5 ส่างห่า 2
ติดตามข่าวสารและพูดคุยกับไรเตอร์ได้ทางเพจ readfree.in ค่ะ
https://www.facebook.com/readfree.in/
และทางเว็บไซต์ www.readfree.in ค่ะ
ขอบคุณรีดเดอร์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ
Chapter 5 ส่างห่า
“ว๊าย! อะไรนะคะ?” เจ้าหน้าที่ตกใจ
วินัยเขย่าแขนเจ้าหน้าที่ “ช่วยด้วย เพื่อนผมตายแล้วๆ”
“เดี๋ยวค่ะคุณ ใจเย็นๆก่อนค่ะ เกิดอะไรขึ้นคะ?”
“เพื่อนผมตายแล้วๆ” วินัยพูดซ้ำๆอยู่อย่างนั้นพร้อมกับลากแขนเจ้าหน้าที่คนนั้นเข้าไปในห้อง
“เดี๋ยวค่ะคุณ ปล่อยดิฉันก่อนค่ะ” เจ้าหน้าที่พยายามขืนตัวไว้
วินัยฉุดลากเจ้าหน้าที่เข้าไปในห้องจนได้ ปากก็พูดซ้ำๆว่า “เพื่อนผมตายแล้วๆๆ”
เจ้าหน้าที่พยายามดิ้นแต่ก็สู้แรงชายหนุ่มไม่ไหว “คุณใจเย็นๆก่อนค่ะ” แต่พอถูกลากไปถึงห้องนอนเธอก็กรี๊ดลั่นเมื่อได้เห็นศพ “ว๊าย!”
“เพื่อนผมตายแล้วๆๆ” วินัยพูดซ้ำๆอยู่อย่างนั้น
เจ้าหน้าที่สะบัดตัวจนหลุดแล้วก็รีบวิ่งออกไป “ช่วยด้วย!” เธอวิ่งลงบันไดไม่ยอมรอลิฟท์ด้วยความตกใจ
วินัยวิ่งตามไป “รอผมด้วยๆ”
พอเจ้าหน้าที่วิ่งไปถึงออฟฟิตเธอก็บอกหัวหน้าว่า “ช่วยด้วยค่ะ มีคนตายในห้องค่ะ”
“ห๊ะ!” หัวหน้าตกใจ “คุณว่าอะไรนะ?”
“คนตายค่ะ คนตายข้างบนค่ะ” เจ้าหน้าที่รีบพูดจนลิ้นแทบจะพันกัน
“ห้องไหน?” หัวหน้าถามหน้าตื่น
“ห้องคุณธรรมค่ะ”
“รอผมด้วย” วินัยวิ่งตามมาอย่างสติแตก
“เดี๋ยวผมโทรแจ้งตำรวจก่อน” หัวหน้าบอกแล้วก็รีบโทรแจ้งตำรวจ
พอโทรแจ้งตำรวจแล้วหัวหน้าก็หันไปสั่งลูกน้องว่า “คุณฝ้ายรออยู่นี่แหละแล้วก็คอยดูคุณคนนั้นไว้ด้วยล่ะอย่าให้หนีไปไหนนะ” เขาชี้ไปที่วินัยแล้วก็เดินไปรอคอยรถตำรวจหน้าออฟฟิตอย่างร้อนใจ
ฝ้ายหันไปคอยดูวินัยเอาไว้ตามคำสั่งหัวหน้า
20 นาทีต่อมาตำรวจก็มาถึง “ได้รับแจ้งว่ามีคนตาย ไหนครับ?”
