2.เจอแต่คนแกล้งอยู่นั่นแหละ
2.เจอแต่คนแกล้งอยู่นั่นแหละ
หลังกลับจากห้างสรรพสินค้า ซึ่งตั้งอยู่ใกล้แถวรั้วมหาวิทยาลัย พอต่างคนแยกย้ายเข้าที่พักอาศัยตัวเอง ด้วยความซื้อคอนโดมิเนียมเดียวกัน เธอเหนื่อยล้าจึงขอกลับห้องไปพักผ่อนก่อน
ส่วนฉันแยกตัวไปแวะเก็บค่าเช่า จากคุณพ่อค้าแม่ค้าแผงลอยในตลาดมาเสร็จ ยังคงเดินหอบของพะรุงพะรังเต็มอ้อมกอด พวกนี้ไม่ใช่หนังสือหรอกนะ แต่เป็นเสบียงอาหารต่างหากล่ะ
สองขาเรียวเล็กยืนทรงตัวเตรียมจะเดินเข้าลิฟต์ เพราะเลขแสดงชั้นบอกสัญลักษณ์ว่าอยู่ G จังหวะก้มหน้ามองปลายเท้ากลัวเตะอะไร แต่ต้องหยุดชะงักลงเมื่อกระแทกชนใครบางคน
พวกสิ่งของภายในหีบห่อใหญ่ที่ถือมาเมื่อสักครู่ ได้เทกระจัดกระจายร่วงหล่นลงบนพื้นปูนซีเมนต์ แววตาเผยความเศร้าหมองคล้ายอาการจะช็อกอยู่ มองตามผลไม้กลิ้งบนทางเดิน และถุงเนื้อสัตว์แตกจนเป็นคราบเลอะเปรอะเปื้อน
"ผมขอโทษด้วยนะครับ เมื่อสักครู่มัวมองเวลากำลังรีบอยู่เพราะมีธุระด่วน ผมยินดีชดใช้คืนค่าวัตถุดิบอาหารทั้งหมดให้นะ ส่วนนี่นามบัตรผมเองครับ ขอเสียมารยาทลาก่อนนะครับคุณ" กล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน เขาวิ่งเข้าหารถยนต์ตัวเองที่จอดก่อนจะขับออกไป รับรู้แต่เสียงรอบตัวไม่ได้มองอะไรเลย ฉันยังยืนจ้องไว้อาลัยวัตถุดิบสดใหม่ที่ไปแวะซื้อมาอยู่
"ให้ตายเถอะน้องอาหารที่น่ารักของฉัน ยังไม่ทันได้ลงกระเพาะเลยนะเนี่ย เก็บเอาไปล้างดีกว่าส่วนเงินค่าเสียหาย ต้องคิดกับคนอย่างเขาอยู่แล้ว หึ~" แฮมสเตอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น รู้สึกหงุดหงิดคนทำข้าวของเสียหาย ดันหนีไปเหลือแค่เพียงนามบัตรให้ดูต่างหน้าเอาไว้
พอแบกสัมภาระขึ้นมาบนห้องพักตัวเองแล้ว จึงล้างพวกข้าวของที่มันเลอะเทอะ จากชั้นลานจอดรถได้สำเร็จ ยืนเหนื่อยหอบหายใจเปิดโทรทัศน์ช่องซีรีส์ดู ทิ้งตัวลงบนโซฟาจนเผลอหลับลึกไปตอนไหนไม่รู้
เสียงโทรศัพท์ดังลั่นอยู่แถวบนโต๊ะนั่งเล่น สะลึมสะลือดวงตาพร้อมยกมือขยี้ จ้องรายชื่อสายเรียกเข้า ก่อนจะเอื้อมหยิบมากดรับสาย
"มีอะไร" ถามเพื่อนด้วยน้ำเสียงยานคาง ไม่อยากจะตื่นเลยด้วยซ้ำ ภายในห้องมืดทึบราวกับยังไม่มีแสงสว่างเล็ดลอด
"ตื่นสายแล้วนะยัยแฮม!" สายพิณโวยวายเสียงดังเหมือนแผ่นดินแทบจะสั่นไหว ตามด้วยเสียงเคาะประตูห้องไม่พัก ทุบขนาดนั้นพังเข้ามาง่ายกว่าไหมนะ
"ยังมืดอยู่เลยวันนี้มีคลาสเรียนช่วงบ่ายไม่ใช่รึไง" กล่าวด้วยเสียงอู้อี้ขณะยังนอนหลับตาพริ้มอยู่เลย
"สติค่ะ~ สาวลืมตาเสียเถอะนะ! นี่มันจะ 11โมงตรงแล้วคุณเพื่อนรัก ส่วนห้องแกไม่สว่างไม่ได้เกี่ยวกับเวลาประเทศนี้ ม่านสีดำสนิทภายในห้องนอนแกเนี่ย อยากให้ฉันไปช่วยเผาให้แทนหรือเปล่าคะ" กล่าวถามสวนทันควันจนฉันต้องสะดุ้งโหยงลืมตา
