ล่า(ม)พันธะ บทที่ 6 : (อดีต) นะคะ
ผลัวะ! พลั้ก!
“อั้ก!”
ด้ามทวนฟาดเข้ายังท้องของผู้ชายที่ตรงเข้ามาประชิดตัวอย่างไม่ออมแรงทำให้เขาร่วงลงไปนอนกับพื้น ยกมือกุมท้องด้วยความรู้สึกจุกจนทำให้ถึงกับสำรอกลงบนพื้น ตาเหลือก อ้าปากค้างและนอนนิ่งอยู่ท่านั้น
ดวงตาสีฟ้ามองคนบนพื้นไร้ความรู้สึกสงสารใด ๆ มีเพียงความสมเพชเวทนาเท่านั้นที่มอบให้ก่อนจะหันไปมองยังอีกสองคนที่นอนนิ่งอยู่ในสภาพเดียวกัน
และแล้วหางตาก็เห็นกับเงาบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวทำให้ต้องละสายตาจากคนที่นอนอยู่หันไปมอง ร่างบางหมุนตัวหันหลังกลับมา จับทวนในมือพลิกเปลี่ยนเป็นหันด้ามแหลมไปยังทิศทางนั้น ก่อนจะปามันออกจากมือโดยไม่สนใจว่าปลายแหลมจะโดนใครบ้าง
ปึง!
“กรี๊ด!!”
ผู้หญิงทั้ง 4 คนกรีดร้องประสานเสียงด้วยความตกใจ ในขณะที่คนที่เหลือค่อย ๆ แอบย่องไปยังประตูซึ่งฉันเห็นเงาจากกระจกตรงหน้า ทุกคนต่างถอยกรูดไปหลบข้างหลังอยู่กับชูลี่ที่นั่งหน้าช้ำอยู่มุมห้อง ไม่มีใครกล้าทำอะไรไปมากกว่านี้ จากผู้ชาย 3 คนที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นน่าจะรู้แล้วนะว่าต้องทำตัวยังไง
“อ่าว...คนสวยไม่ออกไปกับเขาเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามชูลี่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่คำพูดนั้นช่างน่าเอ็นดูเสียจริงเพราะพูดคะขากับเธอด้วย
แม่ฉันก็สอนมาดีนะว่าต้องพูดเพราะ ๆ กับคนรอบตัวและทำตัวสุภาพเข้าไว้ นอกจากประเภททำตัวไม่ดีใส่ก็ให้ทำตัวยิ่งกว่าพวกมันแบบคูณห้าไปได้เลย ช่างเป็นคำสอนที่ยึดถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดมาตลอด
ตึก ตึก ตึก
“ยะ อย่า...” ชูลี่ยกมือขึ้นโบกไปมาแล้วขยับตัวถอยหลัง ในขณะที่พวกลูกกระจ๊อกของเธอตัวอื่น ๆ ต่างพยายามจะพาตัวเองออกไปจากจุดที่นั่งกันอยู่ แต่ถูกฉันใช้เท้ายันให้กลับไปนั่งรวมกลุ่มตามเดิม
ไม่คิดจะทำอะไรใครหรอกเพราะทำไปเยอะแล้ว ทำให้กลัวไม่ได้ทำให้ตายสักหน่อย เป้าหมายของฉันมีแค่ตัวหาเรื่องตรงหน้าคนเดียวเท่านั้น
“....” ไร้เสียงพูดใด ๆ มีเพียงสายตาราบเรียบจ้องมองชูลี่เท่านั้น
“อย่า กรี๊ด!” ชูลี่กรีดร้องด้วยความกลัวสุดเสียง ตาขาวของเธอกำลังแดงก่ำเพราะเลือดคลั่งในตา ปากแตกแล้วยังมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ดูเหมือนว่าฟันจะหักด้วยหรือเปล่านะ เผลอไม่ออมแรงใส่ไปต้องทำหน้าใหม่เลยสิแบบนี้
หมับ!
มือเล็กเอื้อมไปจิกเข้ายังเส้นผมสีดำแล้วกระชากให้เงยหน้าขึ้นสบตากับตัวเอง ชูลี่ตัวสั่นหลุบตามองต่ำไม่กล้าสบตา ฉันเลยย่อตัวนั่งลงกับพื้นเพื่อให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน
“มองหน้าฉันสิ”
“ฉัน...ฉันจะแจ้งตำรวจ ฉันจะบอกพ่อว่าแกทำอะไรบ้าง!” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นอย่างสติแตก ทำให้ฉันหันไปสบตากับเธอ
“เชิญ...ฉันจะไปหาพ่อแกด้วย” คิดว่าตัวเองใหญ่โตจากไหนและฉันคิดว่าพวกนี้อาจจะทำนิสัยเสียใส่คนอื่นมาหลายครั้งแล้วก็ได้
“....” ไร้เสียงตอบกลับ ทั้งหมดหลบสายตาและนั่งตัวสั่นด้วยความกลัว
“คิดว่าโคตรตระกูลใหญ่อยู่คนเดียวเหรอ...แล้วเธอขอโทษฉันหรือยัง” ฉันกลับมาให้ความสนใจยังชูลี่ตามเดิม น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นราบเรียบแต่ดูน่ากลัว
“ขะ ขอโทษ” ชูลี่รีบพูดออกมาทันที สภาพตอนนี้ช่างต่างกับตอนแรกเหลือเกิน
“ยกมือไหว้ด้วยสิ เร็วจะถ่ายรูปเอาไว้ดูสักหน่อย คุณดาราชื่อดังกำลังไหว้ขอโทษฉันที่เป็นแค่เด็กทุนชั้นปีที่หนึ่ง” ไม่ได้พูดเปล่าแต่ล้วงมือหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง เปิดกล้องหันเข้าหาอีกฝ่ายแล้วเตรียมถ่ายภาพเธอด้วยความตั้งใจ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
ผลัก!
แต่ยังไม่ทันจะได้ภาพประทับใจที่ต้องการเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ทำให้ฉันละสายตาจากชูลี่มองไปยังประตูและเพียงเสี้ยววินาทีจังหวะที่ไม่ทันระวังตัวนั้น ทำให้ถูกผลักล้มลงไปกับพื้น พวกชูลี่จึงได้โอกาสรีบวิ่งตรงไปทางประตูกันอย่างรวดเร็ว
กริ้ก! ประตูเปิดออกเสียงผู้หญิงคนหนึ่งก็เอ่ยเรียกชื่อขึ้นมา
“คะ คุณลู่จื้อ”
เวรละไง...
ทันทีที่ได้ยินชื่อนั้นและฉันกำลังใช้มือยันตัวลุกขึ้นยืนต้องเปลี่ยนเป็นล้มพับลงกับพื้น ดวงตาทั้งสองปิดลงแกล้งสลบไป ตอนนี้ไม่สามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้รับรู้เพียงเสียงฝีเท้า เสียงพูดคุย พวกนั้นพยายามพูดว่าฉันเป็นคนทำแต่สภาพคนนี้คือคนที่ถูกกล่าวหานอนสลบอยู่
“ยัยนั่นทำพวกเราค่ะ ตอนแรกมันไม่ได้สลบ!”
“มันทำพวกเราทุกคนจริง ๆ นะ มันทำอีปีศาจ กรี๊ด!”
“พวกที่นอนอยู่ก็ฝีมือมัน!”
ฉันนอนอยู่แบบนั้นนอนฟังเสียงโหวกเหวกของยัยชูลี่และเพื่อนพ้อง ที่พูดกันมาใครเขาจะเชื่อฉันแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวที่นอนสลบไม่รู้เรื่องรู้ราว การแสดงเริ่มขึ้นอย่างแนบเนียนฉันนอนนิ่งราว 10 นาทีจนกระทั่งรับรู้ได้ว่าตัวเองกำลังถูกอุ้มขึ้นมาบนอ้อมแขนของใครบางคน ไออุ่นจากร่างกายและกลิ่นน้ำหอมที่พึ่งดมมาเมื่อเช้านี้ทำให้ฉันนึกถึงเขาขึ้นมาทันที
เฮียลู่กำลังอุ้มฉันและพาเดินออกไปจากห้อง...
20 นาทีต่อมา
ฉันหลับไปกี่นาทีแล้วนะ ลืมตาได้ยังนะ? ลืมตาเลยมั้ย?
ดวงตาค่อย ๆ เปิดขึ้นสิ่งแรกที่เห็นก็คือถนน ฉันรู้สึกตัวมาตลอดว่าตัวเองถูกพามานั่งในรถของเฮียลู่และรู้ว่ารถกำลังวิ่งตรงไปยังโรงพยาบาล ฉันหันไปมองยังผู้ชายที่กำลังสนใจไปยังการขับรถแล้วค่อย ๆ ขยับพาตัวเองลุกขึ้นนั่ง การเคลื่อนไหวทำให้เฮียลู่หันมามองด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย
“อย่าพึ่งลุกสิ เราต้องไปโรงพยาบาลกันก่อน” เสียงทุ้มเอ่ยพูดกับฉันก่อนจะกลับไปให้ความสนใจยังการขับรถต่อ
“ชิเอลไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”
“อย่างน้อยก็ไปให้หมอดูสักหน่อย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แต่ฉันไปหาหมอไม่ได้ไงเพราะตัวเองไม่ได้เป็นอะไร!
“ชิเอลไปโรงพยาบาลไม่ได้นะคะ ต้องกลับบ้านเท่านั้นตอนนี้เลยเวลามาเยอะแล้วด้วย ถ้าไปโรงพยาบาลต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่พ่อกับแม่จะเป็นห่วงมาก...ชิเอลไม่อยากพวกเขาต้องกังวลไปมากกว่านี้” ร่างบางขยับตัวนั่งหันหน้าไปยังฝั่งคนขับ
“....” เฮียลู่ยังคงให้ความสนใจที่การขับรถ ดูท่ายังไงก็จะพาฉันไปโรงพยาบาลให้ได้เลยสินะ
“เฮียลู่คะ”
“....”
“ชิเอลขอร้องนะคะเฮีย” มือเล็กยื่นไปสัมผัสต้นแขนเจ้าของชื่อแล้วออกแรงบีบมันเบา ๆ ดวงตาสีฟ้าส่งสายตาเป็นการขอร้อง เฮียลู่ก้มมองมือที่จับแขนเขาแล้วเงยหน้ามาสบตาฉัน จากนั้นก็หักเลี้ยวพวงมาลัยจอดรถเข้าข้างทาง
แพ้ลูกอ้อนเหรอเนี่ย?
แต่ผู้ชายก็แพ้ลูกอ้อนของผู้หญิงอยู่แล้วลูก้ากับเอสเตอร์เคยพูดไว้ ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงที่สนใจขออะไรย่อมได้หมด
หรือว่าเขา...