Ep.8 Let’ s me tell you how to love【2】
Cruz Part
@คอนโด
ติ๊งต่อง ๆ เสียงกดกริ่งคอนโดดังขึ้น
ซึ่งผมก็เดินไปเปิดทันที
“กวากวาไม่ได้มาช้าไปใช่ไหมคะ” ผู้หญิงตรงหน้ายืนเอียงคอมองผมอย่างยั่ว ๆ ด้วยปากสีแดง ใบหน้าเต็มไปด้วยเครื่องสำอางแบบปกปิดทุกรูขุมขนจริง ๆ
“เข้ามาดิ”
“พอคุณครูซโทรหา กวาก็รีบลางานออกมาเลย” ผู้หญิงตรงหน้ามองผมอย่างอ้อน
“เธอไม่ได้บอกใครใช่ไหมว่ามาที่นี่” ผมถามย้ำไป
“ไม่ได้บอกค่ะ ความลับก็คือความลับ” เธอฝืนยิ้ม ๆ ตอบมา
แน่นอนว่าเธอก็คือพยาบาลคนใหม่ซึ่งสาวและสวยที่สุดของโรงพยาบาลนั่นเอง
“ให้กวากวาทำแผลให้ไหมคะ คุณครูซเจ็บตรงไหนบ้าง” อีกฝ่ายลูบจับที่ต้นแขนเบา ๆ ซึ่งผมก็ส่ายหน้าและเหยียดยิ้ม
“แผลน่ะมีคนทำให้แล้ว” จากนั้นจึงตอบไปเสียงแข็ง ๆ
“แต่เธอช่วยทำให้ฉันผ่อนคลายมากกว่านี้ทีสิ ทว่าคืนนี้คงออกแรงมากไม่ได้” ผมพูดก่อนจะมองไปที่เจ้าลูกชายของตัวเองและแผลตรงแขนซึ่งยังคงเจ็บ ๆ อยู่บ้าง
พยาบาลสาวนั่งลงกับพื้น พร้อมขยับตัวมาหยุดตรงหน้าของผม…
“กวาจะทำให้ดีที่สุดค่ะ” เธอพูดพลางเลียริมฝีปาก… และค่อย ๆ ลูบจากต้นขาไปถึงจุดศูนย์กลางของความเป็นชายที่ตื่นตัวขึ้นมา…
“ดี”
“ดีมากก…”
“เข้าไปลึกกว่านั้น”
@โรงพยาบาล
“อันนี้ประวัติของมิรารัน นักศึกษาแพทย์คนที่คุณครูซให้อาไปหา” อีกฝ่ายวางเอกสารลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะเดินตรงมาทำแผลที่แขนให้ผม
“เกรด A ทุกวิชา ทำได้ไงอะ” ผมมองใบคะแนนและผลงานต่าง ๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
ยายนี่ต้องกินหนังสือเป็นอาหารแน่ ๆ
“และจากที่คุณครูซเล่านะ วิธีช่วยเหลือคนที่มีอาการแพ้ยาแบบนั้น ขนาดพวกที่เรียนหมอปี 4 ยังทำได้ไม่เชี่ยวชาญเลย” อาหมอพูดเสริมก่อนจะทายาลงบนแผลด้วยความเบามือ
“ผมอยากได้คนนี้มาเป็นหมอส่วนตัวของครอบครัว และก็ประจำอยู่ของโรงพยาบาลเรา” ผมพูดอย่างเจาะจง
“ครับ” อาหมอก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ยิ่งอาหมอใกล้เกษียณแบบนี้ ผมว่าเราควรต้องมีหมอมือดี ๆ ใส่โรงพยาบาลให้มากขึ้น” ถึงแม้ว่าโรงพยาบาลตอนนี้จะเป็นอันดับต้น ๆ แต่ถ้าปล่อยคนเก่งมากความสามารถไป บางทีคู่แข่งของเราอาจจะได้โอกาสดี ๆ นี้แทน
“เด็กคนนี้ฉลาดและมีความสามารถมากจริง ๆ ผมเองก็มองเห็นและอยากให้เธอมาร่วมงานที่นี่”
“แต่คนที่มีความสามารถจริง ๆ แบบนี้ ทางเลือกของเขาก็จะมีมากกว่าคนอื่น” อาหมอพูดไปตามที่ใจนึก ซึ่งมันคือความคิดเดียวกับผมเป๊ะ ๆ
“จริง ๆ เรามีคนที่จะสามารถรั้งให้เธอทำงานที่นี่ได้อยู่แล้วนะครับ...” ผมพูดก่อนจะปิดแฟ้มประวัติอันน่าทึ่งของยายจืด
“ใครเหรอครับ” คนฟังหันมามองผมขณะปิดผ้าพันแผลจนเสร็จ
“ความลับน่ะครับอาหมอ” จากนั้นจึงยักคิ้วเล็กน้อย ซึ่งอาหมอก็ยิ้มรับ
อีกฝ่ายเก็บแฟ้มประวัติเล่มนั้นเข้าไปยังที่เดิม ก่อนจะกอดอกหรี่ตามองผม
“ช่วงนี้คุณครูซเข้ามาโรงพยาบาลบ่อยนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยทักขึ้น เพราะโดยปกติแล้วผมจะมาเฉพาะวันประชุมใหญ่เท่านั้น
เหตุผลของแรกคือผมไม่ใช่หมอ ไม่ได้เรียนหมอ จึงไม่รู้เรื่องต่าง ๆ ที่พวกเขาพูด
สอง ผมมาเพื่อบริหารงาน แต่ก็ยากที่จะเข้าใจพวกความคิดของเหล่าแพทย์ได้
“ผมก็แค่เบื่อ ๆ น่ะอาหมอ อยากลองหาอะไรทำ” ก่อนตอบไปตามจริง
ตอนนี้ผมอยู่ในจุดที่เบื่อโลก เบื่อเที่ยวกลางคืน เบื่อผู้หญิงสวย ๆ แต่ก็ไม่อยากอยู่คนเดียว... ส่วนพวกเพื่อนสนิท ตอนนี้แก๊งเราดันอยู่ในช่วงมีปัญหา
ซึ่งก็มาจากแค่ผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น...
ผมละโคตรเหนื่อยใจเลย…
“มันไม่น่าแปลกใจหรอกครับ เพราะคุณครูซเที่ยวหนักมาตลอดตั้งแต่วัยรุ่น ถ้าจะให้อาวินิจฉัยก็คงจะใช้คำว่าถึงจุดอิ่มตัวแล้ว” อาหมอตอบอย่างเข้าใจ
“คนสมัยนี้ป่วยทางจิตใจเยอะกว่าร่างกายก็มีนะครับ ยังไงอย่าลืมรีบหาคนมาดูแลส่วนนี้ด้วยนะครับ” อาหมอจับไหล่ของผมและเอ่ยย้ำ
“ผมยังไม่พร้อมหรอก...” จากนั้นจึงยิ้มรับกับคำพูดที่คาดหวังนั่น
เพราะทุกครั้งที่กลับบ้าน ทั้งคุณปู่และคุณพ่อก็มักจะพูดด้วยประโยคซ้ำ ๆ แบบนี้
ก๊อก ๆๆ
“ขออนุญาตครับ อาจารย์หมอ” เสียงผู้ชายคนหนึ่งเคาะประตูและพูดขึ้น
“เข้ามาได้เลย หมอกันต์” อาหมอตอบออกไป
ไม่นานประตูก็ถูกเปิดพร้อมการปรากฏตัวของหมอผู้ชายคนนั้น…
“สวัสดีครับคุณครูซ” อีกฝ่ายทักทายผมอย่างสุภาพ
“งั้นพวกคุณคุยเรื่องงานกันต่อเถอะ เดี๋ยวผมขอตัวไปลองเดินสำรวจรอบ ๆ โรงพยาบาลก่อน ว่ามีอะไรที่ควรต้องแก้ไขปรับปรุงบ้าง” ผมตอบก่อนจะหยิบปากกาบนโต๊ะของอาหมอพร้อมกับเศษกระดาษ แล้วตบไหล่หมอนั่นเบา ๆ และเดินออกมา
ยังไงซะอาณาจักรโรงพยาบาลแห่งนี้ก็เป็นของผม ถ้าไม่ดูแลมันแล้วเอาแต่ผลาญเงินใช้ไปวัน ๆ คุณปู่คงผิดหวังมากแน่ ๆ
โรงพยาบาลของเราจะก้าวเดินไปข้างหน้าได้มากกว่านี้ ถ้ามีหมอและพยาบาลที่เต็มไปด้วยคุณภาพ
“คุณครูซสวัสดีครับ ๆ/คุณครูซสวัสดีค่ะ” เสียงทักทายจากเหล่าบรรดาหมอและพยาบาล รวมไปถึงพนักงานส่วนต่าง ๆ ของโรงพยาบาลดังขึ้นตลอดทาง พอเห็นหน้าผมก็รีบตื่นตัวและตั้งหน้าทำงานกันอย่างจริงจัง ไม่รู้ว่าตอนที่ไม่มาเดินแบบนี้ ทุกคนจะตั้งใจรึเปล่า
ผมได้แต่คิดภายในใจและเดินตรวจงานไปทุก ๆ แผนกนั่นแหละ แม้ว่าแขนจะยังเจ็บ ๆ อยู่บ้างก็ตาม
แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าที่ได้ลองรถบิ๊กไบค์ราคาแพงและมีแค่สามคันในไทยแบบนั้น น่าเสียได้ดันแฉลบไปซะก่อนตอนเข้าโค้ง ไม่งั้นผมคงซื้อเอามาลองขับสักหน่อยแล้วละ
นี่อาจจะเป็นข้อดีของการมีเพื่อนเปิดบริษัทนำเข้ารถต่างประเทศ และเป็นอย่างเดียวที่ไอ้จีซัสมีก็เป็นได้
ผมเดินดูรอบ ๆ โรงพยาบาลของตัวเองเพื่อสำรวจว่ามีพื้นที่ไหนว่างพอจะให้ร้านค้ามาเช่าเพื่อเพิ่มรายได้อีกบ้าง
ตามหลักของพวกบริหารและการตลาดซึ่งควรใช้สอยพื้นที่รวมทั้งทรัพย์สินที่มีให้คุ้มค่ามากที่สุดนั่นแหละ
ด้วยจำนวนหมอและคนไข้ที่มีมากในแต่ละวัน ควรจะมีร้านอาหารหรือกาแฟเพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้มาใช้บริการและพนักงานที่นี่ จากนั้นจึงก้มมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาแปดโมงครึ่ง
“น่าจะเป็นเวลาที่พวกหมอฝึกหัดมาได้แล้วนะ” ผมพูดกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่…
Mirarun part
“เออ ๆ กินยาแล้วก็นอนพักเถอะ เดี๋ยวฉันบอกพี่กันต์ให้ว่าแกขอลา” ฉันตอบโทรศัพท์ยายวีโอเลตไปพลาง ๆ
เพราะวันนี้ยายวีโอเกิดท้องเสียขึ้นมากะทันหัน จากการกินนมโดยไม่ดูวันหมดอายุซะก่อน ในขณะที่ฉันกำลังยืนเช็กความเรียบร้อยของใบหน้าและการแต่งกายที่แปลกตากว่าทุก ๆ วัน อยู่ ๆ ก็มีเสียงประตูห้องน้ำอีกห้องเปิดออกมา
อีกฝ่ายคือหญิงสาวสวยในชุดนางพยาบาลซึ่งวางกระเป๋าเครื่องสำอางของเธอข้าง ๆ ฉัน
“เพิ่งจะรู้ว่าเราใช้เครื่องสำอางแบรนด์เดียวกันเลยนะคะ น้องหมอ” เธอพูดทักทายฉันด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนไม่ได้เป็นมิตรเท่าไหร่
“ค่ะ” ฉันรูดซิปกระเป๋าปิดและเตรียมจะเดินออกจากห้องน้ำ
“พี่แค่หวังว่าเราจะไม่ชอบอะไร… อย่างอื่นเหมือนกันบ่อย ๆ หรอกเนอะ” เสียงนั้นพูดอย่างพยายามจะสื่อความหมาย
เพราะสาวคนสวยนางนี้ก็คือคนเดียวกับที่ฉันเจอในห้องของครูซนั่นแหละ
“ถ้าคุณหมายถึงคุณครูซ ฉันบอกเลยว่าไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น” ก่อนตอบไปอย่างยืนยัน
“ก็ดีค่ะ เพราะว่าเรากำลังจะจริงจังกัน” เธอพูดพลางทาลิปสีเดียวกับฉันและแสยะยิ้มให้
“ขอบคุณที่อุตส่าห์บอก แม้ว่าฉันจะไม่ได้ถามก็ตาม” ฉันตอบไปแค่นั้นก่อนจะหยิบกระเป๋าและเดินออกมาทันที
ฉันไม่รู้หรอกนะว่าใครจะคบ ใครจะจริงจังอะไร…แต่สิ่งที่ไม่ชอบคือการมีศัตรู ทั้งที่ยังไม่ได้ทันทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
ในขณะที่กำลังเดินดุ่ม ๆ ไปยังห้องฉุกเฉิน…
“ฉันมองหาเธอแทบตาย... วันนี้สวยมากนะ สวยสะดุดตาเลยจริง ๆ” เสียงของครูซที่ยืนกอดอกมองอยู่ไม่ไกลก็เอ่ยทักขึ้น ฉันมองหน้าหมอนั่นอย่างไม่อยากจะพูดหรือตอบอะไร...
“เป็นไรรึเปล่า ทำไมวันนี้ไม่คุยกับฉันเลยอะ” เขาถามเมื่อเห็นว่าฉันไม่ต่อล้อต่อเถียงเช่นเคย ๆ
“เปล่า” ฉันตอบไปสั้น ๆ
“คุณครูซ... คุณครูซคะ” ไม่นานเสียงคนในห้องน้ำเมื่อกี้ก็ดังขึ้นจากด้านหลังของฉัน และเธอเองก็รีบวิ่งเข้ามาทางเรา
“วันนี้หมอนั่นต้องแอบมองเธอบ่อย ๆ แน่ พยายามเข้าล่ะ ยายจืด!!” ครูซยิ้มให้และจับไหล่เบา ๆ ก่อนจะเดินผ่านไปทางยายพยาบาลสาวคนนั้น
ตึกตัก ตึกตัก ...ทำไมเสียงหัวใจของฉันมันเต้นแปลกจัง