1.แอบชอบใครคนหนึ่ง
1.แอบชอบใครคนหนึ่ง
หลังจากเลิกคลาสเรียนที่มหาวิทยาลัย คนสวยก็นั่งอมยิ้มหวานฉ่ำ บิดตัวเขินอายม้วนจนแทบจะเป็นเกลียว เธอกำลังรอเพื่อนสนิทอยู่บนเก้าอี้ม้านั่งหินอ่อน บริเวณสวนหย่อมพักผ่อนหย่อนใจ พิมพ์ข้อความหาผู้ชายผ่านโทรศัพท์มือถือ
"เฮ้ย! หน้าแกจะทิ่มจอโทรศัพท์อยู่แล้วนะ!" พิณกล่าวประท้วงเพื่อนตัวเอง เอาแต่ส่งข้อความโดยไม่สนใจกันเลยสักนิดเดียว ขนาดยืนจ้องค้างแทบจะจกตับไตไส้พุงกันอยู่แล้ว
"ฉันรอแกเลิกเรียนเกือบสองชั่วโมงเต็ม ยังไม่ปริปากบ่นเลยนะ รอแค่ไม่กี่นาทีก็โวยวายใส่เสียอย่างนั้นแหละ" แฮมสเตอร์ตอบกลับพร้อมยู่ปาก
"ฉันขอโทษนะ~ ถ้าไม่เผลอนอนหลับคงไม่ต้องทำงานส่งอาจารย์เพิ่ม คลาสนั้นมันโหดเกินไปแล้วข้อมือฉันแทบพัง แกคิดดูเขาให้เขียนสรุปการสอนโดยห้ามพิมพ์ เริ่มอยากจะไปศัลยกรรมมือเพิ่มเลยเนี่ย เพราะโดนทำโทษแบบนี้ทุกครั้งที่หลับน่ะ!" พิณนั่งกอดอกโวยวายอย่างคนหัวเสีย
พวกเราศึกษาอยู่คณะบริหารกัน แต่เธอเรียนแขนงการจัดการธุรกิจ ซึ่งเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ การจัดการทรัพยากร การวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจและการพัฒนาธุรกิจ
ส่วนฉันอยู่แขนงการจัดการการตลาด ซึ่งเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการวางแผน และดำเนินกิจกรรมทางการตลาด เพื่อสร้างความสำเร็จในการขายสินค้าหรือบริการ
"แกนั่นแหละผิด! ฉันบอกแล้วเมื่อคืนว่าอย่าไปเที่ยวผับบาร์ แกก็ไม่เชื่อฉันเองเนี่ย รู้ว่าตัวเองตื่นไม่ไหวยังจะไปเที่ยวหาเหยื่ออีก~" แฮมสเตอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงยานคาง บ่นเพื่อนอย่างเป็นห่วงแม้มันจะชวนฉันแล้วก็ตาม เพราะมีเรียนเช้าฉันจึงปฏิเสธอย่างไม่ไยดีเธอ
"เอาแต่พูดว่าฉันดูตัวเองเถอะยัยแฮม! เบ้าตาคล้ำอย่างกับคนเสพเลยนะ วันนี้ไปคลินิกกันเสริมความงามดีกว่า ไม่ไปกินบุฟเฟ่ต์แล้ว" พิณกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ชะเง้อชะแง้มองจอโทรศัพท์เพื่อน คล้ายว่าอยากจะรู้จักชายนิรนามคนนั้นด้วย แต่เธอชักมือกลับด้วยความเร็วแสง แสดงท่าทางมีพิรุธก่อนจะพูดปฏิเสธอย่างเช่นเคย
"ไม่ไปหรอกเปลืองเงินเอาไว้กินของอร่อยดีกว่า~" แฮมสเตอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงยานคาง ราวกับขี้เกียจเหมือนอย่างเช่นเคย
"ไม่กลัวตอนไปนัดเจอกับผู้ชายในแชท เขาจะตกใจหนังหน้าแกจนหนีเตลิดเหรอยะ~ ไปเถอะเดี๋ยวเลี้ยงเอง ทำทรงเหมือนจะเป็นคนขี้งกแหละ" พิณกล่าวอย่างรู้ทัน หากเป็นเรื่องเสริมสวยฉันไม่ค่อยฟุ่มเฟือย จากทางด้านนี้หรอกนะ นอกจากไปหนักทางด้านการกินอาหารมากกว่า
"เพื่อนใครเนี่ยใจดีจังเลย~ ไปเสริมความงามเป็นเพื่อนได้ แต่บุฟเฟ่ต์ก็ต้องมีเหมือนเดิมนะโอเคหรือเปล่า ถ้าแกตอบว่าไม่ของฟรีนี้ฉันก็ไม่สนใจหรอก" แฮมสเตอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส จนเพื่อนตัวเองหรี่ตามองก่อนจะตอบตกลง หากดื้อจะไม่กินมีหวังลากยัยเพื่อนจอมขี้เกียจ ไปด้วยกันกับเธอไม่ได้แน่
หลังจากพวกเราทำสปากันเสร็จ และเข้าคลินิกเสริมความงามนานหลายชั่วโมง ท้องก็เริ่มประท้วงโครมครามอย่างเอาแต่ใจ เพื่อนซี้เห็นเข้าก็ส่ายศีรษะเอียงเล็กน้อย พาเดินเข้าร้านอาหารปิ้งย่างแบบบุฟเฟ่ต์
"กินเลยระวังตัวจะบวมเอาได้นะยะ~ พอถึงเวลามาชวนฉันไปไดเอ็ทวิ่งรอบตึกคณะอีก แม่จะจับตีให้เข็ดเลยยัยเพื่อนสาวตัวดี!" พิณกล่าวด้วยเสียงแหลมแสบแก้วหู อย่างมันเขี้ยวเพื่อนรักตนเองสุดๆ
"ไม่หรอก~ กินเร็วเข้าสิ! ต้องรีบกลับคอนโดอีกนะ พรุ่งนี้ต้องไปเรียนวันสุดท้าย ก่อนจะหยุดยาวตามฉบับวิทยาลัยอินเตอร์ ถ้าปีหน้าค่าเทอมขึ้นอีกนะ คาดว่ามรดกที่ได้รับจากพ่อแม่ฉันมานี้ คงขายทิ้งเหลือแต่ตัวสุดท้ายคงเรียนไม่จบ ต้องลาออกไปเป็นขอทานแล้วล่ะพิณ~" แฮมสเตอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงยานคางอย่างหดหู่ ให้กับค่าเทอมอันแสนจะแพงหูฉี่ จนคนจ่ายสามารถซื้อบ้านได้เป็นหลังเลย
ซึ่งมันขนาดที่ว่าคนฐานะปานกลาง ไม่สามารถเข้ามาเรียนได้เลยแหละ แค่รวยยังไม่พอหรอกนะต้องเป็นมหาเศรษฐีแล้ว ครั้นจะให้สอบชิงทุนเรียนต่อคงจะไม่ไหวจริงๆ
สมองฉันก็ไม่ได้ฉลาดอะไรมากนักหรอก แค่รายวิชาไม่ติด F เรียกว่ามูเตลูมาอย่างดีเลยแหละสำหรับเทอมนั้น วิ่งแก้บนรอบตึกคณะจนแทบจำระยะทางได้อยู่แล้ว
เพราะค่าหน่วยกิตราคามันโหดเหลือเกิน~ ใครอยากจะติดก็ติดไปเถอะ ขอฉันละเว้นไว้คนหนึ่งแล้วกันนะ สาเหตุที่ฉันยังทนศึกษามหาวิทยาลัยราคาหินอยู่ เนื่องจากมีบริษัทพร้อมรองรับการทำงาน ให้นักศึกษาเรียนจบออกไปทุกคนจริงๆ
มหาวิทยาลัยแห่งนี้พิศดารเช่นกัน สอบเสร็จแล้วแต่ต้องบังคับเรียนอีกสองวัน ไม่ได้เรียกเรียนหรอกนะ มาขานชื่อเพื่อจดรายละเอียดรายงานแต่ละวิชา เปิดเทอมต้องนำมาส่งอีก เมื่อไหร่จะเรียนจบก็ไม่รู้
ส่วนใครบ้านรวยล้นฟ้าสานต่อธุรกิจครอบครัว ใช้แค่ชีวิตเล่นไปวันๆ ก็ไม่เรียกว่าลำเข็ญอะไรหรอก คงไม่มีใครตกที่นั่งลำบากเหมือนฉันหรอกนะ ตอนนี้ชีวิตฉันเหลือแค่ตัวคนเดียวเพียงลำพัง
หลังจากได้รู้ข่าวว่าพ่อแม่เสียชีวิตลงกะทันหัน ญาติรอบข้างก็ไม่มีเหลืออยู่บนโลกใบนี้สักคนเดียว จังหวะที่ได้รับค่าเทอมล่วงหน้าจบชั้นปีหนึ่ง ชีวิตมันก็พลิกผันลงทันตาเห็นจนคิดว่าเป็นความฝัน
เหลือแค่ยัยพิณเพื่อนสนิท คอยอยู่เคียงข้างเพราะตอนนั้น ความรู้สึกมันดิ่งมากจริงๆ พ่อแม่สายพิณเอ็นดูฉันมากเลย ครอบครัวพวกเราสนิทสนมกัน ตั้งแต่เรียนสมัยอนุบาลยังพอจำความได้อยู่เลย
พ่อแม่ของฉันท่านมีทรัพย์สินทิ้งไว้ให้มากก็จริงอยู่ แต่การใช้เงินทุกวันไม่ค่อยงอกเงยตามที่จ่ายออก มันก็สามารถทำให้ติดลบได้เช่นกันแหละนะ เงินในบัญชีธนาคาร มีพอส่งฉันให้เรียนจบรั้วมหาวิทยาลัย
แต่เงินใช้กินหรือเที่ยวสำหรับชีวิตวัยรุ่นคือ ต้องไปต่อสู้กับพวกพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาด เพราะชอบเลื่อนจ่ายเงินค่าเช่าแผงกันไม่ตรงเวลา เหตุผลมาจากเศรษฐกิจไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ มันก็น่าเห็นใจแต่ฉันจะเป็นยาจกอยู่แล้วน่ะสิ
