EPISODE - 00
ตุ้บ ๆ
ผลัวะ ๆ
เสียงฉันออกหมัดใส่กระสอบทรายในฟิตเนสร้านประจำ
“นะแกนะ เพื่อนขอร้อง” พร้อมกับเสียงอ้อนวอนของยัยเกวเพื่อนสนิทชนิดที่เรียกฝาแฝดดังอยู่ซ้ายทีขวาทีโดยไม่กลัวลูกหลงหมัดฉัน
“งานแก แกก็รับผิดชอบเองดิ”
พูดไปก็ยังคงออกหมัดออกเข่าเตะแข้งเตะขาใส่กระสอบทรายตรงหน้าคล้ายมันคือศัตรูคู่อาฆาต
วืด...
“เดี๋ยวก็ได้ทำดั้งใหม่หรอก!”
เมื่อกี้เกือบไปแล้ว อยู่ดี ๆ เกศวรินทร์คนบ้าก็พุ่งเข้ามาขวางกระสอบทรายฉันไว้ โชคดีหยุดหมัดทันไม่งั้นเพื่อนฉันได้เบ้าหน้าใหม่แน่ ๆ
“ก็ฉันมีเดตอะ”
ถึงกับยกมือขยี้หัวทันทีที่นางอ้างเหตุผลโคตรจะฟังขึ้น
“ยัยเกว” ฉันเรียกเพื่อนด้วยน้ำเสียงเอือมระอา
“ถ้าแกเลือกผู้ชายแกก็ปล่อยงานทิ้งไป”
เดินกลับมานั่งเช็ดเหงื่อตัวเองออกลวก ๆ ก่อนจะคว้าน้ำเกลือแร่ขึ้นมาดื่มหนึ่งอึก
“ฉันมันโลภ งานก็จะเอา ผู้ก็ต้องได้อะ”
ถามจริง มีเพื่อนแบบนี้ยังจะคบไหม?
“แต่แกจะมาทำแบบนี้ไม่ได้ ถึงเราจะหน้าตาคล้ายกันเมื่อทำผมหรือแต่งตัวลุคเดียวกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำเรื่องพวกนี้แทนกันได้นะเว้ย!”
หงุดหงิดจริง ๆ เจอเพื่อนสนิทคบมาสิบกว่าปีวอแวตั้งแต่เช้าแล้ว ขนาดหนีมาฟิตเนสนางก็ยังตามมา
“ทำให้ฉันแค่นี้ไม่ได้!?”
เอาแล้วไง มีเท้าสะเอวทำหน้าบึ้งข่มขู่ ท่าทางแบบนี้มีทวงบุญคุณเมื่อชาติมะโว้แหง ๆ
“คงลืมไปหมดแล้วสินะเรื่อง...”
“หยุด!” รีบยกมือห้ามก่อนที่นางจะขุดเรื่องเก่า ๆ มาทวงบุญคุณ
“มะรืนนี้ใช่ไหม”
พอถามแค่นั้นตาวิ้ง ๆ ยิ้มหวานเป็นสาวอ่อนโยนเชียว
“นี่เอกสารการสมัครงานทั้งหมด แกก็แค่ปลอมตัวเป็นฉันไปตามนัดสัมภาษณ์งานแค่นั้นเอง”
เอกสารปึกหนึ่งถูกยื่นมาให้เพราะนางเตรียมความพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว
“ฉันไม่รับปากนะว่าจะถูกจับได้หรือเปล่า”
ต่อให้คนจะบอกว่าหน้าตาเราคล้ายกันยิ่งแต่งลุคแฝดกันคือแยกแทบไม่ออก แต่สำหรับเรื่องที่นางให้ทำแทนนี้ฉันไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร
“แกก็แค่ไปทำผมสีทองเหมือนฉันรับรองทุกอย่างลงตัว”
นัดสัมภาษณ์งานด้วยผมสีทอง?
“แกควรย้อมดำ” ฉันค้าน
“ไม่ต้องห่วง ที่บริษัทนี้ไม่เคร่งเรื่องพวกนี้ ขอแค่มีคุณสมบัติพอ”
ฉันอ่านชื่อบริษัทที่เพื่อนรักไปสมัครงานไว้คร่าว ๆ ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น
“บริษัทจิวเวลรี่?”
ยิ่งอ่านยิ่งสงสัย
“ปกติงานแบบนี้เขาไม่รับเลขาเป็นคนนอกไม่ใช่เหรอ?”
ฉันเคยได้ยินมาว่าพวกทำงานกับของล้ำค่าแบบนี้ไม่ค่อยให้คนนอกเข้ามาวุ่นวาย ส่วนมากถ้าส่วนไหนสำคัญจะเป็นคนในครอบครัวทำหมดที่เคยเห็นตามข่าว ถ้าเป็นผู้ช่วยประธานบริษัทก็จะเป็นลูกเมียเสียส่วนใหญ่
“ใช่มั้ยล่ะ เพราะแบบนี้ไงมันหายากฉันเลยอยากทำงานนี้”
มองแรงใส่เพื่อนทันทีที่บอกอยากทำงานนี้แต่ตัวเองกลับเลือกจะไปเดตกับหนุ่มแล้วโยนขี้มาให้ฉันแทน
“งั้นแกก็แสดงสปิริตที่อยากทำงานนี้ออกมาสิ ไม่ใช่เลือกเอ็นผู้แทน”
“ยัยลี่! หยาบคาย!”
พอฉันพูดตรง ๆ เข้าหน่อยทำเป็นรับไม่ได้
“แกจะเทศน์ฉันยังไงฉันไม่โกรธ ถ้าแกรับปากว่าจะช่วย”
ดูความด้านของเพื่อนฉันสิ...
นี่ถ้าไม่สนิทกันและผ่านอะไรกันมาเยอะฉันจะตัดหางนางปล่อยลงแม่น้ำสามสายไปเสียเลย
“เออ ๆ มะรืนนะ งั้นก็เชิญกลับไปได้แล้วฉันจะซ้อมต่อ”
เสียเวลาออกกำลังกายจริง ๆ
“พอเถอะ ไปกินข้าวกัน ฉันหิว”
ได้คืบจะเอาศอกนะยัยเกว!
“เฮ้! อย่าดึงสิ ฉันยังไม่หิว~”
สุดท้ายก็สู้แรงความเอาแต่ใจยัยเพื่อนตัวดีไม่ได้ ต้องตามใจนางเหมือนลูกในไส้อีกแล้วสินะ
ร้านอาหารเพื่อสุขภาพแห่งหนึ่ง
อย่างน้อยฉันก็ให้อภัยนางที่พาฉันมาร้านถูกใจแบบนี้
“เชิญเลือกเลยค่ะ คุณเพื่อนสายเฮลตี้”
ไม่ต้องมาเอาใจย่ะ ฉันลิลณา รับปากอะไรใครไว้ย่อมทำตามคำสัญญาแน่นอน
“สลัดอกไก่ซอสงาดำ น้ำกีวีปั่น”
“แค่นี้?”
ฉันพยักหน้าแทนการออกเสียง ไม่รู้นางจะตกใจอะไรนักหนาที่ฉันสั่งแค่สองอย่าง
“สลัดไม่เอาผักใบเขียวชนิดอื่นยกเว้นผักสลัด”
นางจดสิ่งที่ฉันเกลียดไว้อย่างรู้งาน
อย่าเพิ่งมองว่าคนบ้าที่ไหนไม่กินผักใบเขียวแต่กินผักสลัด เพราะมันคือผักใบเขียวสิ่งเดียวที่ฉันชอบยังไงล่ะ
“ว่าแต่... แกออกกำลังกายตั้งเป็นชั่วโมงแต่กินแค่นี้เนี่ยนะ!?”
“อื้ม น่าแปลกตรงไหน”
เลิกสนใจเพื่อนหยิบมือถือมาไถเล่นดีกว่า
อา...นึกถึงใครบางคนขึ้นมาแอบไปแซวเล่นหน่อยแล้วกัน
Me : วันนี้ไอ้เฮียพาไปดินเนอร์ที่ไหนหรือเปล่า
กดส่งไปไม่ถึงสามนาทีอีกคนก็ตอบกลับมาอย่างไวจี๋
Fangsain : คุณเพลิงกัลป์ติดงานค่ะ
เฮ้อ! ไอ้พี่ชายแสนซื่อบื้อมีสาวสวยข้างกายยังเลือกที่จะทำแต่งานอีก แบบนี้ต้องเปลี่ยนคนคุยแล้ว
Me : รอฟังข่าวดีนะ
ส่งหาฟางเซียนน้อยเสร็จฉันก็รีบเปลี่ยนแชตไปหาพี่ชายทันที
Me : ทำไรอยู่
Bro’ : งาน
ตอบสั้นมาก แต่ได้ใจความ
Me : ระวังเด็กที่บ้านจะหนีกลับประเทศล่ะ
Bro’ : ยุ่ง!
เอ้า! คนอุตส่าห์เป็นห่วง
Me : งั้นเขาฉุดนะ
Bro’ : กวน...?
Bro’ : ว่างมากก็เอาเวลาไปหาน้องเขยมาให้ฉัน
แหวะ! ทำมาบอกให้คนอื่นหา ทีตัวเองมีอยู่ข้าง ๆ ไม่รีบตบไม่รีบแต่งสักทีเดี๋ยวก็โดนคนอื่นคาบไปกินหรอก
Me : เอาตัวเองก่อนไหมคะ คุณเพลิงกัลป์
และนั่นก็เป็นข้อความสุดท้ายที่พี่ชายฉันอ่านแต่ไม่ตอบ
“อาหารมาแล้ว เชิญคุณเพื่อนรัประทานได้ค่ะ”
ที่ร้านนี้เป็นแบบยกเสิร์ฟเอง และยัยเกวก็เป็นคนทำหน้าที่นี้เพราะเอาใจฉัน
“ไม่ต้องมาทำดี”
“แกนี่เจ้าคิดเจ้าแค้น”
“ฉันเนี่ยนะ?”
“เออไง อุตส่าห์ช่วย”
เดี๋ยวนะ! เมื่อกี้ยัยเกวพูดอะไรผิดหรือเปล่า
“แกช่วยฉันหรือฉันช่วยแก พูดให้ถูก”
ดูเหมือนนางจะเลิ่กลั่กนะ
ฉันว่างานนี้มันแปล่ง ๆ แล้วละ!
“เออ แกอะช่วยฉัน รีบกินเถอะ เดี๋ยวพาไปเปลี่ยนสีผมต่อ”
แหม... จัดแจงให้ครบเซตเชียวนะ
“ฉันไปเองได้”
“ไม่ได้ แกช่วยฉัน ฉันต้องจ่ายค่าแรงสิ”
ทำมาเป็นสายเปย์
“ไม่เข้าใจแกจริง ๆ ที่บ้านก็รวย งานที่บริษัทก็มี ทำไมต้องดิ้นรนไปเป็นขี้ข้าคนอื่นด้วย”
เกศวรินทร์นางเป็นลูกสาวเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่อันดับสี่ของประเทศไทย
“ฉันเบื่ออะ ตั้งแต่เด็กจนอายุจะสามสิบอยู่แล้ว วนเวียนแต่ที่ดินสิ่งก่อสร้างจนแทบจะเขียนแบบเองได้แล้ว”
กลั้วขำเล็กน้อยกับความหน้าบูดหน้าบึ้งเวลาพูดถึงอาชีพครอบครัวนาง
“คนนี้เป็นใครล่ะ”
เลิกแหย่นางเรื่องธุรกิจครอบครัวนางดีกว่า
“หล่อ รวย โพรไฟล์เลิศ”
มองแรงใส่เพื่อนทันที
“ก็เห็นบอกแบบนี้ทุกคนปะ?”
“แต่คนนี้ไม่เหมือนคนก่อน ๆ นะ ฉันคุยมาเป็นเดือนแล้ว แต่เพิ่งอยากนัดเจอกัน”
“ไปขุดมาจากแอปฯ ไหนล่ะ”
“No app!”
“แล้ว?”
“เจอที่คลับ”
OMG! เพื่อนฉันจิกผู้มาจากคลับ
“แกแน่ใจนะว่าไม่ใช่พวกโรคจิต”
ที่ถามเพราะคนก่อน ๆ นางก็อวยว่าหล่อ รวย เลิศ แต่สุดท้าย หวังแค่นาผืนน้อยใต้ดงหญ้าสวยของนางทุกคน
“แน่นอน คนนี้เซนส์ฉันบอกว่าเพอร์เฟกต์”
ได้แต่พยักหน้าตามน้ำนางไป
จริง ๆ อยากสวดนางให้คิดเยอะ ๆ กว่านี้หน่อย แต่ด้วยวุฒิภาวะและอายุที่ปีหน้าก็เข้าเลขสามของพวกเราแล้วปล่อยนางเรียนรู้สั่งสมประสบการณ์เองดีกว่า
เพื่อนกันไม่ได้หมายความว่าต้องช่วยแก้ทุกปัญหาหรือขัดขวางทุกคนสุขเพียงเพราะเราคิดว่าไม่ใช่ แต่เพื่อนกันต้องเคารพการตัดสินใจของกันและกันและคอยดูเพื่อนอยู่ห่าง ๆ ค่อยยื่นมือช่วยเหลือเวลาที่เพื่อนอับจนหนทางจริง ๆ
“ฉันนัดร้านทำผมให้แกแล้ว รับรองสวยเลิศเฉดสีเดียวกับฉันเป๊ะ!”
อ้อ ที่จิ้ม ๆ มือถือคือคุยเรื่องเปลี่ยนสีผมให้ฉัน?
ไอ้เราก็นึกว่าคุยกับผู้ชายเสียอีก
“ตามใจเพื่อนเถอะ ฉันกินต่อแล้วนะ”
เลิกชวนนางคุยแล้วเดี๋ยวอาหารตรงหน้าจะกลายเป็นหมันเอา