บท
ตั้งค่า

[2] Fall in love at hospital

"มุกเดิมๆ ใช้ไม่ได้ผลหรอก!"

'เคยเจอกันจริงๆไม่ใช่มุกสักกะหน่อย ฉันยังคงจดจำเขาได้ดีแต่อีกฝ่ายไม่เคยจำ'

@เหตุการณ์ในอดีต

บนวีลแชร์ไฟฟ้ามีร่างของอติมาหรือพอร์ช หญิงสาววัย27ปีที่มีความบกพร่องเนื่องจากประสบอุบัติเหตุรถคว้ำตอนอายุ24 ขาทั้งสองข้างจึงเดินไม่ได้ เธอมีใบหน้าโฉบเฉี่ยว สวยคม แววตาดุดัน ผิวสีขาวนวลผ่อง ผมสีน้ำตาลยาวสลวย 

แน่นอนว่าตลอดระยะเวลาที่พักฟื้นจนกระทั่งชีวิตในช่วงนี้ สำหรับสาวเปรี้ยวอย่างเธอราวกับตกนรก โชคดีที่ทำกายภาพบำบัดหัดเดินมาได้สักพักใหญ่ๆแล้ว มีทีท่าว่ากำลังเป็นไปได้ด้วยดี 

ได้แต่ภาวนาว่าสักวันเธอต้องหายเป็นปกติ แถมหมอประจำตัวยังบอกมาแบบนั้นว่ามีโอกาสกลับมาเดินได้อย่างแน่นอน

"เดี๋ยวเบนซ์ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ! ปวดท้องหว่ะไม่ไหวละ" 

ธิติมาหรือเบนซ์น้องสาวเพียงคนเดียวเอ่ยขึ้นและเรามีกันสองคนและชื่อของเราก็อ้างอิงมาจากคุณพ่อสุดหล่อที่ชื่นชอบรถหรูนั่นเอง

เวลานี้เราทั้งสองคนอยู่ที่โรงพยาบาล เบนซ์อาสาพาเธอมาตามที่คุณหมอนัดและเมื่อเสร็จธุระเรียบร้อยเราก็กำลังจะถึงรถในตอนขากลับอยู่แล้วเชียว สีหน้าของเบนซ์ก็แสดงออกได้อย่างชัดเจนว่าผิดปกติ เพราะตัวบิดเกิดปวดท้องเข้าห้องน้ำขึ้นมากระทันหัน

"อื้ม แต่เตลิดไปซื้อสัปปะรดที่โรงอาหารให้สัก2ถุงสิ นะๆน้องรัก"

"อืมๆได้ งั้นก็รอสักพักนึงแหล่ะ"

"โอเคๆ จะรอนะ" พอร์ชใช้ทั้งๆที่น้องสาวแทบจะยืนไม่ไหว แต่ก็รีบรวบบทสนทนาให้จบเร็วที่สุด จึงไม่เกินไปเป็นอันเข้าใจตรงกัน

พอน้องสาวลับสายตาไปหญิงสาวก็เบือนหน้าไปมองทิวทัศน์เบื้องหน้า สวนหย่อมสีเขียวก็ช่วยปลอบประโลมให้จิตใจของคนกลุ้มดีขึ้นมาอยู่บ้าง ไม่เคยมีเวลาไหนที่ไม่คิดเรื่องขาของตัวเอง เธอเฝ้ารอและแทบอดใจไม่ไหวแล้วด้วยซ้ำในแต่ละวัน กว่าจะผ่านไปได้ชั่งทรมาน ยิ่งช่วงแรกๆนอนหมอนเปียกทุกคืนวัน

นึกโทษตนเองที่ไม่น่าใช้ชีวิตประมาท เธอเป็นคนที่ขับรถไวมาก ชอบความเร็วเป็นชีวิตจิตใจทำให้รู้สึกสนุก แต่ชีวิตในตอนนี้มันไม่สนุกเอาเสียเลย ความดื้อของเธอช่วงบรรลุนิติภาวะต้นๆ มีแอบไปแข่งรถที่สนามแข่งของเพื่อนบ้าง เอาแต่คลุกตัวอยู่นั่นโดยที่คุณพ่อไม่รู้ เพราะถ้าถึงหูคงไม่ได้แตะอย่างแน่นอน

ทางบ้านของเธอค่อนข้างมีฐานะอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เท่าระดับไฮโซโก้หรู คุณพ่อทำธุรกิจเกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ก่อสร้างบ้าน ส่วนคุณแม่ก็เปิดร้านทองสาขานับไม่ถ้วนทั่วเมืองหลวง เธอกับน้องไม่เคยลำบาก มีแต่ลำบากเพราะตัวเองทั้งนั้นไม่พอยังพาคนอื่นลำบากไปด้วย 

นั่นก็ชั่งประไร ในเมื่อเรื่องมันก็เกิดขึ้นมาแล้ว การโทษตัวเองเป็นงานอดิเรกของเธอ ยังไม่นึกเบื่อหน่ายหรืออย่างไร

ตึก ตึก ตึก!!!

ในขณะเดียวกันก็มีร่างหนาของชายคนหนึ่งเดินผ่านหน้าไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ใจดวงเล็กเต้นตุ้มๆต่อมๆ ดวงตาเบิกโพลงตกใจยิ่งกว่าเห็นผี

เพราะว่าที่...ผัวตรงหน้าความหล่อนั้นรังสีเกินต้าน ไม่คิดว่าโรงพยาบาลจะมีอาหารตากับเขาด้วยเหมือนกัน หรือนี่เป็นพรมลิขิตกันนะ 

วินาทีนี้ความหิวกระหายมันเรียกร้องอยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ มีเวลาได้ตัดสินใจไม่นานเลยเพราะสมองแล่นปรี๊ด ปากลั่นว่า...

"โอ๊ยยย!! คุณๆคุณคะช่วยฉันด้วยค่ะ!"

"...."

"นี่คุณ ช่วยฉันก่อน"

"คุณสุดหล่อขา~" ในคราแรกร่างหนาหยุดฝีเท้าราวกับฉุกคิด แต่เสี้ยววินาทีเท่านั้นก็ยังใจแข็งเดินหน้าต่อไม่หันมามองเธอแม้แต่หางตาเลยด้วยซ้ำไป หญิงสาวเปล่งเสียงร้องดังขึ้น

ตึก ตึก ตึก!!!

'ขนาดยังไม่สบตากันยังตราตรึงใจขนาดนี้ หากอีกฝ่ายถอดแว่นดำออกจะขนาดไหนกัน คงจะเป็นลูกครึ่งสะด้วยสเป็คเลยบอกตรงๆ ท่าทีของคุณสุดหล่อดูรีบร้อน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ต่อมความดีของเธอมีขึ้นมาหรอก ขอรบกวนหน่อยเถอะหล่อขนาดนี้ใครจะยอมปล่อยไปง่ายๆ'

'หล่อราวกับเทพบุตรจะปล่อยให้หลุดมือไปได้ยังไง' 

ใบหน้าสวยหวานแอบยกยิ้มร้ายขึ้นมา โดยที่คนตัวสูงยืนเท้าสะเอวจ้องหน้าแล้ว

"เอ่อคือว่า….ฉันเจ็บแปล๊บๆที่เข่าอ่ะค่ะ แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว"

"ขอบคุณนะคะที่หันกลับมาช่วยฉัน ขอบคุณจริงๆค่ะ ตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว ฉันชื่อพอร์ชนะคะแล้วคุณ?"

"ดูก็รู้ว่าอ่อยอย่าพร่ามมากน่า เสียเวลาชะมัดเธอนี่มัน!!!" 

เขาชี้นิ้วแกร่งมาที่หน้าของเธอจนทำตัวไม่ถูก รู้ว่าอ่อยแต่ไม่คิดจะเล่นด้วยเลยเหรอ 'ถึงหนูจะพิการขาแต่ก็มีใจนะเว้ยสุดหล่อ พอร์ชไม่ยอม พอร์ชจะเอาคนนี้'

ร่างหนารีบสาวเท้าไวๆหนีเธอไป แล้วไง...เธอก็วิ่งตามด้วยวีลแชร์ พอเคลื่อนตัวไปตามทางลาดทว่า...

โคร้มมมม!!!!!

"อ๊าาา!!!"

"ฮืออ โอ้ย!"

ชีวิตของพอร์ชชั่งเคราะห์ซ้ำกรรมซัด คว้ำทั้งรถคว้ำทั้งวีลแชร์ชั่งเป็นชีวิตที่น่าตื่นเต้นดีแท้และถึงร่างเล็กจะกลิ้งเป็นลูกขนุนอย่างไร ก็ไร้ซึ่งการช่วยเหลือใดๆจากชายหนุ่ม ขอเปลี่ยนจากคุณสุดหล่อเป็นคุณคนไร้น้ำใจเลยก็แล้วกัน

"ไอ่คนไร้น้ำใจ อย่าให้ฉันเดินได้นะจะเดินไปเตะยอดหน้าแม่ง"

"ไอ่หน้าขาว ไอ่ๆไอ้บ้า!!!!" คนปากไวรีบด่าก่อนร่างหนาจะลับตาไป นิ้วสวยซับน้ำตาที่หางตาเพราะตอนนี้เธอเจ็บมาก นั่นแปลว่าขาทั้งสองข้างก็มีความรู้สึกมากขึ้น นับว่าเป็นข้อดีแต่ข้อเสียคือในตอนนี้เธอไม่สามารถพาตนเองลุกขึ้นจากพื้นได้เลย ดีที่ไม่หัวเเตก 'แต่ก็ไม่เท่าเจ็บที่ใจหรอกแค้นนัก'

น้องสาวหิ้วถุงสัปปะรดกลับมาเมื่อพบว่าร่างของพี่สาวลงไปกองอยู่กับพื้นจึงวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาและเอาพี่สาวขึ้นนั่งวีลแชร์แต่ก็ไม่ไหว ดีที่บุรุษพยาบาลเดินผ่านมาพอดีจึงช่วยเอาไว้

"ตายละ พี่บ้าป่ะเนี้ยตัวเองยังเดินไม่ได้แกก็ยังจะกล้าไปเข็นวีลแชร์ไล่ตามผู้ชาย เออแกนี่เก๋ดีนะพี่พอร์ช!!" 

ผู้เป็นน้องถามไถ่ถึงสาเหตุของการลงไปนอนแนบพื้นอย่างไม่ได้ระแคะระคายใดๆ ทว่าคำตอบของพี่สาวชั่งเกินคาด ถ้าหากให้พูดออกมาตามตรงก็อยากจะบอกพี่สาวว่าควรเจียมสังขารตัวเองหน่อย 'มันใช่เวลามาวิ่งตามผู้ชายไหมเนี้ย'

"อย่าว่ากัน ฉันอายคนเรารีบกลับกันเถอะ!" 

________

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel