บท
ตั้งค่า

ความจำเสื่อม 1

ความจำเสื่อม

วันนี้เลิกซ้อมเชียร์เร็วกว่าทุกวัน ซึ่งปกคิกว่าจะเลิกก็เกือบทุ่มสองทุ่ม แต่วันนี้หกโมงก็เลิกแล้ว แต่เชียร์ลีดเดอร์นั้นยังซ้อมต่อ แพทบ่นเล็กน้อย เพราะตอนแรกคิดว่าจะเลิกพร้อมกัน จะได้ไปกินข้าวกับฉันและเฟิร์น ซึ่งตอนนี้เดินเคียงข้างฉัน จุดหมายปลายทางอยู่ที่ร้านข้างมหาวิทยาลัย และใกล้กับหอพักของเฟิร์น ซึ่งเจ้าตัวนั่นแหละคอนเฟิร์มว่าร้านนี้อาหารอร่อยมาก จนฉันอยากจะกินขึ้นมาทันที

แต่เดินยังไม่ผ่านสนามฟุตบอล ลูกบอลก็กลิ้งมาหยุดตรงหน้าของฉัน จึงก้มลงหยิบ พร้อมกับร่างสูงของใครคนหนึ่งวิ่งมาหยุดตรงหน้าเช่นกัน ฉันยื่นลูกฟุตบอลให้ และถึงกับตัวชาวาบไปทั้งร่าง เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรนั้น

สิ่งที่เนยบอกมันเป็นความจริง เขาหล่อและดูดีมากกว่าเดิม อาจเพราะโตขึ้น และผิวเขาเข้มขึ้น แต่ดูแทนอ่อนๆ เข้ากับรูปหน้าเรียวคมของเขามาก แต่แววตานั้นยังเหมือนเดิม ดูคมลึกมีประกายเศร้านิดๆ น่าค้นหา ซึ่งมันทำให้ฉันหัวใจเต้นผิดปกติ

อาจเพราะฉันกลัวว่าเขาจะจดจำฉันได้ ทว่าเขายังหน้าเรียบนิ่ง ไม่มีวี่แววว่าจดจำฉันได้แม้แต่น้อย ทำให้ฉันโล่งอกสุดๆ

“ขอบใจนะน้อง” เขาพูดแค่นั้นแล้วหยิบลูกบอลจากมือฉัน แล้ววิ่งลงไปยังสนาม

“โห คนหรือเทวดาอะ โคตรหล่อ” เฟิร์นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น สายตายังมองตามร่างสูงนั้นไปอย่างสนใจ

“เขาเป็นดาราหรือเปล่าน่ะ” ยังพึมพำไม่หยุด

“ไปเถอะ หิวแล้ว” ฉันดึงข้อมืออีกฝ่ายให้เดินไปข้างหน้า เพื่อจะออกไปยังประตูด้านข้างของมหาวิทยาลัย

“อยากรู้จัง พี่เขาชื่อไร หล่อๆ แบบนี้ทำไมไม่เห็นมีรูปลงเพจคิ้วบอยเลย”

ก็ไม่น่าแปลก เพราะเขาเพิ่งย้ายเข้ามาเป็นนักศึกษาใหม่ และนี่มหาวิทยาลัยก็ยังไม่เปิดภาคเรียนแรกของปี

“หล่อจริงๆ หล่อโคตรๆ”

ขณะเดินไปเฟิร์นก็ยังเพ้อไม่จบ จนฉันนึกรำคาญปนหมั่นไส้

“พี่ฉันหล่อกว่านี้อีก”

“เฮ้ย จริงดิ”

“จริง” ฉันไม่ได้โกหก พี่เมฆของฉันก็หล่อไม่แพ้ใครทั้งนั้น ถึงจะหน้านิ่งๆ ขรึมๆ เหมือนอีกฝ่าย แต่พี่ชายฉันเป็นคนดี ไม่มีวันจะพยายามปลุกปล้ำข่มขืนใครแน่ๆ

“แนะนำให้รู้จักบ้างสิ”

“พรุ่งนี้วันเสาร์ พี่ชายฉันจะมาหา เธอแวะมาที่ห้องฉันสิ”

