฉันไม่เคยรังเกียจแม่เล็กเลยนะ ท่านดีกับฉันมาก ทำเหมือนกับฉันเป็นลูกแท้ๆ ของท่านเลยล่ะ
อีกอย่าง ที่ฉันเรียกแม่เล็ก ท่านไม่ได้ชื่อ เล็ก หรอกนะ ท่านน่ะชื่อ พิณพา แต่ท่านบอกว่าไม่อยากให้ฉันลืมแม่บังเกิดเกล้าตัวเอง เลยไม่อยากให้ฉันเรียกท่านว่าแม่เฉยๆ ท่านให้เกียรติคุณแม่ฉันเป็นแม่ใหญ่ แล้วให้ฉันเรียกท่านว่าแม่เล็กแทน
“อ้าว! ป๊าก็อยากให้หนูเจอที่เรียนดีๆ ไง”
ป๊าบอกถึงเหตุผลที่ฉันฟังมานับครั้งไม่ถ้วนให้ฉันฟัง
“ป๊าก็บอกแบบนี้มากี่ครั้งแล้วคะ หวังว่าที่ใหม่จะเป็นที่สุดท้ายสำหรับเพลย์ที่ต้องย้ายแล้วนะ ไม่งั้นเพลย์จะไม่รงไม่เรียนมันแล้ว!”
ฉันกอดอกทำหน้าเบ้ใส่ผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้า ทำเอาแม่เล็กที่นั่งข้างๆ ฉันตีแขนฉันเบาๆ พร้อมกับส่งสายตาดุๆ เป็นเชิงค้อนว่า
‘ทำนิสัยแบบนี้กับคุณพ่อไม่ดีเลยนะคะ’ อะไรทำนองนั้น
“ป๊ารับรอง ที่นี่จะเป็นที่สุดท้าย และน้องเพลย์ต้องชอบมันที่สุด ฮ่าๆ”
ดูเหมือนที่เรียนใหม่ของฉันจะแลดูถูกอกถูกใจป๊ามากเลยสินะ
ดูสิ! หัวเราะลั่นโต๊ะทานข้าว พร้อมกับทำตัวตรงยืดอกภูมิใจว่าในที่สุดก็หาที่เรียนที่ตอบโจทย์ชีวิตยัยเพลย์เยอร์คนนี้ได้แล้วงั้นล่ะ