Get Lost! ไปซะ ก่อนจะรักคุณ

86.0K · จบแล้ว
Lai LA FuN / เฉิงเอ๋อร์
72
บท
2.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

"white lilly คุณลิลณารู้จักไหมครับ" จู่ ๆ คนที่ฉันไม่ได้สังเกตว่ามีชีวิตอยู่ในห้องก็เอ่ยเสียงทุ้มออกมา เขานั่งอยู่บนเก้าอี้แบบพิงหลังตัวใหญ่ที่หันหลังให้ฉัน ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าหน้าตาหรือบุคลิกเขาเป็นแบบไหน "ลิลลี่สีขาว เขาว่ากันว่ามักหมายถึงความรักที่บริสุทธิ์" "..." "และมักเปรียบเปรยเป็นนัย ๆ ว่า คือรักแรกพบ" "..." "ความรักแบบอ่อนหวาน จริงใจ และเทิดทูน คุณว่าในโลกนี้เราสามารถหาความรักแบบนี้ได้จริงไหม" นั่นสิ! ฉันจะมีโอกาสเจอความรักแบบนั้นบ้างไหมนะ . . "เฝ้า?" "อือฮึ! เฝ้าเมีย แถมเมียยังดื้อยังแสบอีก" คนถูกว่าทำปากยื่นปากยาวล้อเลียนที่ถูกแขวะ "แต่ผมมีความสุขนะ" ลิลณาขมวดคิ้วมุ่นมองอีกคนที่พูดจาไม่ให้เธอเข้าใจ "ผมดีใจที่เวลามีอันตรายแล้วพี่นึกถึงผมคนแรก" อา... นึกว่าเรื่องอะไร ใครจะไม่นึกถึงสามีตัวเองกันล่ะ เด็กนี่สงสัยจะประสาทไปแล้ว "และผมก็ดีใจ ที่แม้ว่าพี่จะเมาสติไม่เต็มร้อยแต่ยังไม่ปล่อยตัวปล่อยใจกับการถูกเล้าโลม" "ใครจะไปมีอารมณ์กับคนอื่นได้ล่ะ!" ========== เรื่องในเซ็ต : Keen on you หัวใจคลั่งรัก [เพลิงกัลป์ x ฟางเซียน]

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักประธานเลขารักหวานๆรักแรกพบเศรษฐีโรแมนติก21+

EPISODE - 00

ตุ้บ ๆ

ผลัวะ ๆ

เสียงฉันออกหมัดใส่กระสอบทรายในฟิตเนสร้านประจำ

“นะแกนะ เพื่อนขอร้อง” พร้อมกับเสียงอ้อนวอนของยัยเกวเพื่อนสนิทชนิดที่เรียกฝาแฝดดังอยู่ซ้ายทีขวาทีโดยไม่กลัวลูกหลงหมัดฉัน

“งานแก แกก็รับผิดชอบเองดิ”

พูดไปก็ยังคงออกหมัดออกเข่าเตะแข้งเตะขาใส่กระสอบทรายตรงหน้าคล้ายมันคือศัตรูคู่อาฆาต

วืด...

“เดี๋ยวก็ได้ทำดั้งใหม่หรอก!”

เมื่อกี้เกือบไปแล้ว อยู่ดี ๆ เกศวรินทร์คนบ้าก็พุ่งเข้ามาขวางกระสอบทรายฉันไว้ โชคดีหยุดหมัดทันไม่งั้นเพื่อนฉันได้เบ้าหน้าใหม่แน่ ๆ

“ก็ฉันมีเดตอะ”

ถึงกับยกมือขยี้หัวทันทีที่นางอ้างเหตุผลโคตรจะฟังขึ้น

“ยัยเกว” ฉันเรียกเพื่อนด้วยน้ำเสียงเอือมระอา

“ถ้าแกเลือกผู้ชายแกก็ปล่อยงานทิ้งไป”

เดินกลับมานั่งเช็ดเหงื่อตัวเองออกลวก ๆ ก่อนจะคว้าน้ำเกลือแร่ขึ้นมาดื่มหนึ่งอึก

“ฉันมันโลภ งานก็จะเอา ผู้ก็ต้องได้อะ”

ถามจริง มีเพื่อนแบบนี้ยังจะคบไหม?

“แต่แกจะมาทำแบบนี้ไม่ได้ ถึงเราจะหน้าตาคล้ายกันเมื่อทำผมหรือแต่งตัวลุคเดียวกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำเรื่องพวกนี้แทนกันได้นะเว้ย!”

หงุดหงิดจริง ๆ เจอเพื่อนสนิทคบมาสิบกว่าปีวอแวตั้งแต่เช้าแล้ว ขนาดหนีมาฟิตเนสนางก็ยังตามมา

“ทำให้ฉันแค่นี้ไม่ได้!?”

เอาแล้วไง มีเท้าสะเอวทำหน้าบึ้งข่มขู่ ท่าทางแบบนี้มีทวงบุญคุณเมื่อชาติมะโว้แหง ๆ

“คงลืมไปหมดแล้วสินะเรื่อง...”

“หยุด!” รีบยกมือห้ามก่อนที่นางจะขุดเรื่องเก่า ๆ มาทวงบุญคุณ

“มะรืนนี้ใช่ไหม”

พอถามแค่นั้นตาวิ้ง ๆ ยิ้มหวานเป็นสาวอ่อนโยนเชียว

“นี่เอกสารการสมัครงานทั้งหมด แกก็แค่ปลอมตัวเป็นฉันไปตามนัดสัมภาษณ์งานแค่นั้นเอง”

เอกสารปึกหนึ่งถูกยื่นมาให้เพราะนางเตรียมความพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว

“ฉันไม่รับปากนะว่าจะถูกจับได้หรือเปล่า”

ต่อให้คนจะบอกว่าหน้าตาเราคล้ายกันยิ่งแต่งลุคแฝดกันคือแยกแทบไม่ออก แต่สำหรับเรื่องที่นางให้ทำแทนนี้ฉันไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร

“แกก็แค่ไปทำผมสีทองเหมือนฉันรับรองทุกอย่างลงตัว”

นัดสัมภาษณ์งานด้วยผมสีทอง?

“แกควรย้อมดำ” ฉันค้าน

“ไม่ต้องห่วง ที่บริษัทนี้ไม่เคร่งเรื่องพวกนี้ ขอแค่มีคุณสมบัติพอ”

ฉันอ่านชื่อบริษัทที่เพื่อนรักไปสมัครงานไว้คร่าว ๆ ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น

“บริษัทจิวเวลรี่?”

ยิ่งอ่านยิ่งสงสัย

“ปกติงานแบบนี้เขาไม่รับเลขาเป็นคนนอกไม่ใช่เหรอ?”

ฉันเคยได้ยินมาว่าพวกทำงานกับของล้ำค่าแบบนี้ไม่ค่อยให้คนนอกเข้ามาวุ่นวาย ส่วนมากถ้าส่วนไหนสำคัญจะเป็นคนในครอบครัวทำหมดที่เคยเห็นตามข่าว ถ้าเป็นผู้ช่วยประธานบริษัทก็จะเป็นลูกเมียเสียส่วนใหญ่

“ใช่มั้ยล่ะ เพราะแบบนี้ไงมันหายากฉันเลยอยากทำงานนี้”

มองแรงใส่เพื่อนทันทีที่บอกอยากทำงานนี้แต่ตัวเองกลับเลือกจะไปเดตกับหนุ่มแล้วโยนขี้มาให้ฉันแทน

“งั้นแกก็แสดงสปิริตที่อยากทำงานนี้ออกมาสิ ไม่ใช่เลือกเอ็นผู้แทน”

“ยัยลี่! หยาบคาย!”

พอฉันพูดตรง ๆ เข้าหน่อยทำเป็นรับไม่ได้

“แกจะเทศน์ฉันยังไงฉันไม่โกรธ ถ้าแกรับปากว่าจะช่วย”

ดูความด้านของเพื่อนฉันสิ...

นี่ถ้าไม่สนิทกันและผ่านอะไรกันมาเยอะฉันจะตัดหางนางปล่อยลงแม่น้ำสามสายไปเสียเลย

“เออ ๆ มะรืนนะ งั้นก็เชิญกลับไปได้แล้วฉันจะซ้อมต่อ”

เสียเวลาออกกำลังกายจริง ๆ

“พอเถอะ ไปกินข้าวกัน ฉันหิว”

ได้คืบจะเอาศอกนะยัยเกว!

“เฮ้! อย่าดึงสิ ฉันยังไม่หิว~”

สุดท้ายก็สู้แรงความเอาแต่ใจยัยเพื่อนตัวดีไม่ได้ ต้องตามใจนางเหมือนลูกในไส้อีกแล้วสินะ

ร้านอาหารเพื่อสุขภาพแห่งหนึ่ง

อย่างน้อยฉันก็ให้อภัยนางที่พาฉันมาร้านถูกใจแบบนี้

“เชิญเลือกเลยค่ะ คุณเพื่อนสายเฮลตี้”

ไม่ต้องมาเอาใจย่ะ ฉันลิลณา รับปากอะไรใครไว้ย่อมทำตามคำสัญญาแน่นอน

“สลัดอกไก่ซอสงาดำ น้ำกีวีปั่น”

“แค่นี้?”

ฉันพยักหน้าแทนการออกเสียง ไม่รู้นางจะตกใจอะไรนักหนาที่ฉันสั่งแค่สองอย่าง

“สลัดไม่เอาผักใบเขียวชนิดอื่นยกเว้นผักสลัด”

นางจดสิ่งที่ฉันเกลียดไว้อย่างรู้งาน

อย่าเพิ่งมองว่าคนบ้าที่ไหนไม่กินผักใบเขียวแต่กินผักสลัด เพราะมันคือผักใบเขียวสิ่งเดียวที่ฉันชอบยังไงล่ะ

“ว่าแต่... แกออกกำลังกายตั้งเป็นชั่วโมงแต่กินแค่นี้เนี่ยนะ!?”

“อื้ม น่าแปลกตรงไหน”

เลิกสนใจเพื่อนหยิบมือถือมาไถเล่นดีกว่า

อา...นึกถึงใครบางคนขึ้นมาแอบไปแซวเล่นหน่อยแล้วกัน

Me : วันนี้ไอ้เฮียพาไปดินเนอร์ที่ไหนหรือเปล่า

กดส่งไปไม่ถึงสามนาทีอีกคนก็ตอบกลับมาอย่างไวจี๋

Fangsain : คุณเพลิงกัลป์ติดงานค่ะ

เฮ้อ! ไอ้พี่ชายแสนซื่อบื้อมีสาวสวยข้างกายยังเลือกที่จะทำแต่งานอีก แบบนี้ต้องเปลี่ยนคนคุยแล้ว

Me : รอฟังข่าวดีนะ

ส่งหาฟางเซียนน้อยเสร็จฉันก็รีบเปลี่ยนแชตไปหาพี่ชายทันที

Me : ทำไรอยู่

Bro’ : งาน

ตอบสั้นมาก แต่ได้ใจความ

Me : ระวังเด็กที่บ้านจะหนีกลับประเทศล่ะ

Bro’ : ยุ่ง!

เอ้า! คนอุตส่าห์เป็นห่วง

Me : งั้นเขาฉุดนะ

Bro’ : กวน...?

Bro’ : ว่างมากก็เอาเวลาไปหาน้องเขยมาให้ฉัน

แหวะ! ทำมาบอกให้คนอื่นหา ทีตัวเองมีอยู่ข้าง ๆ ไม่รีบตบไม่รีบแต่งสักทีเดี๋ยวก็โดนคนอื่นคาบไปกินหรอก

Me : เอาตัวเองก่อนไหมคะ คุณเพลิงกัลป์

และนั่นก็เป็นข้อความสุดท้ายที่พี่ชายฉันอ่านแต่ไม่ตอบ

“อาหารมาแล้ว เชิญคุณเพื่อนรัประทานได้ค่ะ”

ที่ร้านนี้เป็นแบบยกเสิร์ฟเอง และยัยเกวก็เป็นคนทำหน้าที่นี้เพราะเอาใจฉัน

“ไม่ต้องมาทำดี”

“แกนี่เจ้าคิดเจ้าแค้น”

“ฉันเนี่ยนะ?”

“เออไง อุตส่าห์ช่วย”

เดี๋ยวนะ! เมื่อกี้ยัยเกวพูดอะไรผิดหรือเปล่า

“แกช่วยฉันหรือฉันช่วยแก พูดให้ถูก”

ดูเหมือนนางจะเลิ่กลั่กนะ

ฉันว่างานนี้มันแปล่ง ๆ แล้วละ!

“เออ แกอะช่วยฉัน รีบกินเถอะ เดี๋ยวพาไปเปลี่ยนสีผมต่อ”

แหม... จัดแจงให้ครบเซตเชียวนะ

“ฉันไปเองได้”

“ไม่ได้ แกช่วยฉัน ฉันต้องจ่ายค่าแรงสิ”

ทำมาเป็นสายเปย์

“ไม่เข้าใจแกจริง ๆ ที่บ้านก็รวย งานที่บริษัทก็มี ทำไมต้องดิ้นรนไปเป็นขี้ข้าคนอื่นด้วย”

เกศวรินทร์นางเป็นลูกสาวเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่อันดับสี่ของประเทศไทย

“ฉันเบื่ออะ ตั้งแต่เด็กจนอายุจะสามสิบอยู่แล้ว วนเวียนแต่ที่ดินสิ่งก่อสร้างจนแทบจะเขียนแบบเองได้แล้ว”

กลั้วขำเล็กน้อยกับความหน้าบูดหน้าบึ้งเวลาพูดถึงอาชีพครอบครัวนาง

“คนนี้เป็นใครล่ะ”

เลิกแหย่นางเรื่องธุรกิจครอบครัวนางดีกว่า

“หล่อ รวย โพรไฟล์เลิศ”

มองแรงใส่เพื่อนทันที

“ก็เห็นบอกแบบนี้ทุกคนปะ?”

“แต่คนนี้ไม่เหมือนคนก่อน ๆ นะ ฉันคุยมาเป็นเดือนแล้ว แต่เพิ่งอยากนัดเจอกัน”

“ไปขุดมาจากแอปฯ ไหนล่ะ”

“No app!”

“แล้ว?”

“เจอที่คลับ”

OMG! เพื่อนฉันจิกผู้มาจากคลับ

“แกแน่ใจนะว่าไม่ใช่พวกโรคจิต”

ที่ถามเพราะคนก่อน ๆ นางก็อวยว่าหล่อ รวย เลิศ แต่สุดท้าย หวังแค่นาผืนน้อยใต้ดงหญ้าสวยของนางทุกคน

“แน่นอน คนนี้เซนส์ฉันบอกว่าเพอร์เฟกต์”

ได้แต่พยักหน้าตามน้ำนางไป

จริง ๆ อยากสวดนางให้คิดเยอะ ๆ กว่านี้หน่อย แต่ด้วยวุฒิภาวะและอายุที่ปีหน้าก็เข้าเลขสามของพวกเราแล้วปล่อยนางเรียนรู้สั่งสมประสบการณ์เองดีกว่า

เพื่อนกันไม่ได้หมายความว่าต้องช่วยแก้ทุกปัญหาหรือขัดขวางทุกคนสุขเพียงเพราะเราคิดว่าไม่ใช่ แต่เพื่อนกันต้องเคารพการตัดสินใจของกันและกันและคอยดูเพื่อนอยู่ห่าง ๆ ค่อยยื่นมือช่วยเหลือเวลาที่เพื่อนอับจนหนทางจริง ๆ

“ฉันนัดร้านทำผมให้แกแล้ว รับรองสวยเลิศเฉดสีเดียวกับฉันเป๊ะ!”

อ้อ ที่จิ้ม ๆ มือถือคือคุยเรื่องเปลี่ยนสีผมให้ฉัน?

ไอ้เราก็นึกว่าคุยกับผู้ชายเสียอีก

“ตามใจเพื่อนเถอะ ฉันกินต่อแล้วนะ”

เลิกชวนนางคุยแล้วเดี๋ยวอาหารตรงหน้าจะกลายเป็นหมันเอา