บทที่ 1
หญิงสาวยืนมองเม็ดฝนที่ตกกระทบกระจกหน้าต่างบานใหญ่อย่างใจลอย มองสายน้ำที่ไหลลงเป็นทางยาวก่อนตกลงสู่พื้นเบื้องล่าง มือบางกระชับคาดิแกนเข้าหากันเมื่อสัมผัสถึงลมเย็นที่พัดผ่านผิวกาย
ไม่คิดเลยว่าบนเกาะเล็กๆ ทางภาคใต้จะมีฝนตกบ่อยขนาดนี้ ช่วงสามเดือนแรกที่เธอมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ สภาพอากาศบนเกาะดีมากแทบไม่มีฝนตกเลยด้วยซ้ำ แตกต่างจากช่วงสัปดาห์นี้ที่ผ่านมา นอกจากฝนจะตกลงมาอย่างหนักจนไม่สามารถมองเห็นภาพวิวทิวทัศน์ระยะไกลได้เช่นเดิม ทะเลก็คลื่นสูง แม้แต่เรือเร็วและเรือเฟอรี่ก็ไม่สามารถเข้าออกเกาะมรกตได้ตามปกติ
เธอชอบเวลาฝนตกนะ แต่ไม่ใช่ฝนที่ตกทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ บรรยากาศมันทำให้อารมณ์คนเราหดหู่และเหงาขึ้นมาในเวลาเดียวกัน
“ฝนจะตกหนักแบบนี้ทุกวันไหมคะ”
“เกือบๆ เดือน พอพ้นช่วงฤดูฝนหรือช่วงมรสุมก็ไม่ค่อยมีฝนแล้ว”
“อ่อ เป็นแบบนี้เอง” เพียงดาวพึมพำออกมาเบาๆ
ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่อยากพูดคุยด้วยเท่าไหร่ เธอจึงไม่คิดจะถามหรือชวนคุยอะไรอีก บทสนทนาระหว่างพวกเขาทั้งคู่ก็จบลงสั้นๆ เพียงแค่นั้น
บรรยากาศภายในห้องพักถูกกลบด้วยเสียงฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก
เพียงดาวมองเจ้านายหนุ่มเคลื่อนไหวร่างกายบนอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อผู้พิการทางสายตาโดยเฉพาะ ใบหน้าคมคายมีเหงื่อเม็ดเล็กเกาะพราวรอบกรอบหน้า ผมยาวประบ่าถูกรวบเป็นทรงหางม้าไว้ด้านหลัง เสื้อยืดเนื้อบางเปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ ดวงคมสีนิลอมเทาภายใต้กรอบแว่นตาสีดำเหม่อมองไปข้างหน้า ราวกับตอนนี้เขาได้หลุดเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวอย่างสิ้นเชิง
ถึงจะตาบอดแต่เจ้านายหนุ่มก็ติดนิสัยออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน ธารณ์ให้เหตุผลว่ามันช่วยทำให้หลับสนิทแล้วก็ลดความเครียดได้ดี ซึ่งไม่พ้นต้องเป็นหน้าที่เธอที่ต้องคอยช่วยดูแลความปลอดภัยเพื่อไม่ให้เขาออกกำลังกายหักโหมมากเกินไปจนเกิดการบาดเจ็บหรือเป็นอันตรายกับร่างกายได้
เธอหย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้เบาะหนังตัวเดิม หยิบไอแพดขึ้นมากดดูอะไรไปเรื่อยเปื่อยระหว่างรอให้เขาออกกำลังเสร็จ สายตาก็ลอบมองใบหน้าคมคายของนายจ้างหนุ่มเป็นครั้งคราว มองจากภายนอกคงไม่มีใครรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นผู้พิการทางสายตา