“ข้างบนครับคุณตำรวจ” หัวหน้าบอกแล้วก็รีบเดินนำตำรวจไปที่ห้องเกิดเหตุ
ตำรวจ 2 คนรีบเดินตามไป
เมื่อถึงห้องที่เกิดเหตุ ตำรวจก็ถ่ายรูปเก็บหลักฐานตามขั้นตอนการทำงาน จากนั้นก็สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทุกคน
หลังจากนั้นไม่นานก็มีกระแสข่าวตามโซเชียลว่า...ธรรม ดาราหนุ่มผู้โด่งดังในอดีตเสียชีวิตแล้ว
บรรดาแฟนคลับแห่ไว้อาลัย ประวัติและผลงานที่ธรรมเคยแสดงไว้ก็ถูกพูดถึงอีกครั้ง
วันต่อมา ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้การฯชัยยศกำลังคุยกับสารวัตรนัฐพล
“หมอนัฐเรื่องคดีของดาราที่ชื่อธรรมไปถึงไหนแล้วล่ะ?”
“นิติเวชฯตรวจพบว่าตายเพราะพิษร้ายแรงครับ มีบาดแผลถูกกัดที่คอ คาดว่าน่าจะเป็นงูตัวใหญ่ครับ” นัฐพลรายงานความคืบหน้าของคดี
ชัยยศพยักหน้ารับรู้
“จากการสอบปากคำพยาน ผู้ตายเคยเป็นลูกค้าของร้านดรีมแกลอรี่ครับ ผมว่าร้านนี้มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆครับ มีหลายคดีเลยครับที่เราพบว่าผู้ตายหรือไม่ก็ผู้ที่หายสาบสูญล้วนแล้วแต่เป็นลูกค้าของร้านดรีมแกลอรี่ครับ” นัฐพลพูดตามความคิดเห็นของตัวเอง
ชัยยศนิ่งคิด “ถ้างั้นคุณลองไปสืบที่ร้านดรีมแกลอรี่ดูก่อน ถ้ามีอะไรคืบหน้าก็รีบมารายงานผมด้วย”
“ครับท่าน” นัฐพลรับคำสั่งแล้วก็เดินออกไป
ณ ร้านดรีมแกลอรี่ ลูกค้าถือห่อรูปภาพเดินออกมาจากร้าน นัฐพลมองตามจนลูกค้าขึ้นรถขับออกไปจากหน้าร้าน เขาหันไปมองตึกแถว 3 ชั้น 2 ห้องซึ่งเป็นสถานที่เปิดร้านอย่างพิจารณา ด้านหน้าร้านมีซุ้มไม้เลื้อยออกดอกสีแดงสดเต็มซุ้มสวยงาม ถัดจากซุ้มไม้เลื้อยเป็นประตูกระจก บานประตูด้านบนแขวนกระดิ่งสีทองเอาไว้ส่งเสียงกังวานเสนาะหูทุกครั้งที่ประตูถูกเปิด
เขาเดินลอดซุ้มไม้เลื้อยผลักประตูเข้าไป
“สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ” ราตรียืนต้อนรับยิ้มแย้มให้
“สวัสดีครับ ผมอยากได้งูพิษซักตัวครับ” นัฐพลบอกแล้วก็จับตาดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
นิมิตราได้ยินก็เดินออกมาพบลูกค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “แหมคุณนี่เข้าใจพูดเล่นนะคะ ร้านเราเป็นร้านขายรูปนะคะ ไม่มีสัตว์ขายหรอกค่ะ ถ้าคุณต้องการซื้องู ดิฉันแนะนำว่าคุณควรจะไปที่สวนจตุจักรนะคะ ที่นั่นมีสัตว์เลี้ยงขายหลากหลายชนิดเลยค่ะ สัตว์แปลกๆหายาก สัตว์นำเข้าก็มีขายค่ะ”
นัฐพลมองหน้าหญิงสาว ซึ่งคาดว่าอายุน่าจะไม่เกิน 20 ปี คงเป็นพวกนักเรียนที่มารับจ๊อบหารายได้พิเศษล่ะมั้ง “นี่หนู เราพูดกันไม่รู้เรื่องหรอก เจ้าของร้านอยู่ไหน? ฉันเป็นตำรวจ”
“ดิฉันนี่แหละค่ะเจ้าของร้าน” นิมิตราบอกด้วยสีหน้าถือตัวที่ถูกมองด้วยสายตาดูถูก
นัฐพลชะงักไปนิด “ถ้างั้นคุณก็เป็นคนขายรูปให้กับคุณธรรม ธนากร”
“ธรรม ธนากร...” นิมิตราทวนคำ “อ๋อ...ดิฉันเห็นข่าวแล้วค่ะ ยังหนุ่มอยู่เลยน่าเศร้าจังเลยค่ะ”
นัฐพลนิ่งฟังอย่างตั้งใจ “แล้ว...”
“คุณธรรมเป็นลูกค้าประจำของเราค่ะ เขาซื้อรูปภาพจากทางเราไปหลายรูปมากค่ะ ซักประมาณ 10 กว่าบานมั้งคะ” นิมิตราบอก
“แล้วรูปนี้ล่ะครับ” นัฐพลเปิดไฟล์รูปในไอแพ็ดให้ดู ซึ่งเป็นภาพกรอบรูปมีตราสลักบนกรอบว่า ‘ดรีมแกลอรี่’ อยู่ตรงด้านล่างของกรอบรูป แต่ไม่มีภาพใดๆเลยในกรอบ
นิมิตราอึ้งไปครู่นึง “โธ่...ไม่น่าเลย”
นัฐพลงงนิดๆไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร
“ภาพหายากได้สูญสลายไปเสียแล้ว ทั้งๆที่ภาพนี้เป็นภาพหายากที่หาไม่ได้อีกแล้ว โธ่เอ๋ย...ไม่น่าเลย...” นิมิตราค่ำครวญด้วยความเสียใจและเสียดาย
“ภาพอะไรเหรอครับ?” นัฐพลถามด้วยความอยากรู้
“ภาพส่างห่าค่ะ” นิมิตราบอกแล้วก็ค่ำครวญต่อ “โธ่...ไม่น่าเลยจริงๆ”
นัฐพลคิดในใจว่า ยัยคนนี้ค่ำครวญเสียใจเพราะภาพหายสำคัญยิ่งกว่าเรื่องที่คนตายซะอีก
“ตอนนี้กรอบรูปบานนี้อยู่ที่ไหนคะ? ดิฉันขอคืนได้ไหมคะ?”
“ตอนนี้ทางตำรวจกำลังตรวจค้นคอนโดหาหลักฐานอยู่ครับ ยังเคลื่อนย้ายอะไรออกมาไม่ได้ครับ แต่หลังจากที่ตำรวจเก็บหลักฐานเสร็จแล้วญาติของคุณธรรมก็จะเข้ามาจัดการกับทรัพย์สินต่อไปครับ ถ้าคุณต้องการกรอบรูปคืนคุณคงต้องติดต่อกับญาติของคุณธรรมนะครับ” เขาบอกแล้วก็นึกสงสัย “ทำไมคุณต้องการกรอบรูปคืนด้วยล่ะครับ? หรือว่ากรอบรูปนี้มีอะไรซ่อนอยู่กันแน่?” เขาจ้องมองอย่างคาดคั้น
“ถ้าตำรวจตรวจเจอว่าในกรอบรูปนี้ซ่อนยาเสพติดไว้ล่ะก็ร้านคุณไม่รอดแน่” เขาคาดโทษอย่างเอาเรื่อง
“จะมีของแบบนั้นได้ไงคะ? ไม่เอาน่าคุณตำรวจ ดิฉันขายความสุขให้ลูกค้านะคะ ไม่มียาเสพติดหรอกค่ะ” นิมิตรายิ้มหวาน
ความสุขงั้นเหรอ? พูดซะเลิศหรูเชียว! นัฐพลนึกโมโหอยู่ในใจ
“คุณตำรวจจะรับต้นเคลซักหน่อยไหมคะ?” นิมิตราถามยิ้มๆ
“นี่คุณ ผมไม่มีที่ปลูกหรอกนะ” นัฐพลโมโหที่เธอเปลี่ยนเรื่องคุย
“ไม่ได้ให้ไปปลูกค่ะ ดิฉันให้คุณเอาไปผัดกินค่ะ ผักเคลมีแคลเซี่ยมมากกว่าเนื้อสัตว์หลายเท่าเชียวค่ะ คนโมโหง่ายอย่างคุณก็เพราะขาดแคลเซี่ยมน่ะค่ะ” นิมิตราแดกดัน เหยียดยิ้มนิดๆ
“นี่คุณ!” นัฐพลโมโหจนทนไม่ไหวต้องรีบออกจากร้านไป
นิมิตรามองตามเชิดหน้าใส่แล้วก็เดินกลับเข้าไปด้านใน
ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นัฐพลยืนพึมพำอย่างโมโหอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง “หนอย...ยัยเด็กบ้า! ปากยิ้มแย้มแต่สายตาจิกกัดน่าดู พูดจาน่าโมโหนัก เพราะงี้แหละฉันถึงเกลียดผู้หญิงนักเชียว”
“บ่นอะไรอยู่ได้ไอ้นัฐ? เอ้า นี่รายงานความคืบหน้าคดีของนายธรรม ธนากร” สารวัตรกิตติเดินเข้ามายื่นแฟ้มให้เพื่อนร่วมงาน
“ในที่เกิดเหตุไม่มีร่องรอยการต่อสู้ บาดแผลมีแค่ที่ลำคอเป็นรอยเขี้ยวงู ดูจากรอยเขี้ยวแล้วคาดว่างูตัวนี้น่าจะมีขนาดซัก 8-9 เมตรได้ แต่ค้นทั่วทั้งห้องแล้วไม่เจองูเลยซักตัว เจอแต่รูปภาพงู กิ้งก่า มังกรโคมันโด ซึ่งทุกภาพมาจากร้านดรีมแกลอรี่ ส่วนของใช้ผู้หญิงที่เจอในห้องเป็นของภรรยาเก่าที่แยกกันอยู่ได้ 3 เดือนมาแล้ว ตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดก็ไม่พบว่ามีคนเข้าออกทั้งก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุจนกระทั่งนายวินัยซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้ตายได้ไปที่เกิดเหตุและไปพบศพตรงกับคำให้การ สอบปากคำพยานคนอื่นๆแล้วก็ไม่มีพิรุธอะไรเลย ไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใครเลย พบแค่มีด 1 เล่มตกอยู่ในห้องนอนเท่านั้น ตรวจหารอยนิ้วมือแล้วก็มีแต่รอยนิ้วมือของผู้ตายว่ะ” กิตติบอก
“เดี๋ยวนะ แล้วกรอบรูปที่ไม่มีรูปภาพนั่นล่ะ เจออะไรไหม?” นัฐพลถาม
“อ๋อ ไม่เจออะไรเลย” กิตติบอก “อ่อ...แต่กรอบรูปทุกบานทำจากไม้กฤษณา ซึ่งไม้ประเภทนี้ก็จะราคาแพงหน่อย งานแกะสลักบนกรอบรูปก็เป็นงานช่างฝีมือเยี่ยม” กิตติบอก
นัฐพลอึ้ง อะไรกันเนี่ย? ไม่มีหลักฐานอะไรเลย!
