INSIDE ME | 05 คุ้นเคย?
เช้าวันใหม่ที่แสนสดใสของใครหลายๆ คน แต่โฮปกลับเพิ่งงัวเงียตื่นด้วยเพราะนอนไม่เต็มอิ่ม ตัวที่ทำให้เขานอนไม่เต็มอิ่มมันกำลังนั่งกระดิกหางอยู่บนหน้าอกนี่เอง เขาทันได้ลืมตาขึ้นมาเห็นมันเลียปากเพราะเพิ่งมาเลียหูเขาไปเมื่อตะกี้
“แสบมากนะแก” เขาคาดโทษลูกสุนัขตัวอ้วนแล้วดันตัวลุกขึ้นมานั่ง เต้าหู้จึงต้องลงไปนอนกลิ้งอยู่ข้างเขาแทน “ไม่หลับไม่นอน ในนมแพะมันมีอะไรหรือเปล่า ทำไมดีดแบบนี้” เขาอุ้มเต้าหู้ก้าวลงจากเตียงนอนด้วยมือเพียงข้างเดียว แล้ววางมันไว้บนเคาน์เตอร์สูงๆ ซึ่งเจ้าลูกสุนัขตัวอ้วนตัวหดลงเหลือนิดเดียวด้วยความกลัว
ครืด~ ครืด~
โทรศัพท์เขาสั่นสะเทือนอยู่บนหลังโต๊ะข้างหัวเตียง ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นจันทร์เพ็ญที่โทร. มาตามงานหรือไม่ก็เป็นแม่เขาที่โทร. มากระแนะกระแหนเรื่องมีเทอ
“ซื้อไม่ถูกแต่หวยสินะ” โฮปเลื่อนหน้าจอรับสายแม่ที่ไม่รู้อะไรดลใจให้โทร. มาหาลูกแต่เช้าตรู่ขนาดนี้
(ตื่นแล้วเหรอ)
“ถ้าไม่ตื่นก็คงไม่รับสายแม่”
(เอ๊ะ! เดี๋ยวเถอะเรา)
“มีอะไรครับ”
(แม่จะถามว่าเราได้คุยกับน้องมีเทอบ้างไหม) ชไมพรถามอย่างลุ้นๆ
“เฮ้อ…แม่คาดหวังอะไรในคำตอบผมหรือเปล่า”
(ไม่ได้คุยกันเลยเหรอ) ก็พอจะเดาออกว่าทั้งสองไม่ได้ติดต่อกันเลย แต่ก็มีบางครั้งที่เธออยากได้ยินคำตอบที่เปลี่ยนไปจากเดิม จึงต้องถามทุกครั้งที่โทร. มาหาลูกชาย
(แล้วนี่ไม่ไปทำงานหรือไง)
บ๊อก! บ๊อก!
(นั่นเสียงอะไร แกเลี้ยงหมาเหรอ)
“ครับ ลูกหมาจรน่ะ”
(แล้วจะเอาเวลาไหนไปเลี้ยงมัน ลำพังทำงานก็หามรุ่งหามค่ำแล้ว เอามาเป็นภาระตัวเองเปล่าๆ นะโฮป)
“ครับ” เขาไม่ตอบอะไรกลับไปให้มากความ เพียงมองหน้าเต้าหู้และลูบหัวมันเบาๆ เท่านั้น “แค่นี้นะครับ พอดีเพิ่งตื่น” เขาไม่รอให้มารดาตอบกลับมาก็กดวางสายก่อน
บ๊อก!
