Ep.7 My personal Doctor!!
พอถึงคอนโด ฉันก็ต้องมาประคองคนเมาที่แทบจะทิ้งตัวลงจากรถอยู่ดี
“คืนนี้เธอห้ามกลับนะ ...ตอนเช้าฉันจะไปส่งเอง” เขาพูดแบบเมา ๆ
“ไม่ได้ ฉันไม่นอนที่นี่เด็ดขาด” ฉันส่ายหน้าและพาเดินเข้าไปยังคอนโดสุดหรู โดยมีพี่ยามหน้าคอนโดรีบช่วยประคองครูซทันทีอย่างไม่ต้องรอให้เรียก
“คอนโดฉันกว้าง มีห้องนอนตั้งหลายห้อง ไม่ได้ให้นอนด้วยสักหน่อย” หมอนั่นตอบแบบเริ่มหงุดหงิด
“แต่ว่า…” ยังไม่ทันที่ฉันจะคิดข้ออ้างได้ทัน
“ฉันจะไม่ไล่ใครออกในวันพรุ่งนี้ ถ้าเธอทำตามที่บอก” ครูซก็พูดขึ้นอย่างออกคำสั่ง ทั้งที่เดินยังไม่ตรงเลยด้วยซ้ำ
“และอีกอย่างนะ คืนนี้ฉันไม่มีปัญญาไปทำอะไรเธอหรอกน่า เมาจนจะเดินไม่ได้อยู่แล้ว” เขาเอ่ยพลางเอามือคล้องคอของฉันและทิ้งน้ำหนักตัวลงมาเต็มที่
นี่ขนาดมีพี่ยามช่วยนะ ถ้าเป็นฉันคนเดียวคงล้มไปนอนที่พื้นกันแน่ ๆ
@บนคอนโด
คอนโดของครูซก็กว้างและใหญ่มากจริง ๆ นั่นแหละ
แถมยังสะอาดจนไม่คิดว่าจะเป็นห้องของผู้ชายได้ด้วยซ้ำ
“เลือกห้องนอนได้ตามสบาย” เขาพูดก่อนจะกดเปิดไฟและแอร์ทั้งหมด
แล้วครูซก็เดินเข้าไปยังห้องนอนที่ใหญ่ที่สุดตรงกลาง
ปัง!! พร้อมผลักประตูปิดเสียงดังอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ไม่นานทุกอย่างในห้องพลันเงียบลงสนิท เพราะเจ้าของห้องได้หลับเป็นตายแล้ว
พอเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบหาย ฉันจึงเดินกลับไปที่ประตู เพียงแต่ว่า...
“รหัสเข้าออกห้องนี้คืออะไรกันล่ะ” ฉันทำได้เพียงแค่ยืนเอ๋อหน้าประตูอัตโนมัติที่มีทั้งสแกนนิ้วและใบหน้า รวมถึงรหัสผ่าน
แต่ประเด็นก็คือฉันไม่มีรหัสอะไรตามที่เจ้าประตูนั่นกำลังเรียกร้องเลย เพราะตอนที่จะเข้าห้อง แค่มันสแกนหน้าของครูซก็เปิดแล้ว
“เกลียดความฉลาดของเครื่องมือไอทีในยุคนี้จริง ๆ เลย” สุดท้ายจึงทำได้แค่ทุบเจ้าประตูอัจฉริยะนั่น
ก่อนจะกลับมาเลือกห้องนอนและกดล็อกประตูห้องทันที
แต่ก็ไม่ลืมที่จะไลน์บอกความเคลื่อนไหวและส่งพิกัดที่อยู่ไปให้ยายวีโอเลตเอาไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
จากนั้นจึงผล็อยหลับไปในคืนวันปีใหม่ ที่นอนใหม่ และห้องแปลกใหม่ รวมไปถึง... คนรู้จักคนใหม่... ที่ชื่อว่าครูซ…
After… Nooonnnnnn
เป็นช่วงสายของอีกวันที่ฉันยังคงหาทางออกจากประตูมหัศจรรย์บ้า ๆ นี่ไม่ได้
ส่วนคุณเจ้าของห้องก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาช่วยเปิดเลย
ไม่ว่าฉันจะเคาะเรียกหรืออะไรก็ตาม
ไม่รู้ว่าเขาหลับหรือตายกันแน่
“แบตก็หมดแล้วเนี่ย” ฉันนั่งมองโทรศัพท์ของตัวเองที่หน้าจอดับสนิทไปตั้งแต่ตอนเช้า
แอ๊ดดดดด... ไม่นานประตูห้องของครูซจึงเปิดออก
พร้อมกับ...
