ความจำเสื่อม 2
เขาถามขึ้นเมื่อรถแล่นออกมาจากบริเวณลานจอดรถของร้านอาหาร
“ถามอะไรเหรอคะ”
“มีแฟนหรือยัง”
ไม่คิดว่าจะถูกถามตรงๆ แบบนี้ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนที่กล้าถามดี และฉันก็พร้อมที่จะตอบตรงๆ เช่นกัน
“ยังค่ะ”
“คนคุยก็ไม่มีเหรอครับ”
“ไม่ค่ะ”
“ไม่อยากเชื่อเลย น่ารักขนาดนี้”
เขาชมขณะยิ้มด้วยความพอใจ มันทำให้ฉันนึกขัน
“ขอบคุณที่ชมว่าน่ารัก แต่ที่ไม่มีเพราะหมอกยังไม่อยากมีค่ะ” หวังว่าเขาจะเข้าใจในความหมายของฉัน
“ทำไมถึงไม่อยากมีครับ”
“คิดว่ายังไม่ถึงเวลา อยากโฟกัสเรื่องเรียนมากกว่า และที่สำคัญยังไม่เจอคนที่อยากคุยด้วยค่ะ” ฉันรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้พอได้คุยมากๆ แล้ว ฉันรู้สึกกลัวกับการรุกแรงของเขาจริงๆ
“งั้นลองคุยกับพี่ดูมั้ยครับ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ” ถึงจะใจเต้นแรงกับความหล่อของพี่เบส แต่ฉันก็ไม่พร้อมจะมาเป็นคนคุยของเขา
“ทำไมล่ะ พี่ไม่ดีพอสำหรับหมอกเหรอครับ”
“ไม่เกี่ยวหรอกค่ะ เพราะเราเพิ่งรู้จักกัน หมอกไม่รู้หรอกว่าพี่ดีหรือไม่ดี แต่หมอกยังไม่อยากมีคนคุยตอนนี้ค่ะ”
“มันก็จริง เราเพิ่งรู้จักกัน พี่ไม่ควรใจร้อน งั้นเราคุยเป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้องกันไปก่อนแล้วกัน โอเคมั้ยครับ”
ฉันนิ่งคิดอยู่ครู่ ก่อนจะขานรับ
“ค่ะ”
“รู้ใช่มั้ยว่าพี่เคยคบกับเกรซมาก่อน”
“ค่ะ วันก่อนเห็นข่าวพี่เกรซให้สัมภาษณ์ว่าห่างกับแฟนแล้ว”
“พี่กับเกรซเลิกกันแล้ว”
“ค่ะ” ฉันตอบรับแค่นั้น และพี่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก และฉันก็ไมได้สนใจเรื่องนี้ด้วย เพราะจะเลิกไม่เลิก มันก็ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว
กระทั่งรถมาจอดหน้าคอนโดฯ
“ขอบคุณมากๆ นะคะที่มาส่ง” ฉันยกมือไหว้ขอบคุณพี่เขาด้วย
“น่ารักจัง ไหว้ด้วย” พี่บาสบอกพร้อมกับยิ้มให้
“แล้วพี่จะทักไปนะ”
“ค่ะ ขับรถกลับดีๆ นะคะ” แล้วฉันก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในตึกทันที ตรงไปยังลิฟต์ที่กำลังจะปิด
“รอด้วยค่า”
ประตูลิฟต์เปิดออก ฉันก้าวเข้าไปอย่างรีบเร่ง แล้วหันไปทางคนที่ยืนอยู่ติดแผงปุ่ม เพื่อจะขอให้เขากดชั้นที่ฉันพักอยู่ แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเจอร่างสูงที่ยังอยู่ในชุดเตะบอล
เขาย่นคิ้วนิดๆ เมื่อมองมาที่ฉัน มันทำให้ฉันใจเต้นระทึก เพราะกลัวว่าเขาจะ...
“อ้าว น้องเก็บบอลนี่เอง อยู่ชั้นไหนครับ”
ฟังคำพูดของเขาแล้ว ฉันก็โล่งใจว่าเขาจดจำฉันได้ก็เพราะแค่ฉันเก็บลูกฟุตบอลให้เขาเมื่อตอนเย็นนี่เอง ไม่ได้จำมากกว่านั้น ไม่รู้เพราะฉันเปลี่ยนไป หรือเพราะคืนนั้นเขาเมาแล้วความจำเสื่อมไปชั่วขณะเหมือนในซีรีส์หรือละครที่ฉันเคยดู
“ชั้นสี่ค่ะ ขอบคุณค่ะ” ฉันบอกและพร้อมขอบคุณที่เขากดตัวเลขชั้นให้ จากนั้นฉันก็หันหน้าไปทางอื่น ไม่อยากมองหน้าหล่อๆ นั่นหรอก ทำไมนะ ทำไมต้องมาเจอเขาอีก
“อยู่ชั้นเดียวกันเลย”
ฟังแบบนั้นแล้วฉันก็ยิ่งไม่สบายใจ เพราะถึง เขาจะจำฉันเมื่อปีก่อนไม่ได้ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับจำฉันได้ว่าเป็นคนเก็บลูกฟุตบอลให้เขา
สำหรับฉันมันไม่ดีทั้งนั้น เพราะฉันไม่อยากให้เขาจำจดฉันไม่ว่าจะเป็นวันนี้หรือเมื่อหนึ่งปีก่อน ฉันไม่อยากอยู่ในการจดจำของเขา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ฉันอยากเป็นแค่คนแปลกหน้าที่ไม่มีความทรงจำต่อกันมากกว่า
ฉันยังรู้สึกเกลียด กลัว แขยง ไม่อยากรู้จัก หรือเข้าใกล้เขาอยู่ดี ยิ่งมายืนอยู่ในลิฟต์ด้วยกันตามลำพัง ได้กลิ่นกายที่ชื้นเหงื่ออวลรอบตัวแบบนี้ มันทำให้ฉันอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ความทรงจำร้ายๆ วันนั้นก็แวบเข้ามาในหัวอีก
ริมฝีปากที่จาบจ้วง บดเบียดจนปากฉันบวมช้ำ กลิ่นเหล้าผสมกลิ่นบุหรี่ที่ทำให้ฉันหายใจไม่ออก และตอนนี้อาการนั้นเหมือนกำลังเกิดขึ้น
ตึ่ง...
ฉันสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเตือนว่าลิฟต์มาถึงชั้น ฉันเผลอมองเขาที่กำลังมองฉันด้วยสายตานิ่งขรึม ใบหน้าคมหล่อนั้นก็เรียบนิ่งพอกัน
เมื่อลิฟต์เปิดออก เขาผายมือให้ฉันออกไปก่อน ฉันจึงก้าวยาวๆ ออกมา แล้วเดินลิ่วไปยังห้องพักของตัวเองที่อยู่ฝั่งซ้ายมือ ไม่ได้สนใจว่าเขาเดินไปทางไหน
กระทั่งก้าวเข้ามาในห้อง ซึ่งเนยยังไม่กลับ เพราะเจ้าตัวบอกไว้แล้วว่าคืนนี้หลังจากซ้อมเชียร์เสร็จแล้วจะไปกินข้าวกับรุ่นพี่สายรหัส
ฉันรีบอาบน้ำ และนอนครุ่นคิดเกี่ยวกับการได้เจอกับเขาอีกครั้งอย่างสับสน
ฉันดีใจที่เขาจดจำฉันเมื่อปีก่อนไม่ได้ แต่รู้สึกไม่ชอบมากๆ ที่ต้องมาเจอกันอีกครั้ง แถมครั้งนี้ฉันได้สร้างความจดจำให้เขาใหม่ด้วยการเป็น ‘น้องเก็บลูกบอล’ ให้เขาอีก
คิดอยู่ว่าเรียนที่เดียวกัน พักที่เดียวกัน และเขาเป็นญาติพี่โซ่ สักวันคงได้เจอกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ดันมาเจอวันนี้ มันเร็วไป ฉันตั้งรับไม่ทันจริงๆ
เสียงข้อความดังแจ้งเตือน พี่เบสทักมา
เบส : นอนหรือยังครับ
หมอก : กำลังจะนอนค่ะ
เบส : งั้นฝันดีครับ
หมอก : เช่นกันค่ะ