“รู้ดีนะแกเนี่ย แล้วจะกินอะไร” เขาเลื่อนเก้าอี้บาร์มานั่งเท้าคางมองหน้าเต้าหู้ มันกระดิกหางเดินมาคลอเคลียแล้วเลียปลายคางโฮป “นั่งรอตรงนี้โอเคไหม ไม่งั้นตกลงไปตายก่อนได้เมียแน่แก” ว่าจบก็เดินไปหยิบชามใส่อาหารสำหรับลูกสุนัขมาไว้บนเคาน์เตอร์ ท่าทางดีใจจนนั่งไม่ติดของเต้าหู้ทำให้โฮปรีบเอาอาหารไปเทให้มัน ส่วนตัวเขากินซีเรียลกับนมและตบท้ายด้วยกาแฟร้อนก่อนจะไปอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานเฉกเช่นทุกวัน แต่วันนี้แปลกหน่อยที่มีบอดี้การ์ดตัวน้อยติดรถไปกับเขาด้วย
“สวัสดีค่ะคุณโฮป” จันทร์เพ็ญทักทายเจ้านายเช่นทุกวันแต่วันนี้แปลกตาไปหน่อยเพราะมีลูกสุนัขวิ่งตามหลังเจ้านายทุกฝีก้าวแถมยังซนกัดชายกางเกงอีก
“อย่าซน ไม่งั้นจะจับไปทิ้งบ่อจระเข้นะ”
“หึหึ…ดูมันกลัวคำขู่คุณโฮปนะคะ”
“ครับ วันนี้มีประชุมไหมครับ”
“เดี๋ยวเพ็ญไลน์มาแจ้งนะคะ” เธอมองเต้าหู้แล้วอมยิ้ม มันรู้สามากว่าใครเป็นเจ้าของมันและใครไม่ใช่เจ้าของมัน
“ออกไปนั่งที่ตัวเอง” โฮปทำเสียงดุใส่แต่เต้าหู้กลับนอนกลิ้งไปมาแถมยังฉี่ใส่พื้นพรมราคาแพงในห้องทำงานเขาอีก “ฉี่ไม่เป็นที่เป็นทาง เดี๋ยวจับตัดจู๋เลยนะ”
บ๊อก! บ๊อก!
“ไม่ต้องมาเถียง ไปนอน”
อิ๋ง~
มันเดินคอตกไปนอนที่เบาะตัวเองและหลับไปเพราะแอร์เย็นฉ่ำ
ช่วงบ่าย
โฮปนั่งเอนหลังกับเก้าอี้ทำงานพักสายตาอ่อนล้าจากงานกองเป็นพะเนินตั้งแต่เช้า
ครืด~ ครืด~
โทรศัพท์สั่นสะเทือนอยู่บนโต๊ะทำให้โฮปตื่น เขาจิ๊ปากเล็กเมื่อถูกรบกวน
“กูไม่ว่าง”
(ยัง ยังไม่ได้บอกให้ไปไหนเลย)
“ว่าไง”
(กูมีอะไรเซอร์ไพรส์มึงนิดหน่อย ตอบแทนที่ช่วยดูหนูดีให้)
“อะไร ถ้าจะมาจัดปาร์ตี้ที่บ้านวันนี้ของดก่อน กูเพลียอยากพักผ่อน”
(อา…เอาไว้พักตอนตายทีเดียวเลยไม่ดีกว่าเหรอเพื่อน ถ้ามึงปฏิเสธกูนะบอกตรงนี้เลยว่าพลาดมาก)
“อะไรของมึงอีก”
(เอาไว้กลับไปบ้านเย็นนี้จะรู้เอง)
“เฮ้อ อืม ๆ อย่าแรงมากล่ะ กูต้องทำงานแต่เช้า”
(แรงไม่แรงไม่รู้ ไปถึงก็เช็กของเองแล้วกัน)
“อืม” วอร์วางสายเขาไปหลังพูดจบประโยคนั้น โฮปได้ทีถอนหายใจออกพรืดใหญ่แล้วหมุนเก้าอี้ไปมองเต้าหู้ที่นอนอ้าขาสบายใจเฉิบอยู่บนเบาะนอนของมัน
19:00
ร่างสูงโปร่งเดินอาดๆ เข้ามาในบ้านพร้อมลูกสุนัขตัวอ้วนที่อุ้มแนบอก โฮปออกคำสั่งเพื่อเปิดไฟในบ้านให้สว่าง ทั้งในใจก็คิดถึงเรื่องเซอร์ไพรส์ของวอร์ด้วย ตอนนี้เขารู้สึกระแวงมากกว่าอีก ไม่รู้เพื่อนบ้ามันจะเล่นพิเรนทร์อะไรไหม
“ไปเข้ากรงตัวเองไป” พอปล่อยลงพื้นเต้าหู้ก็รีบวิ่งเข้าไปในกรงตัวเองและกินอาหารที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้ ระหว่างนั้นโฮปเดินขึ้นไปชั้นสองเพื่อเปลี่ยนชุดทำงาน เท้าเขาชะงักที่จะก้าวเข้าไปในห้องนอนส่วนตัวด้วยเพราะสัมผัสกับไอความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่ในขณะนี้