“นี่นาย แต่งตัวให้ดีก่อนไหมล่ะแล้วค่อยเดินออกมาอะ!!!” ใส่แว้ดใส่เขาทันทีที่อีกฝ่ายอยู่ในสภาพบ๊อกเซอร์เพียงตัวเดียว
“อรุณสวัสดิ์ ยายคนพิลึก” เขาไม่ได้กลับไปใส่เสื้อแต่อย่างไร แถมยังเดินเข้ามาหาฉันแบบไม่อายผีสางใด ๆ
“เธอจะให้ฉันใส่สูทผูกไทเดินอยู่ในคอนโดตัวเองรึยังไง” ทั้งยังเอ่ยอย่างกวน ๆ
ฉันเลยเลือกที่จะเมินและไม่สนใจกับเรือนร่างตรงหน้า
“เธอตกใจที่ฉันแค่ไม่ใส่เสื้อเนี่ยนะ” ครูซยักคิ้วหลิ่วตาใส่
“รีบไปเปิดประตูสิ ฉันจะได้กลับ!!!” ฉันชี้ไปที่ประตูห้องนั้น
“รู้ปะว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนร้องอยากจะออกจากห้องของฉันเลยนะ มีแต่อยากจะเข้ามา” เจ้าตัวตอบด้วยความภาคภูมิใจ
“อย่าลีลาได้ปะ!!” ฉันสวนกลับไป
“อยากมองก็มองเถอะน่า เผื่อจะเอาไปจินตนาการดูว่าพี่หมอของเธอจะแซ่บเหมือนฉันไหม” ครูซพูดอย่างตั้งใจที่จะแกล้งกัน ทั้งยังดึงใบหน้าฉันให้หันไปมองแผ่นอกตัวเองเบา ๆ
“ทุเรศ” ฉันหลับตาสนิท
แต่เขากลับหลุดขำออกมาหน้าตาเฉย
“นี่ ๆ เธอเองก็กำลังเรียนหมอจะมาเขินอะไรกับร่างกายของมนุษย์เนี่ยฮะ ยายเฉิ่มเบ๊อะ” อีกฝ่ายพูดทิ้งท้าย ก่อนจะเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็น
“ฉันชื่อมิรารัน ไม่ใช่ยายจืด ยายเฉิ่ม ยายพิลึกอะไรนั่น รบกวนนายไม่ต้องตั้งชื่อใหม่ให้มันจะดีมาก” ฉันกอดอกตอบกลับไป
“โอเค มิรารันก็มิรารัน” เขาพยักหน้ารับ
“เออนี่นาย แล้วเรื่องเมื่อคืนที่เราตกลงกัน นายจะไม่...” ฉันยังไม่ทันพูดจบ หมอนั่นก็ยักไหล่ขึ้นอย่างกวน ๆ
“เมื่อคืนเมาหนักเลย ฉันจำไม่ได้หรอก” เสียงทุ้มตอบแค่นั้น ก่อนจะนวดขมับตัวเองเบา ๆ
“นี่นาย!!!” ฉันจึงถลึงตาใส่เพราะเริ่มโมโห
ครูซวางแก้วน้ำลงแล้วทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักใหญ่
“ก็... ตามที่เธอขอไง... หรือจะยกเลิกล่ะ” จากนั้นจึงหันมาถามฉันย้ำอีกครั้ง
“นายมันพูดไม่รู้เรื่อง” ฉันเลยเสียงอ่อนลงเล็กน้อย
คนฟังยิ้มแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์และกดโทรหาใครสักคน
“อาหมอครับ เรื่องที่ไล่สามคนนั้นออก ผมขอยกเลิกนะ” เขาเอ่ยกับปลายสายไปแบบนั้น
กระทั่งฉันเผลอยิ้มออกมา ...แบบโคตรดีใจเลยที่ทำได้สำเร็จ
“เพราะอะไรน่ะเหรอครับ…” แล้วหมอนั่นก็เหล่สายตามามองที่ฉัน
“มีคนมาขอให้ผมเปลี่ยนใจน่ะครับ…”
“แค่นี้นะครับอาหมอ สวัสดีครับ..” ก่อนจะกดวางสายไป
จากนั้นเราก็ต่างคนต่างเงียบสนิท
“ในห้องที่เธอนอนมีพวกผ้าเช็ดตัวและก็อุปกรณ์อาบน้ำชุดใหม่ ใช้ได้เลยนะ” เขาเริ่มพูดขึ้นก่อน
“เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแต่งตัว ...แล้วจะไปส่งกลับบ้าน” ครูซพูดแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง
@คอนโดของฉัน
“ขอบคุณนะ ที่นายไม่ได้ใจร้ายขนาดที่จะไล่ทุกคนออก” ฉันเอ่ยปากขอบคุณครูซ ขณะที่รถของเขาจอดเทียบหน้าคอนโด
“จริง ๆ แล้วฉันก็ไม่อยากกลับคำเท่าไหร่หรอก เพราะพวกเขาทำให้เกือบตาย…” หมอนั่นตอบออกมาอย่างห้วน ๆ
“แต่เธอช่วยชีวิตของฉันเอาไว้ เลย… จะยอมให้สักครั้งหนึ่ง” เสียงทุ้มตอบแค่นั้น ก่อนจะกดปลดล็อกรถให้
“อื้ม งั้นไปก่อนนะ” ฉันพยักหน้ายิ้ม ๆ แล้วก้าวลงจากรถของครูซ
ส่วนเขาเองก็ขับรถออกไปทันที...
แต่ใครจะคิดว่า ...เขากลับหายไปเลย
3 วันผ่านไป
หลังจากที่เรื่องของครูซจบลงด้วยดี ทุกคนก็กลับมาทำงานตามปกติ คงจะมีแต่หมอตี๋ที่ไม่คุยกับใครเลย
“หลังเลิกงานว่างรึเปล่า” พี่หมอกันต์เดินเข้ามาถามฉันเมื่อลงมาจากการตรวจเวร
“ว่างนะคะ มิราไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว” ฉันตอบไปทันที
อีกฝ่ายเลยถอดชุดกาวน์ออกก่อนจะนั่งลงตรงหน้าของฉัน
“งั้นเราไปหาอะไรอร่อย ๆ กินดีไหม... เหมือนตอนสมัยเรียนไง ที่ชอบไปกินร้านไอศกรีม บุฟเฟ่ต์ แล้วก็…” พี่หมอกันต์ทำท่านึก ๆ พลางพูดออกมาอย่างยิ้ม ๆ
“พี่กันต์จำ (สมัยเรียน) ได้… ด้วยเหรอคะ” ฉันเองก็แอบยิ้มตามและพูดเบา ๆ
“พี่จำได้นะ ...ว่าแต่เราไปกันเลยดีไหม”
“ได้ค่ะ” ฉันจึงพยักหน้ารับ
และเนื่องจากร้านแห่งความหลังของเรานั้นได้ปิดกิจการไปนานแล้ว พี่กันต์เลยพาฉันมากินไอศกรีมที่ห้างแทน
เราสั่งมาสองถ้วยและก็นั่งกินไปแบบ... นิ่ง ๆ เงียบ ๆ
ส่วนฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะชวนพี่กันต์คุยเรื่องอะไรดี นอกจากเรื่องงานและการเรียน เพราะเราต่างก็สนใจไปในทิศทางเดียวกัน
“อร่อยไหม” พี่กันต์ถามขณะที่ฉันกำลังตักไอศกรีมเข้าปาก
“อร่อยค่ะ แต่สู้ร้านเดิมเราไม่ได้” ฉันพยักหน้ารับ
ก่อนอีกฝ่ายจะยื่นผ้าเช็ดหน้าของตัวเองให้ทันที ซึ่งฉันก็รับเอาไว้อย่างเขิน ๆ
“พี่ชอบตอนนั้นมากที่สุดเลยนะ... เพราะไม่ต้องคิดอะไรและรับภาระเยอะแยะขนาดนี้” คนตรงหน้าพูดด้วยรอยยิ้ม แต่แววตากลับเศร้า ๆ
เท่าที่ฉันรู้คือทางบ้านของอีกฝ่ายต้องการให้เขาเป็นหมอมาก ๆ ตั้งความหวังเอาไว้สูง ซึ่งพี่กันต์ก็สามารถทำมันได้ดี
จนสามารถประสบความสำเร็จอย่างเช่นตอนนี้
หลังจากที่เรามาออกเดต... (มั้ง)
พี่กันต์ก็ขับรถมาส่งฉันถึงหน้าคอนโดในเวลาสองทุ่มตรงเป๊ะ ๆ
“อาบน้ำและรีบพักผ่อนนะ อย่านอนดึก” เขาพูดก่อนจะโบกมือบ๊ายบายและขับรถออกไป...