“แล้วไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอ”

“พี่เมฆเรียนอยู่ที่มอ...” ฉันบอกชื่อมหาวิทยาลัยมีชื่ออีกแห่ง

“พี่เขาเรียนอะไรเหรอ”

“วิดวะปีสอง”

“โห งั้นก็มีเสื้อชอป มีเกียร์ แล้วพี่เขามีเมียหรือยังอะตะเอง”

ฉันถึงกับหัวเราะพรืดกับคำถามของเฟิร์น ที่ออกจะคุ้นๆ เหมือนชื่อซีรีส์วายที่ฉันเคยดู

“ยัง พี่ชายฉันเป็นพวกบ้าเรียนน่ะ”

“ถ้าพี่ชายหมอกหล่อสู้พี่คนเมื้อกี้ ขอจีบได้ป่ะ”

“จีบเลย ถ้าคิดว่าพี่ชายฉันจะสนอะนะ ตั้งแต่จำความได้ฉันไม่เคยเห็นเขามีแฟนเลยอะ”

“เป็นเกย์หรือเปล่า” เฟิร์นถามจริงจัง ทำให้ฉันฉุกคิดตามไปด้วย

“เธอทำให้ฉันเริ่มสงสัยพี่ชายตัวเองแล้วนะ”

“งั้นฉันจะลองจีบพี่เมฆของเธอดูนะ”

“อือๆ แต่ว่าการที่เขาไม่สนใจเธอ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นเกย์นะ เพราะตอนมัธยมพี่ชายฉันก็มีคนจีบเยอะแยะ แต่เขาไม่สนใจใคร”

“หรือฉันต้องลงทุนมากกว่าจีบ”

“อย่าบอกว่าจะยั่วพี่ชายฉันนะ”

“ก็คิดอยู่นะ”

“บ้าแล้ว”

“โอ๊ย ฉันล้อเล่นน่ะ ใครจะกล้าทำ หรือทำแล้วพี่เธอไม่เหลือบตาดูนี่หน้าแหกเลยนะ”

ฉันหัวเราะขำกับคำพูดของเฟิร์น พอดีกับที่เราเดินมาถึงประตูทางออกด้านข้างมหาวิทยาลัยพอดี

เดินตรงไปไม่กี่นาทีก็มาถึงร้านอาหารที่เฟิร์นการันตีความอร่อย เป็นร้านเล็กๆ มีอยู่สิบโต๊ะเท่านั้น แต่ตกแต่งได้น่ารักมาก ประดับด้วยภาพเขียนแนวอิมเพรสชั่นนิสต์ ซึ่งเน้นภาพธรรมชาติ เปิดเพลงคลาสสิกคลอเบาๆ

หลังสั่งอาหารไป เฟิร์นก็ยังคุยเรื่องความหล่อของผู้ชายคนนั้นต่อ

“พี่เขาเรียนคณะไหนน๊า”

ฉันอยากบอกว่าเรียนบริหาร แต่คิดได้ว่าเฟิร์นจะสงสัยว่าฉันรู้จักเขา ฉันขี้เกียจตอบคำถามอะไรต่างๆ เกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น

“อ้าว เจอกันอีกแล้ว” จู่ๆ เสียงทุ้มนุ่มของใครบางคนก็ดังขึ้นข้างๆ ตัวฉัน พอเงยหน้าขึ้นดูเท่านั้น หัวใจฉันเกือบวายเมื่อเห็นหน้าหล่อๆ โอปป้าของพี่เบส

“พี่เบส...”

