บทที่ 2
ธารณ์ หรือ ธารณ์ชีวินทร์ คือชื่อของชายหนุ่มตาบอดที่กำลังปั่นจักรยานฟิตเนสอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ตรงหน้าเธอ เขาเป็นชายหนุ่มวัยสามสิบสองที่จัดว่ารูปร่างหน้าตาดีคนหนึ่ง แต่น่าเสียดายตรงที่เขาตาบอดทั้งสองข้างเพราะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสองปีก่อน บิดาและป้าแท้ๆ ของธารณ์จ้างเธอมาช่วยดูแลเขาด้วยค่าจ้างที่สูงลิบลิ่ว แต่ก็ต้องแลกกับการมาใช้ชีวิตอยู่บนเกาะมรกตซึ่งเป็นเกาะส่วนตัวของครอบครัวของนายจ้างหนุ่ม
ธารณ์เป็นคนพูดน้อย เงียบขรึม เอาแต่ใจตนเอง หลายครั้งก็หงุดหงิดฉุนเฉียวขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ กว่าเพียงดาวจะปรับตัวเองให้รับมือกับนิสัยยากจะคาดเดาของเจ้านายหนุ่มได้ก็ใช้เวลาอยู่เกือบเดือน โชคดีได้รับความช่วยเหลือจากแม่บ้านอย่างผ่องศรี หล่อนช่วยบอกเรื่องเกี่ยวกับเจ้านายหนุ่มให้รู้อย่างละเอียดเลยทำให้เธอสามารถเข้าใจอุปนิสัยของอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็วแม้จะทำงานได้ไม่นานนัก
พอผ่านช่วงสามเดือนแรกไปได้ เขาก็ดูจะเปิดใจยอมรับเธอได้มากขึ้น ถึงแม้เธอจะไม่ได้ตกอยู่สภาพเดียวกันแต่ก็พอเข้าใจความรู้สึกเจ็บปวดของอีกฝ่ายดี เวลาเจ้านายหนุ่มแสดงอารมณ์หงุดหงิดไม่พอใจออกมาก็ไม่เก็บมาเป็นอารมณ์ พยายามโฟกัสแต่เรื่องงานที่ตนเองต้องรับผิดชอบตามหน้าที่เท่านั้น
เพียงดาวไม่ได้อยู่ที่นี่เพียงลำพังกับนายจ้างหนุ่ม ยังมีแม่บ้านคนอื่นและพ่อบ้านที่คอยดูแลรับใช้ทั้งเรื่องอาหารการกินตลอดจนถึงการทำความสะอาดบ้าน นอกจากนั้นที่นี่ก็ยังมีคนงานหลายคนที่กำลังสร้างบ้านพักเพื่อให้เสร็จทันเปิดในช่วงปลายปีหน้า
ผ่องศรีเล่าให้ฟังว่าเป็นโครงการที่ธารณ์วางแผนไว้นานมากแล้ว แต่เพราะมาประสบอุบัติเหตุเข้าเสียก่อนถึงพับโครงการไปเกือบสองปีครึ่ง ก่อนจะกลับมาเริ่มก่อสร้างใหม่อีกครั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้เอง
นอกจากนั้นผ่องศรียังเล่าเรื่องลูกจ้างสาววัยไล่เลี่ยกับเพียงดาวหลายคนที่ก่อนหน้านี้ลาออกไป การมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ก็เหมือนกับติดเกาะก็ไม่ปาน ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจน ที่นี่ก็เหมือนคุกกลางแจ้งดีๆ นี่เอง หลังจากใช้ชีวิตบนเกาะมาเกือบสี่เดือนความรู้สึกของเพียงดาวก็ไม่แตกต่างจากคนอื่นๆ มากนัก แต่พอนึกถึงเงินค่าจ้างจำนวนมากที่จะได้รับทุกเดือนแล้วความรู้สึกพวกนั้นก็กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยขี้ปะติ๋วสำหรับเธอไปในทันที
กว่าเธอจะได้งานนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องผ่านการสัมภาษณ์งานหลายครั้ง จำนวนผู้สมัครงานก็ไม่ใช่น้อยๆ ตอนได้รับโทรศัพท์แจ้งเรื่องงานเธอดีใจจนเนื้อเต้นเพราะมันเซอร์ไพรส์สุดๆ ทั้งที่คิดว่าโอกาศได้งานคงน้อยเพราะเธอไม่ได้จบพยาบาลวิชาชีพหรือมีประสบการณ์ดูแลคนพิการโดยตรงจึงไม่คาดหวังว่าจะได้งานนี้ทำด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าทำไมทางครอบครัวธารณ์ถึงได้ตัดสินใจเลือกเธอเข้ามาทำงานนี้ ถึงตอนแรกจะแปลกใจและรู้สึกสงสัยอยู่บ้างแต่พอเวลาผ่านไปเพียงดาวก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจอะไรอีก
การอยู่อาศัยบนเกาะมรกตก้ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรนัก
ที่เกาะมรกตมีทั้งเรือเร็วและเรือเฟอรี่เข้าออกเกาะทุกอาทิตย์ เพราะต้องนำของกินของใช้และวัสดุที่จำเป็นสำหรับงานก่อสร้างมาส่งให้คนบนเกาะเป็นประจำ ซึ่งระยะทางจากบนฝั่งมาจนถึงเกาะใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมง ถึงที่นี่จะมีอินเทอร์เน็ตจากดาวเทียมให้ใช้ มีของใช้อำนวยความสะดวกที่จำเป็นในชีวิตประจำวันอย่างครบครัน แต่มันก็ห่างไกลความเจริญสุดๆ ไม่มีที่กินที่เที่ยว ไม่มีอะไรเลยนอกจากผืนดิน ต้นไม้ หาดทรายและทะเลที่อยู่เบื้องหน้า
เพียงดาวยอมรับว่าวิวทิวทัศน์บนเกาะแห่งนี้งดงามมากแต่ก็เงียบเหงาเงียบสุดๆ เช่นเดียวกัน
เจ้านายหนุ่มต้องไปหาหมอที่กรุงเทพตามนัดทุกสองเดือนอยู่แล้ว ช่วงเวลานาทีทองนี้แหละที่เพียงดาวเฝ้ารอคอยมากที่สุด เธอจะได้กลับไปเยี่ยมครอบครัว ได้ใช้ชีวิตปลดปล่อยความเครียดและได้กินอาหารอร่อยๆ ให้หายอยากบ้าง