ฉันทำได้แค่ยืนยิ้มให้กับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นอย่างอดเขินไม่ได้
แต่พอรถของพี่กันต์ขับออกไป ฉันก็เจอเข้ากับ...
“ครูซ…” ฉันรีบเดินเข้าไปหาคนที่กำลังยืนพิงรถของตัวเองและมองมาทางนี้นิ่ง ๆ
“นายไปโดนอะไรมา”
ก่อนร้องถามด้วยความตกใจเพราะเขามีเลือดไหลจนถึงข้อมือ แต่เขาสวมแจ็กเก็ตหนังเลยไม่สามารถเห็นแผลได้
“ไปลองขับบิ๊กไบค์ไอ้จีซัสมาอะ แต่มันแฉลบ” หมอนั่นพูดอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
“แล้วทำไมไม่ไปโรงพยาบาลล่ะ เดี๋ยวฉันพาไป” ฉันเข้าไปประคองตัวของครูซทันที
“ไปทำไม” อีกฝ่ายยืนตัวแข็งทื่อไม่ยอมขยับ
“นายเจ็บขนาดนี้เนี่ยนะ” ฉันจึงถามกลับไปพลางก้มดูเลือดที่ยังคงไหลไม่หยุดเลย
“ไม่ได้เจ็บมาก” เขาตอบนิ่ง ๆ
“แค่จะมาให้เธอทำแผลให้อะ” แล้วพูดเสริมอย่างหน้าตาเฉย
“นายจะบ้าเหรอ ครูซ” ทำเอาฉันไปต่อไม่เป็นเลยจริง ๆ
“ครั้งที่แล้วเธอรักษาฉันได้ รอบนี้ก็เช่นกัน” เขาพูดก่อนจะเดินกะเผลก ๆ เข้าไปในคอนโดอย่างไม่รอถามฉันสักคำ
“นายนี่มัน!!!” สุดท้ายก็ได้แต่บ่น ๆ ไล่หลัง
บนคอนโดของฉัน...
และแน่นอนว่าพอเห็นสภาพของครูซแล้วก็ปฏิเสธที่จะช่วยไม่ได้จริง ๆ
“นายควรจะไปตรวจให้ละเอียดที่โรงพยาบาลนะ” ฉันพูดหลังจากที่ช่วยเขาถอดเสื้อออกเพื่อที่จะทำแผล
“ไปมาแล้ว”
“ละเขาไม่ได้ทำแผลให้นายหรอกเหรอ” ฉันแอบตกใจที่ทางโรงพยาบาลปล่อยครูซมาในสภาพนี้
“ก็ไปแล้วไม่เจอเธอเลยมาดักรอที่นี่ไง” ก่อนอีกฝ่ายจะตอบแบบไม่คิดอะไร
“ไม่เจอฉัน?” ส่วนฉันก็ทวนคำนั้นอย่างข้องใจ
“ก็ตอนนี้เธอคือหมอประจำตัวของฉันแล้วไง” เขาพูดโมเมเองหน้าตาเฉย
“นายจะบ้าเหรอครูซ ฉันยังเรียนไม่จบแพทย์เลยด้วยซ้ำ” ฉันถามกลับเสียงหลง
“ไม่รู้อะ ถ้าไม่ให้ไล่พวกนั้นออก เธอต้องมาเป็นหมอส่วนตัวให้ฉัน รีบไปเรียนให้จบซะสิ” ทั้งยังเอ่ยต่อราวกับว่าการเรียนหมอแค่เข้าคลาสก็จบได้
“อะไรของนายเนี่ย” ฉันชักสีหน้างง ๆ
“คืนนั้นฉันไม่ได้บอกเธอเหรอ สงสัยคงเมาจนลืมอะ” เจ้าตัวเลยอธิบายอย่างคนเจ้าเล่ห์ตามเคย…
ทำให้ฉันกดสำลีชุบแอลกอฮอล์ลงที่แผลสดของครูซทันที
“ซี้ดดดดด... อ่าสสส์... แสบบบบ” เขาร้องครางขึ้นลั่นห้อง
“ครูซซ นายอย่าร้องบ้า ๆ แบบนี้สิ” ฉันแทบอาจจะราดแอลกอฮอล์ลงแผลหมอนี่ไปซะเลย
“ก็มันแสบหนิ” เสียงทุ้มแอบบ่น ๆ