“ดีใจจัง จำชื่อพี่ได้ด้วย มากินข้าวเหรอครับ”

“ใช่ค่ะ”

“ถ้าไม่รังเกียจ ขอร่วมโต๊ะได้มั้ยครับ พอดีโต๊ะไม่ว่างเลย”

ขณะที่ฉันกำลังครุ่นคิดว่าควรอนุญาตให้เขานั่งมั้ย เฟิร์นก็โพล่งออกมาก่อน

“นั่งเลยค่ะพี่ ตามสบายเลย” ทั้งกระตือรือร้นและยิ้มกว้างให้พี่เขาอีก

“ขอบคุณครับ พี่ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะ พี่ชื่อเบส นิเทศฯ ปีสองครับ”

“เฟิร์นค่ะ ปีหนึ่ง ศิลปกรรม”

พอฉันนิ่งเงียบ เฟิร์นก็หันมาถลึงตาใส่

“หมอกค่ะ ปีหนึ่ง ศิลปกรรมเหมือนกัน”

“เรียนสาขาอะไรกันครับ”

“มัฑนศิลป์ค่ะ” เฟิร์นเป็นคนตอบ

“ดีใจที่รู้จักนะครับ งั้นมื้อนี้พี่เลี้ยงนะ”

“ขอบคุณค่ะ” เฟิร์นตอบ ส่วนฉันก็นิ่งเงียบ พี่เบสหยิบเมนูมาสั่งอาหารเพิ่ม และชวนคุยไม่หยุด

“ทำไมหมอกไม่แอดไลน์พี่มาล่ะ รออยู่นะ”

“อ๋อ คือแบบ...หมอกทำกระดาษที่พี่ให้วันนั้นหายค่ะ” จริงๆ ฉันทิ้งไปแล้วต่างหาก

“งั้นแอดตอนนี้เลยแล้วกันนะ” เขาบอกเสียงจริงจังและหันมามองฉัน ทำให้ฉันหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมา เมื่อพี่เขาบอกไอดีไลน์ ฉันก็กดตามนั้น และพี่เขาก็รับแอดทันที แล้วหันมายิ้มให้ฉัน

บอกเลยหัวใจฉันแทบวาย ใบหน้าขาวหล่อโอปป้านั้นอยู่ใกล้ๆ กลิ่นกายสะอาดเจือกลิ่นน้ำหอม โอ๊ย...แบบจะเป็นลม

ทั้งที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่หลงเคลิ้มกับเปลือกนอกของผู้ชาย จนกว่าจะรู้จักเขาอย่างดีพอ แต่พอได้อยู่ใกล้ๆ หัวใจมันเต้นผิดจังหวะ และฉันก็บังคับอาการนี้ของตัวเองไม่ได้

เท่านั้นยังไม่พอ พี่เขาคุยเก่งและสนุกมาก เวลาอยู่ด้วยก็ไม่ประหม่า แถมยังสุภาพและชอบเทคแคร์มากๆ ตักอาหารใส่จานให้ฉันกับเฟิร์นไม่หยุด

เมื่อกินอิ่ม นอกจากจ่ายคนเดียว โดยไม่ยอมรับที่ฉันกับเฟิร์นจะช่วยจ่าย เขายังอาสาไปส่งฉันที่คอนโดฯ

จริงๆ ฉันรู้ว่าไม่ควรให้เขาไปส่ง ถึงเขาจะน่ารัก น่าคบยังไง แต่ก็คือคนเพิ่งรู้จักกัน แต่ทนแรงคะยั้นคะยอของเขากับเฟิร์นที่เชียร์อยู่ข้างๆ ไม่ได้จริงๆ

“ไม่ต้องกลัวหรอก รับรองส่งถึงที่ ปลอดภัยครับ” เขาเอ่ยเสียงหนักแน่นเมื่อฉันทำท่าลังเล

“ไปเถอะหมอก นั่งวินกลับก็อันตรายกว่าด้วยซ้ำ”

“อือ...” ฉันจึงเดินไปขึ้นรถของพี่เบส ยี่ห้อรถก็หรูสุด ก็แน่นอนเขาก็ต้องมีฐานะดี ไม่ยังงั้นจะเป็นแฟนเกรซ นักแสดงวัยรุ่นชื่อดังได้ยังไง

แต่ว่าตอนนี้เป็นอดีตแฟนแล้วนี่ เพราะเมื่อไม่กี่วันมานี้เกรซเริ่มให้สัมภาษณ์ว่าห่างกับแฟนแล้ว

ห่าง...ก็คือเลิกในความหมายของคนในวงการบันเทิง

“ถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”

:::::::::

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel