บทที่ 6
สามสิบนาทีผ่านไป..
เพียงดาวลองวัดไข้ดูก็พบว่าไข้ลดลงไปเหลือสามสิบเก้าองศาแต่ก็ถือว่าไข้ยังสูงอยู่ เธอจัดการเช็ดตัวให้ชายหนุ่มอีกรอบ เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เพราะร่างกายเริ่มขับระบายความร้อนออกมาทางเหงื่อ หลังจากหมดฤทธิ์ยาลดไข้ธารณ์ก็ตัวร้อนขึ้นมาอีก เธอเช็ดตัวให้เขาอยู่หลายครั้งจนกระทั่งไข้ลดลงมาเรื่อยๆ จนเหลือแค่สามสิบแปดองศา
เพียงดาวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พยายามปรือเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมองดูเวลาที่ตอนนี้ปาเข้าไปตีสามแล้ว ตอนนี้ก็ได้เวลาที่เธอจะได้นอนพักผ่อนบ้างแล้ว ยังไม่ทันจะเดินกลับไปนอนบนที่นอนปิกนิกของตนเอง คนป่วยบนเตียงก็เรียกเอาไว้เสียก่อน
“ผมหิวน้ำ” เสียงแหบแห้งเอ่ยบอก
“รอแป๊บนะคะ เดี๋ยวรินไปเอาน้ำมาให้” หญิงสาวเดินไปหยิบขวดน้ำบนโต๊ะ เปิดฝาพร้อมกับรินน้ำใส่แก้วให้เขาดื่ม มือเล็กยกขึ้นปิดปากตนเองขณะหาวหวอดๆ ออกมาหลายครั้ง วางแก้วน้ำและขวดน้ำไว้บนโต๊ะตรงหัวเตียงตามเดิมก็เตรียมตัวไปนอนพักบ้าง
“ไข้คุณลดลงเยอะแล้ว ถ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนก็เรียกดาวได้ตลอดนะคะ”
อย่าว่าแต่น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าง่วงมากแล้วตอนนี้เรียวขาทั้งสองก็เริ่มยืนแทบไม่ตรงแล้วเหมือนกัน เปลือกตาหนักอึ้งจนเกือบจะปิดสนิท แต่ไม่วายเอื้อมมือออกไปวัดไข้ตามความเคยชิน ฝ่ามือเล็กลากไล้ไปตามโหนกแก้มเรื่อยลงมาถึงต้นคอของเขาโดยไม่ได้คิดอะไร พอจะชักมือกลับธารณ์ก็คว้าข้อมือเล็กไว้พร้อมกับดึงร่างเล็กจนเซถลาล้มลงบนเตียงนุ่ม
“อ๊ะ!!?”
“กี่โมงแล้ว” ตอนนี้เขารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว
“ตีสามแล้วค่ะ”
นี่.. เธอดูแลเขาถึงดึกดื่นค่อนคืนขนาดนี้เชียว ฟังจากน้ำเสียงดูแล้วเธอคงจะง่วงนอนมากทีเดียว ธารณ์รู้สึกซาบซึ้งใจไม่น้อยที่เพียงดาวช่วยดูแลเขาเป็นอย่างดี
“คะ คุณธารณ์จะทำอะไรคะ” เพียงดาวเบิกตากว้างขึ้นมองดูคนบนเตียงที่ยกมือขึ้นโอบเอวเธอไว้ ครั้นพอจะลุกขึ้นแต่อีกฝ่ายกลับดึงตัวเธอให้ลงไปตามเดิม
“นอนบนเตียงเดียวกับผมก็ได้ เตียงออกกว้างนอนสองคนได้สบายๆ ที่นอนปิกนิกมันแข็งนอนไม่สบายตัวหรอก”
“อย่าเลยค่ะ ดาวนอนได้ค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก คุณเหนื่อยเพราะต้องดูแลผมมาทั้งคืนแล้ว ได้นอนบนเตียงนุ่มๆ จะนอนสบายกว่านะ เดี๋ยวเอาหมอนข้างกั้นไว้ก็ได้ ไม่ได้นอนตัวติดกันคงไม่ติดไข้หรอก”
ธารณ์พูดดักคอเพราะพอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เขายังจับข้อมือเล็กไว้แน่นไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ส่วนเธอก็ง่วงจนเปลือกตาแทบจะปิดเข้าหากันอยู่แล้ว ขืนเถียงกับเขาอยู่แบบนี้เธอคงหลับไปทั้งแบบนี้แน่ หัวสมองเริ่มมึนเบลอจนไม่คิดอะไรไม่ออก
ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เพียงดาวกลายเป็นเด็กอนามัยที่ต้องนอนก่อนสามทุ่มและตื่นก่อนเจ็ดโมงเช้าทุกวันไปโดยปริยาย พอนอนผิดเวลาเข้าหน่อยร่างกายก็ปรับตัวไม่ทันขึ้นมา