จริง ๆ แล้วมันเป็นแค่แผลถลอกเท่านั้นเอง เพราะโชคดีที่ใส่เสื้อหนังหนา
“มีวันไหนที่นายกับเพื่อน ไม่พากันไปเสี่ยงตายบ้างไหมเนี่ย” ฉันตัดสินใจถามไป
“คนเราเกิดมายังไงก็ต้องตาย แค่ทำให้ทุกวันของชีวิตมันตื่นเต้นเท่านั้น…” เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“มันก็ใช่ แต่ไม่ใช่ว่าจะมาเสี่ยงตายทุกวันแบบนี้” ฉันยังคงส่ายหน้ากับตรรกะเพี้ยน ๆ ของตาบ้านี่
“แต่จะให้ฉันมาใช้ชีวิตน่าเบื่อ ๆ กลัวความตายกับโรคภัย… และจำเจแบบเธอฉันหรือพวกเพื่อน ๆ เธอ… ฉันว่าเกิดมาก็ไม่คุ้มค่าอยู่ดี” ครูซพูดไปตามที่คิด และนั่นเป็นอีกมุมมองหนึ่งที่ฉันเองก็เคยคิดมาก่อน ในขณะกำลังนั่งพันแผลให้กลับรู้สึกแปลก ๆ ยังไงไม่รู้... เหมือนเราต่างกันแบบขั้วบวกกับขั้วลบ
เหมือนหยินกับหยาง เหมือนน้ำกับน้ำมัน แตกต่างทุกอย่างจริง ๆ ต่อต้านกันได้ทุกเรื่อง...
“ฉันไม่ได้เรียกว่าจำเจ แต่รู้คุณค่าของชีวิตต่างหาก” ก่อนจะเถียงกลับไป
ครูซก็แค่พยักหน้ารับและแบะปากไปงั้น ๆ ด้วยมาดกวน
“ฉันหิวข้าวอะ ขับรถไปส่งหาอะไรกินหน่อยสิ” แล้วยื่นกุญแจรถของเขาให้ทันที
“ขับมาเองได้ แต่ขับกลับไม่ได้เนี่ยนะ”
“ถ้าเธอพาฉันไปกินข้าว เดี๋ยวจะบอกเคล็ดลับคว้าหัวใจผู้ชายให้” ครูซพูดอย่างวางเชิง
“ไม่จำเป็นหรอกน่า”
“พี่หมอของเธอน่ะ ไม่ใช่แค่เธอนะที่อยากครอบครอง พยาบาลในโรงพยาบาลก็สวย ๆ กันทั้งนั้นว่าไหม” อีกฝ่ายจึงเอ่ยพลางยิ้มมีเล่ห์เหลี่ยม
“พี่กันต์เขาไม่ใช่ผู้ชายแบบนายนะ” ฉันส่ายหน้าทันที
“แล้ววิธีของเธอ มันทำให้ความสัมพันธ์พัฒนามากกว่าเมื่อก่อนไหมล่ะ” ครูซถามคำถามที่ทำเอาฉันไปต่อไม่เป็นเลยจริง ๆ
ฉันรู้จักพี่กันต์มากี่ปี นอกจากคำว่าคนคุย ๆ กันอยู่... ก็แทบดูเหมือนไม่ได้พิเศษอะไรมากไปกว่านั้นเลย
ถึงแม้ว่าจะได้แซนด์วิช ได้ข้อความ แล้วพาไปกินไอติม แต่แบบนี้เรียกว่าเรากำลังศึกษากันอยู่ไหม หรือว่าแค่คนที่เคยรู้จักกัน
“ฉันไปกินคนเดียวก็ได้ เธอคงไม่ต้องการคำแนะนำอะไรสินะ” จากนั้นเขาจึงหยิบแจ็กเก็ตหนังของตัวเอง ก่อนจะโบกมือลา
“เดี๋ยว…” ฉันก็เดินตามออกไปและหยิบกุญแจรถของเขามาถือแทน
“แค่กลัวว่านายจะรถคว่ำได้ตายสมใจจริง ๆ และก็อยากได้อาหารแพง ๆ ด้วย เลี้ยงหน่อย” พูดพลางเดินไปกระแทกไหล่ข้างที่ไม่เจ็บเบา ๆ พลางยักคิ้วใส่เจ้าตัว