"ไม่เกิน 5 นาทีวิ่งผ่านน้ำแป๊บเดียว" กล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรนตาลีตาเหลือก วิ่งไปอาบน้ำแต่งตัวเรียกว่าวิ่งผ่านน้ำเถอะนะ เปิดประตูห้องพักเจอเพื่อนสาวยืนกอดอก ทำหน้าตาบึ้งตึงเพราะต้องประสบปัญหารถติด
ความผิดนี้ฉันยอมรับแต่โดยดี เพราะติดม่านสีดำช่วงกลางวันแดดจ้าเกิน เห็นแล้วไม่ค่อยสบายดวงตา กลายเป็นว่าหลงรักการนอนหลับไปเสียอีก ตอนนี้หลงใหลยามค่ำคืนอันเงียบสงบ ภายในห้องพักคอนโดมิเนียมจนไม่อยากไปไหน
ผ่านพ้นการจดรายละเอียดงาน ที่เหล่าอาจารย์สั่งเรียบร้อยแล้ว โชคดียังมาทันเวลาไม่สาย ตอนนี้แยกย้ายกับเพื่อนรัก เพราะฉันวางแผนไปโอนขายที่ดินให้คนซื้อ เขาโอนเงินค่ามัดจำล่วงหน้ามาให้แล้วด้วย
นั่งรออยู่ไม่นานเจอผู้ชายพุงพลุ้ย สวมสร้อยทองเส้นเท่าโซ่ ขนาบข้างด้วยสาวสวยรุ่นราวคราวเดียวกับฉันได้ จึงรีบยกมือไหว้เขาอย่างมีมารยาททันที
"หนูเป็นเจ้าของที่ดินเปล่าผืนนั้นเหรอครับเนี่ย เสียงในโทรศัพท์ว่าน่ารักแล้ว ตัวจริงน่ารักกว่านะครับเนี่ย~" ชายสูงอายุกล่าว แค่มองดูก็เหมือนเฒ่าหัวงูชะมัด แต่ไม่เป็นอะไรหรอกหากเขาจ่ายเงินสด
"ขอบคุณมากเลยนะคะ เข้าไปจัดการค่าเอกสารอย่างอื่นดีกว่าค่ะ แดดร้อนอย่างนี้ระวังผิวเสียเอาได้นะคะ" กล่าวเสียงอ่อนเสียงหวาน ผายมือเชิญทั้งคู่เดินนำหน้าไปเลย แอบกำหมัดแน่นกักเก็บอารมณ์ไม่ดีทิ้งลง พอจัดการธุระสำคัญจนเสร็จเรียบร้อย
เตรียมจะรีบหนีออกมา เพราะรู้สึกทนผู้ชายชีกอนั่นไม่ไหวแล้ว พอเด็กตัวเองเผลอไปเข้าห้องน้ำหน่อย เขาเล่นถามเซ้าซี้ฉันอยากจะเสนอค่าเลี้ยงดูให้เฉย จึงปฏิเสธวิ่งมาหาคนช่วยเหลือด้านนอกแทน
เมื่อเล็งเห็นคนที่แต่งตัวดูดีมีฐานะ คาดว่ายังไม่แก่เหมาะกับเป็นแฟนจอมปลอมเลย วิ่งเข้าไปหาด้วยความเร็วยืนหอบแฮก บอดี้การ์ดยื่นมือขวางเอาไว้ จึงรีบอธิบายว่าไม่ได้อยากจะทำร้ายเขาเลย
"ช่วยหนูด้วยค่ะพี่ รบกวนแกล้งเป็นแฟนหนูหน่อยนะคะ" กล่าวพร้อมยกมือถูกันคล้ายร้อนใจมาก เขายืนลังเลเพียงเล็กน้อย ไม่ตอบอะไรกลับจนเดาใจไม่ถูกว่าจะช่วยไหม
"หนูแฮม~ ข้อเสนอเมื่อสักครู่ยังสนใจอยู่ไหมครับ พี่จะกลับแล้วนะ เสียดายหน้าตาดีขนาดนี้ ไม่เห็นต้องวิ่งวุ่นหาเงินให้เหนื่อยเลยนะครับ" กล่าวออกมาคิดตะล่อมเธอให้เป็นเด็กเสี่ยอยู่นั่น ส่วนคนตรงหน้าฉันยังคงเงียบสงบไม่ขยับสักนิด
จู่ๆ ฝ่ามือหนาจับหัวไหล่คนตัวเล็ก พลิกหันกลับไปประจันหน้าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว นาทีนั้นฉันลุ้นระทึกขวัญเป็นที่สุด ยืนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับเขยื้อนเลย
"เธอเป็นเด็กผมเองครับ จะกล้าทิ้งสัญญาผมไปหาคนแบบคุณทำไมกัน สมองเธอยังดีเพราะผมไม่เคยตบตีน่ะ หากเลือกคุณเธอคงเพี้ยนแล้วจริงๆ " เขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ยิ่งฟังมันยิ่งเจ็บจี๊ดไปถึงอวัยวะภายใน ตั้งใจช่วยหรือแอบกัดกันแน่นะเนี่ยให้ตายเถอะ