จากนั้นเฟิร์นก็ส่งมาบ้าง ถามว่าฉันถึงห้องหรือยัง พอตอบว่าถึงแล้ว ก็ถามว่าพี่เบสจีบฉันเหรอ ฉันไม่รู้จะตอบอะไร ก็ได้แต่บอกว่า
หมอก : ไม่หรอก ว่าแต่เธอพรุ่งนี้จะมาเจอพี่ชายฉันมั้ย
เฟิร์น : ไปสิ”
หมอก : อย่ามาเย็นมากล่ะ เพราะพี่เมฆเขาจะไปงานวันเกิดเพื่อน เดี๋ยวมาไม่เจอ
เฟิร์น : ตอนบ่ายเจอกัน
หมอก : เครจ้า
คุยกับเฟิร์นเสร็จเนยก็กลับมาถึงห้องพอดี
“กลับมานานยังล่ะ”
“สักครู่ล่ะมีเรื่องจะเล่า”
“เรื่องไรเหรอ”
“ไปกินข้าวกับเฟิร์นที่ร้านข้างมอ เจอพี่เบสด้วย”
“เจออีกแล้วเหรอ นี่มันพรหมลิขิตเปล่าแกร๊” ทำเสียงตื่นเต้นอีก
“บ้าสิ แค่บังเอิญเจอ”
“สองครั้งแล้วนะแก”
คำว่าสองครั้งของเนย มันทำให้ฉันคิดถึงอีกคนที่เจอสองครั้งในวันเดียวกัน
“ก็แค่บังเอิญ” ฉันยังย้ำคำเดิม
“แล้วไง พี่เขาเข้ามาคุยกับแกหรือเปล่า”
“มานั่งกินข้าวด้วย และมาส่งฉันด้วย”
“เฮ้ย ไปไวมากแกร๊ ตกลงพี่เขาจีบแกจริงๆ เหรอนี่ แล้วคุยอะไรกันบ้าง”
“พี่เขาก็ถามฉันตรงๆ ว่า...” ฉันก็บอกทุกอย่างที่คุยกับพี่เขาให้เพื่อนสนิทฟัง
“โห พี่เบสนี่เพิ่งเลิกกับพี่เกรซแท้ๆ ไม่ให้เวลาตัวเองเสียใจบ้างเหรอ เล่นมาจีบแกทันทีแบบนี้ มันยังไงวะ แล้วแกเอง ตกลงไม่สนใจพี่เบสแน่นะ”
“ไม่อะ”
“ไม่หวั่นไหวกับความหล่อพี่เขาเลยเหรอ”
“ก็มีบ้าง แต่ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้น” ก็ฉันเจอคนหล่อที่น่ากลัวมาแล้ว ความรู้สึกหวั่นไหวของฉันมันก็มีภูมิคุ้มกันที่สูงอยู่บ้าง เออ ยอมรับเวลาอยู่ใกล้พี่เบสใจมันก็เต้นแปลกๆ แต่พอคิดถึงเรื่องเมื่อปีก่อน สติฉันก็กลับมา
“โห แกนี่ใจแข็งไม่เบา เป็นฉันนี่อาจระทวยไปแล้ว ลืมพี่โซ่ไปชั่วขณะ”
ฟังเพื่อนพูดแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า
“เสียดายพรุ่งนี้ปาร์ตี้วันเกิดพี่โซ่ไม่ได้ เสียดายๆ ไม่รู้ว่างานนี้จะมีสาวๆ ไปกันบ้างมั้ย”
“นั่นสิ ไม่เป็นไร พี่เมฆไปไง เราก็ถามพี่เมฆก็ได้นี่”
“เออ นั่นสิ”
“พรุ่งนี้เฟิร์นจะมาดูตัวพี่เมฆด้วยนะ”
“ดูตัวเลยเหรอ”
“เออ ฉันไปโม้ว่าพี่เมฆหล่อไง เฟิร์นก็เลยอยากเจอ”
“หล่อจริง แต่เจอหน้าดุๆ ของพี่เมฆเข้า ยัยเฟิร์นอาจกลัวก็ได้นะ”
“แกก็เวอร์น่า”
“อ้าว นี่พูดจริง ขนาดฉันยังกลัว คิดดู”
“นี่ขนาดกลัวนะ ยังกล้ากวนประสาทพี่เมฆบ่อยๆ นะแกน่ะ”
“ก็พี่เมฆน่ากวนประสาทจริงๆ นี่ คนอะไรตั้งแต่รู้จักกันมา แทบไม่เคยหัวเราะ อย่าว่าแต่หัวเราะเลย ยิ้มยังนับครั้งได้ ดุก็ดุ ฉันว่าที่แกโสดมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะพี่เมฆนี่แหละ คนอะไรตัวเองไม่อยากมีแฟนแล้วยังห้ามน้องมีแฟนด้วย”
“พอแล้วไม่ต้องมานินทาพี่ฉันหรอก ไปอาบน้ำเลยไป”
:::::::::::::::::