“ก็ได้ค่ะ” เพียงดาวคลานเข่าอ้อมผ่านตัวชายหนุ่มไปยังที่นอนอีกฝั่งหนึ่ง ล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยอ่อน ไม่ลืมหยิบหมอนข้างมาวางขวางกั้นระหว่างพวกเขาทั้งคู่ไว้
ชายหนุ่มขยับตัวลงนอนหงายก่อนพลิกกายมาอยู่ในท่าตะแคงข้าง มันคงไม่เป็นไรหรอกถ้าฝั่งที่เขาหันมาไม่ใช่ฝั่งที่เพียงดาวนอนอยู่ เธอง่วงเกินกว่าจะคิดอะไรได้อีก…อีกทั้งสมองก็อ่อนล้าจนเริ่มไม่ทำการประมวลผลใดใด ไม่รู้ว่าภาพตรงหน้าตัดไปตั้งแต่เมื่อไหร่
เพียงดาวตื่นนอนในเช้าวันใหม่พร้อมกับอาการปวดหัวเล็กน้อย ดวงตากลมโตมองท่อนแขนหนักที่ทาบทับบนลำตัวของตัวเองเช่นเดียวกับเรียวขาแกร่งที่เบียดชิดเรียวขาทั้งสองข้างของตัวเองอยู่ ใบหน้าของเจ้านายหนุ่มที่อยู่ใกล้แค่คืบเกือบทำเธอหลุดอุทานออกมาด้วยความตกใจ ผ้านวมกองรวมกันอยู่ที่ปลายเท้าส่วนหมอนข้างเมื่อคืนไม่รู้หล่นหายไปไหนแล้ว
บรรยากาศในห้องนอนเงียบสนิท ดูเหมือนฝนจะหยุดตกไปนานแล้ว
เธอจะลุกก็ลุกไม่ได้เพราะตลอดทั้งลำตัวถูกร่างกำยำของคนที่ยังนอนหลับสนิททาบทับไปเสียทุกส่วนสัด เพียงดาวรู้สึกว่าผิวกายของธารณ์ไม่ได้ร้อนระอุเพราะพิษไข้เหมือนเมื่อคืนแต่กลับให้ความอบอุ่นราวกับเครื่องทำความร้อนชั้นดี
เพียงดาวจำใจนอนนิ่งอยู่แบบนั้นขณะที่สายตาก็ลอบสำรวจอีกฝ่ายไปด้วย เธอไม่เคยมองใบหน้าของธารณ์ใกล้ขนาดนี้มาก่อน ปกติเขามักจะสวมแว่นตาดำปกปิดดวงตาไว้แทบตลอดเวลา
คิวเข้มที่รับกับจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากที่สวยได้รูปรับกับเครื่องหน้านั้นดูดีแทบไม่มีที่ติ เห็นแบบนี้เธอก็อดรู้สึกเสียดายความหน้าตาดีของเจ้านายหนุ่มไม่ได้ แต่พอสังเกตดีๆ ตรงโคนผมข้างหน้าผากด้านซ้ายมีรอยแผลเป็นยาวเกือบหนึ่งนิ้ว ที่เธอไม่เคยเห็นคงเป็นเพราะเส้นผมปิดบังมันไว้
เพียงดาวนอนมองอีกฝ่ายอย่างใจลอยอยู่นานจนกระทั่งเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นพร้อมกับเสียงเรียกของผ่องศรี ร่างเล็กพยายามขยับตัวออกจากร่างกายกำยำที่นอนกอดก่ายเธออยู่ ถึงจะผลักท่อนแขนออกไปพ้นตัวแล้วก็ยังเหลือท่อนขาหนักๆ นั่นอยู่ดี เพียงดาวตัดสินใจเขย่าตัวเจ้านายหนุ่มเบาๆ กระทั่งเขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา สีหน้ายุ่งๆ บ่งบอกอารมณ์หงุดหงิดอยู่ไม่น้อยที่ถูกรบกวนเวลานอน
“คุณธารณ์ช่วยขยับตัวออกไปหน่อยได้ไหมคะ ดาวจะลุกไปเปิดประตูห้อง”
“…” ธารณ์ไม่ได้ตอบอะไร ทำเพียงขยับตัวออกห่างจากอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย
หญิงสาวรีบลุกออกจากเตียงนอนเดินไปเปิดประตูห้อง บทสนทนาระหว่างพวกเขาทั้งคู่ลอยเข้าหูชายหนุ่มเป็นระยะก่อนจะตามด้วยเสียงปิดประตูห้อง
ธารณ์ถอนหายใจออกมาเบาๆ นอนนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ถึงรู้สึกปวดหัวอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากเมื่อเทียบกับเมื่อคืน
พอนึกถึงเรื่องนั้น.. ร่างกายก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาด้วยความปรารถนาบางอย่าง
คิดว่าพรุ่งนี้เช้าความรู้สึกพลุ่งพล่านในกายคงลดลงและจางหายไปเองเหมือนที่เคยเป็นมา แต่เขาคิดผิด นอกจากไม่หายไปกลับเพิ่มทวีคูณจนไม่รู้จะจัดการกับตัวเองอย่างไรดี