"ขอบคุณมากเลยนะคะ หากจะติดต่อที่ดินผืนอื่นยินดีคุยกันได้ค่ะ แต่เรื่องข้อเสนอแนะเก็บให้คนสวยท่านอื่นต่อเถอะค่ะ" กล่าวด้วยน้ำเสียงหวานละมุนยิ้มเจื่อนๆ ปฏิเสธอย่างมีไมตรีจิตต่อลูกค้าคนนี้
"ถ้าอย่างนั้นขอไม่รบกวนหนูแฮมแล้วกัน!" คนหื่นกามกัดฟันกรอดอย่างหงุดหงิดชายผู้ช่วยชีวิตฉันไว้ พอตาเสี่ยพุงพลุ้ยขับรถยนต์ออกไป ฉันจึงยิ้มหน้าบานยกมือไหว้ขอบคุณ อีตาปากเสียอย่างรวดเร็ว
"ขอบคุณที่ช่วยเหลือกันนะคะ" กล่าวด้วยน้ำเสียงหวานละมุน เตรียมตัวเดินหนีเขาแต่กลับถูกขโมยหอมแก้ม จนดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ ขนคิ้วขมวดชนกันอย่างไม่เข้าใจคนไร้มารยาท
"ค่าตอบแทนที่หนูต้องจ่ายหลังจากให้ช่วยครับ" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบได้อย่างหน้าตาเฉย
"แบบนี้มันเสียมารยาทไปหน่อยไหมคะพี่!" ฉันกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองอยากจะฉีกเขาให้เป็นชิ้นๆ
"ไม่ได้ตกลงกันแต่แรกเรื่องค่าตอบแทน ก็แค่หอมแก้มจะอะไรนักหนา ไม่ได้เรียกเก็บเงินสักหน่อย" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะรีบเดินตัวปลิวหนีไปเสียอย่างนั้น เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเจอคนแบบเขาเนี่ยแหละ
หลังจากขับรถยนต์กลับมาถึงห้องได้ กระโดดขึ้นบนเตียงนุ่มอย่างรวดเร็ว น้ำตาเอ่อคลอเบ้าหลอมรวมจนเป็นหยดใส ร่วงหล่นไหลจนเป็นสายทางยาว ซึ่งเป็นทุกครั้งเมื่อคิดถึงพ่อแม่ผู้ล่วงลับจากไปแล้ว
หากพวกเขายังมีชีวิตอยู่ ฉันคงไม่ต้องถูกใครมารังแกได้ง่ายอย่างนี้หรอก แต่จะท้อแท้หมดอาลัยตายอยากมันก็เท่านั้น คนเรามันต้องเข้มแข็งเดินไปข้างหน้าลูกเดียว
ตั้งแต่วันนี้ฉันจะไม่นอนร้องไห้ เพราะถูกคนอื่นกลั่นแกล้งอีกแล้ว คิดถึงไรอันจังเลยไม่ได้คุยตั้งเป็นวัน เขากำลังทำอะไรอยู่นะ เช็ดคราบน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มป่อง
หยิบโทรศัพท์กดส่งข้อความทักหาคนที่เธอคิดถึง
"ทำอะไรอยู่เหรอคะไรอัน~" เพียงไม่นานเขาตอบกลับเหมือนรอคุยกับฉันอยู่
"ผมเลือกจองตั๋วบนเรือสำราญอยู่ อาทิตย์นี้คุณว่างวันไหนเหรอครับ อยากจะซื้อให้จะได้พบกันครั้งแรกดีไหม" แทบจะกรี๊ดกร๊าดแก่ของฟรีนี้ ความจริงซื้อเองได้แต่ไม่มีคนไปด้วย ยัยสายพิณชอบปฏิเสธอยู่เสมอ เนื่องจากยังติดผู้ชายประเทศอื่น และไม่นิยมสายฝรั่งแบบฉันด้วย ทุกทริปเที่ยวบนเรือจึงล่มสลายหมดเกลี้ยง
"เกรงใจเหลือเกินค่ะ ตั้งแต่พรุ่งนี้ว่างค่ะไรอัน มหาวิทยาลัยพึ่งจะปิดเทอมเอง" ตอบกลับเขาอย่างลืมคิดจะปรึกษาเพื่อนตัวเอง หากยัยสายพิณรู้เข้าฉันโดนนางบีบคอตายแน่~ ป่านนี้เมาหัวทิ่มอกผู้ชายไปแล้วมั้ง ยิ่งบอกจะไปบาร์โฮสต์อยู่ด้วยรายนั้น
"เจอกันพรุ่งนี้ขึ้นเรือที่xxx" คุณพระอย่างกับเขาเป็นเจ้าของเรือสำราญ มันจะไปจองง่ายอะไรขนาดนั้นกัน ปกติหากไม่เป็นสัปดาห์ย่อมเป็นเดือน คงไม่ใช่ว่ามีตั๋วเหลือจากคนอื่นหรอกนะ พออีกฝ่ายปฏิเสธเลยมาตกที่ฉันเสียอย่างนั้นแหละ