บ้านที่อยู่ตั้งแต่สมัยเด็กนำไปจำนองเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไปหาซื้อที่ตามชนบทหลายแห่ง ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เองเลย เน้นซื้อมาขายไปเงินเก็บส่วนใหญ่คือทองคำแท่ง รอเวลาขึ้นก็เทขายเอากำไร
จะให้คนที่พ่อแม่ประคบประหงมอย่างฉัน ทำอย่างอื่นเพื่อสู้ชีวิตคงไม่ได้เรื่องแน่นอน แม้จะพูดว่าไม่ได้สาหัสอะไรแต่การใช้เงินนั้น ต้องเป็นแบบแผนเพราะไม่มีใครซัพพอร์ตได้
พ่อแม่สายพิณอยากรับฉันเป็นบุตรบุญธรรม แต่ก็แอบคิดหนักเลยแหละ กลัวอนาคตจะมีเรื่องบาดหมางกับยัยพิณเอาได้ จึงปฏิเสธพวกท่านทั้งสอง แต่ถึงอย่างนั้นพวกท่านยินดีช่วยเหลือ เพราะฉันเป็นเด็กไม่ค่อยเถียงผู้ใหญ่ มักจะอ่อนน้อมถ่อมตน
ไม่เหมือนกับสายพิณ รายนั้นชอบเถียงคำไม่ตกฟากเลยแหละ ฉันคิดว่าต้องมีการเปรียบเทียบเกิดขึ้นบ้าง โชคยังดีหน่อยพินไม่ได้เป็นคนขี้น้อยใจ และพวกเราก็ไม่เคยผิดใจกันสักครั้งเดียว
คอนโดมิเนียมที่ฉันหมายถึงคือ ซื้อเอาไว้หลังจากเอาบ้านหลังเก่าเข้าธนาคาร พอยิ่งอยู่ฉันยิ่งรู้สึกเคว้งคว้าง พ่อกับแม่ไม่อยู่และมีฉันเพียงแค่คนเดียว จึงตัดสินใจทำให้เงินมันงอกเงยในอนาคต
พูดแล้วเรื่องฉันมันเศร้านะ แต่ก็ยังดีกว่าคนที่เขาไม่มีอย่างฉัน คงจะสู้ชีวิตอย่างลำบากจริงๆ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นาน สายพิณจึงตบหัวไหล่ฉันเรียกสติอีกครั้งก่อนจะพูด
"หากไม่พอก็กู้ทางบ้านฉันก่อนได้นะ ยังไงแกก็ต้องเรียนจบพร้อมฉัน พวกเรายังคงเป็นชะนีที่ใครก็ต่างอิจฉาเหมือนเดิม อย่าคิดเกี่ยวกับอนาคตมากเลย" สายพิณกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นปลอบใจเพื่อนรัก เหมือนอยากบอกว่าแกไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกนะ ฉันจ้องมองเธอดวงตาเป็นประกายวิบวับ มันซาบซึ้งอย่างบอกไม่ถูกเลย
คนที่คอยอยู่เคียงข้างฉันคือสายพิณเสมอ ด้วยนิสัยใจดีมากเกินไปบางครั้งโดนหลอกง่าย ก็ได้ยัยนี่ช่วยจัดการคนเอาเปรียบออกไปให้พ้น เวลาเจอใครแปลกใหม่มักจะให้สายพิณช่วยสังเกต
และครั้งนี้คิดว่าคงปรึกษาเพื่อนรักอีกเช่นเคย ฉันคุยกับผู้ชายคนหนึ่งมาสักพักแล้ว เขาชื่อว่าไรอัน ชายต่างชาติผมสีทองอร่าม คล้ายจะเป็นคนขี้เล่นสนุกสนาน ยิ่งคุยกันทุกวันหัวใจมักจะพองโตเสมอ
เรียกว่าเป็นความฝันเลยที่ได้พบรักผู้ชายผมสีทอง ทารกในครรภ์ฉันต้องออกมาหน้าตาดีอย่างแน่นอน แค่คิดก็ฟินไม่ไหวแล้วนะ ส่วนพ่อของลูกขอแค่เป็นคนรักฉันจริงก็พอแล้ว ไม่ต้องรวยมากหรอกนะเพราะว่าฉันยังมีตังค์อยู่
ขอแค่ไม่มาไถเงินฉันหรือคิดจะเอาเปรียบกัน นับว่ามีบุญโขแล้วแหละ สุดท้ายขอให้ผ่านการประเมินจากยัยสายพิณ รายนี้ส่องและตรวจสอบอย่างละเอียดตลอด หาคนผ่านเกณฑ์ยากมากเลยค่ะ ทุกวันนี้ถึงได้โสดเป็นเพื่อนกันน่ะสิ เพราะผู้ชายดีๆ คงมีแค่ในนิยายหรือซีรี่ส์ที่เคยได้อ่านและดูเท่านั้น