@ ร้านอาหารอิตาเลี่ยน... ไม่ไกลจากคอนโดของครูซ
“หิวมากเลย กินกันเถอะ” คนตรงหน้ามองอาหารบนโต๊ะและยิ้มออกมาอย่างแฮปปี้ ๆ
มีทั้งคาโบนาร่า สลัด ซุปครีมเห็ด พิซซ่าหน้าซีฟู๊ดที่มีเครื่องเทศตัดความเลี่ยน ๆ ของชีสกับครีมไวท์ซอส ปิดท้ายด้วยไวน์ขาวขวดพรีเมี่ยมและเนื้อสเต๊ก
“แล้วเป็นไงบ้าง เดตวันนี้กับคนที่เธอชอบอะ” เขาถามขึ้นเหมือนสร้างบทสนทนาก่อนจะเริ่มลงมือทานอาหารในจานสเต๊กของตัวเอง
“แล้วต้องบอกนายด้วยหรอ” ฉันเอ่ยเสียงไม่มั่นใจ
“ถ้าไม่บอกแล้วจะแนะนำได้ยังไง” เขาเลยย้อนกลับมาอย่างกวน ๆ
“ก็ดีนะ เราก็เหมือนกันทุกเรื่อง สนใจอะไรคล้าย ๆ กัน” ถึงจะพูดเช่นนั้นทว่าใจแอบลังเล
เพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ฉันแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายเลย แต่ก็แฮปปี้กับการไปเดตกับพี่กันต์นะ และ...
“ให้ชิมก่อน เนื้อนี่แพงที่สุดในร้าน ...ไม่ใช่ของถูกอย่างจานที่เธอสั่ง” ครูซวางมันลงในจานสปาเกตตีครีมด้วยรอยยิ้มเหยียด ๆ
ก่อนที่จะเริ่มหันเนื้อเป็นชิ้น ๆ เล็ก ๆ ในจานของเขาอย่างสำราญใจ
แต่พอฉันจิ้มกินเข้าไปชิ้นแรกแล้วมันอร่อยจริง ๆ เลยมันทำให้นึกอะไรสนุก ๆ โดยการ...
ฉึบบบ…ใช้ส้อมจิ้มเนื้อที่เขาเพิ่งหั่นเอาไว้มากินอย่างหน้าตาเฉย
“อร่อยจริง ๆ ด้วยอะ” ก่อนยิ้มกวน ๆ ส่งกลับ
“ยายอ้วนเอ๊ย” ครูซเงยหน้าขึ้นมาบ่น ๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่...
ครืดดดด เขาเลื่อนจานสปาเกตตีของฉันไปใกล้ ๆ และตักออกไปครึ่งหนึ่ง
พร้อมทั้งแลบลิ้นให้ฉันอย่างผู้ชนะ
เราสองคนก็เลยกินอาหารสุดจะเลอะเทอะแบบตักกินกันมั่วไปหมด โดยไม่ได้สนใจจะแบ่งว่าจานไหนเป็นของใคร
“ชิ้นสุดท้าย ขอให้แฟนหล่อ” ฉันเหลือบไปเห็นพิซซ่านั่น แล้วคว้ามันมาก่อนที่ครูซจะหยิบไปพลางพูดอย่างสะใจ
“นี่เธอ!!” ครูซมองมาด้วยความคับแค้น หลังโดนแย่งพิซซ่าชิ้นสุดท้ายที่เล็งเอาไว้
งั่ม ๆๆๆ แล้วฉันก็กินโชว์เป็นการล้อเลียนจนหมดคำ...
“มูมมาม!!!” เขาบ่นออกมาและแสยะยิ้ม
ก่อนจะเอื้อมมือมาเช็ดที่ขอบปากของฉัน... และนั่นทำเอาฉันวางตัวไม่ถูกเลย
“ฉันอิ่มตั้งนานแล้วเหอะ” ก่อนครูซจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าฉันภาคภูมิใจที่ได้แย่งพิซซ่าของเขามากนัก