“ใคร” ชายหนุ่มเอ่ยถามเพราะมองเห็นเงาผู้หญิงที่นั่งอยู่ขอบเตียงนอนอีกฝั่งหนึ่ง ไฟในห้องถูกเปิดสว่างจ้าจนได้เห็นร่างบางในชุดเดรสสีดำสายเดี่ยว แต่เธอใส่หมวกแก๊ปกับหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าพานทำให้โฮปรู้สึกหงุดหงิด
“พี่วอร์ให้หนูมาปรนนิบัติพี่คืนนี้ค่ะ บอกว่าเป็นการตอบแทนที่ช่วยเลี้ยงหนูดี”
“อ๋อ…หึ!” มุมปากหนายกยิ้มร้าย “พอดีฉันไม่ชอบกินของซ้ำกับใคร”
“แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่าหนูเคยถูกกินมาแล้ว” น้ำเสียงและความมั่นใจของหญิงสาวสะกิดต่อมความสนใจจากเขาได้เป็นอย่างดี โฮปจึงลองเชิง
“แต่ถ้าไม่ผ่านการใช้งาน ก็ไม่น่าจะเป็นงานเท่าไหร่”
“…ก็ต้องลองนะคะ ว่าเป็นงานจริงไหม”
“หึหึ กล้าได้กล้าเสียดี”
“ค่ะ”
“แต่ก่อนจะปรนนิบัติฉัน เธอควรเปิดหน้าก่อนนะสาวน้อย” พอมองอย่างพินิจแล้วเธอน่าจะอายุราว ๆ ยี่สิบและอาจจะเป็นรุ่นน้องเขาหลายปีเลย แต่โฮปกลับรู้สึกคุ้นเคยกับน้ำเสียงนี้มาก “เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไหมคนสวย” เขาถามเพื่อความแน่ใจ
“ไม่นะคะ” หญิงสาวปฏิเสธเสียงหวาน ท่าทางยั่วยวนนั้นเรียกรอยยิ้มจากชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี
“อายุเท่าไหร่ พ่อแม่รู้หรือเปล่าว่ามาทำงานแบบนี้”
“พ่อแม่ไม่ว่าค่ะ เพราะหาเงินเลี้ยงตัวเองได้แล้ว”
“แต่คงไม่มีพ่อแม่คนไหนรับได้ที่ลูกตัวเองขายตัว”
“ไม่เรียกขายตัวมั้งคะ สำหรับหนูคุณคือผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเรียนค่ะ” คำตอบนั้นทำเอาโฮปหลุดแค่นหัวเราะในลำคอ
“พอดีฉันไม่ชอบสนับสนุนเด็กในทางที่ผิด เสียเวลาเปล่านะ” โฮปหันหลังให้แล้วก้าวเดินออกมาได้เพียงสองก้าวเท่านั้น
คลิก!
“หนูถูกจ้างมาแล้ว ได้เงินแล้วก็ต้องทำงาน”
“อะไรของเธอ” ดวงตาคมกริบจ้องข้อมือที่ถูกใส่กุญแจมือไว้ จากนั้นหญิงสาวก็ผลักเขานอนลงบนเตียง ด้วยเพราะไม่ทันตั้งตัวเขาจึงล้มลงอย่างง่ายดาย ก่อนที่เธอจะจัดการล็อกข้อมือเขากับหัวเตียง
“พี่วอร์บอกว่าพี่…” ไม่ว่าเปล่าแต่ยังลูบไล้ลำคอหนาเบาๆ “ชอบความรุนแรง” เธอพูดต่อและกดริมฝีปากแนบลงที่กลางอกแกร่ง
“ฉันไม่ชอบคนพูดไม่รู้เรื่อง” ระหว่างนั้นเขาสังเกตใบหน้าที่ถูกซ่อนอยู่ใต้หน้ากากอนามัยด้วย โครงหน้าเธอคุ้นจนเขาเอะใจแต่ทว่าภาพใบหน้าของหญิงสาวกลับเลือนลางลงเรื่อย ๆ “เธอทำอะไร”
“เปล่านี่คะ…”
“เธอ!” รู้ตัวอีกทีก็พลาดท่าให้หญิงสาวแล้ว ถึงว่าตอนที่เธอลูบแก้มมันมีอะไรเหนอะๆ ติดที่แก้มและกลิ่นหอมอ่อนๆ อีก “เธอ…ทะ…ทำอะไร” ในตอนที่สายตาเขาพร่าพรายใกล้จะปิดสนิทหญิงสาวก็ได้ถอดหมวกและดึงหน้ากากอนามัยออกทำให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงแต่กลับเลือนลางมากๆ
“สวัสดีค่ะ…พี่โฮป”
“มี…เทอ~”