“ถ้างั้นฉันไปทำงานต่อล่ะ” กิตติบอกแล้วก็เดินจากไป
นัฐพลพยักหน้ารับรู้ แล้วก็นั่งลงครุ่นคิด ไม่ใช่แค่นายธรรมเท่านั้น คดีการตายที่เกี่ยวข้องกับสัตว์แต่หาตัวสัตว์ไม่เจอ บางคดีสภาพศพเละยังกับถูกกัดกิน บางคดีก็ถูกสัตว์มีพิษกัด บางคดีก็ถูกดูดเลือดจนหมดตัว บางคดีก็แห้งตายเหมือนมัมมี่ บางคดีก็หายสาบสูญ แต่ทุกคดีที่เกิดขึ้นมีสิ่งที่เหมือนกันก็คือทุกคนที่ตายหรือหายสาบสูญล้วนแล้วแต่เป็นลูกค้าร้านดรีมแกลอรี่ด้วยกันทั้งนั้น มันบังเอิญเหรอ? ไม่ใช่แน่ๆ ต้นตอของคดีทั้งหมดต้องอยู่ที่ร้านนี้แน่ๆ
หลังจากนั่งคิดทบทวนหลายรอบแล้วเขาก็ออกไปคอยเฝ้าจับตามองร้านดรีมแกลอรี่
นิมิตรามองจากในร้านออกไปทีไรก็มักจะพบว่าตำรวจหนุ่มคนนั้นมาคอยเฝ้าป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆหน้าร้านเป็นประจำหลายวันแล้ว แทบจะนั่งเฝ้านอนเฝ้าตลอดทั้งวันทั้งคืน เธอเหยียดยิ้มดูแคลนอย่างไม่ยี่หระที่ถูกเฝ้าจับตาดู
จนกระทั่งวันนึง นัฐพลเห็นนิมิตราออกไปข้างนอก เขาจึงเข้าไปในร้านหาทางตีสนิทกับพนักงานสาว
“สวัสดีครับ” เขาเข้าไปพบกับพนักงานสาวในร้าน
“สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ” ราตรียิ้มแย้มทักทายตามปกติ
“ผมอยากมาถามเกี่ยวกับคุณธรรม ธนากรหน่อยนะครับ” นัฐพลบอก
ราตรียิ้มให้ “เชิญค่ะ เชิญชมภาพตามสบายนะคะ” จากนั้นเธอก็เดินไปยกน้ำชามาเสิร์ฟให้ตามหน้าที่
“ขอบคุณครับ” นัฐพลรับน้ำชามาจิบแล้วก็ถามว่า “คุณธรรมมาที่นี่บ่อยไหมครับ?”
ราตรียิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร เธอยืนนิ่งมองเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอยู่อย่างนั้น
“คุณธรรมชอบซื้อภาพประเภทไหนเหรอครับ?” นัฐพลถามอีก
ราตรียืนนิ่ง ยิ้มแย้มอยู่เช่นเดิม
“คุณธรรมซื้อรูปจากที่นี่ไปกี่ใบเหรอครับ?” นัฐพลถาม ยืนจ้องหน้าพนักงานสาวอย่างไม่ละความพยายามพลางนึกในใจว่า ยัยคนนี้ถามอะไรก็ไม่ตอบซักอย่าง!
ราตรียังยืนนิ่งอยู่เช่นเดิม
นัฐพลพยายามระงับความโมโหแกล้งมองรูปแล้วก็ถามว่า “รูปนี้ดอกอะไรเหรอครับ”
“ดอกลิลลี่ค่ะ” ราตรีตอบสีหน้ายิ้มแย้ม
“ในห้องคุณธรรมผมเห็นมีแต่รูปสัตว์เลื้อยคลาน เขาไม่ชอบรูปอื่นบ้างเหรอครับ” นัฐพลรีบถาม
ราตรียืนนิ่งยิ้มแย้มเช่นเดิม
นัฐพลรอฟังคำตอบแต่ก็...เงียบ จนเขาโมโห ไรว่ะ! ถามอะไรเกี่ยวกับนายคนนั้นแม่นี่ไม่ตอบซักคำ เอาแต่ยิ้มอยู่ได้
“แล้วนี่รูปอะไรครับ?” เขาแกล้งถามอีก
“รูปแสงออโรร่าค่ะ” ราตรีตอบสีหน้ายิ้มแย้ม
“คุณช่วยบอกผมหน่อยเถอะนะครับว่าคุณธรรมมาที่นี่บ่อยไหม? มาซื้อรูปไปกี่ใบ? ซื้อรูปอะไรไปบ้าง?” นัฐพลพยายามล้วงข้อมูลให้ได้
นิมิตราผลักประตูร้านเข้ามาเห็นตำรวจหนุ่มยืนอยู่ในร้านก็พูดว่า “คุณจะถามอะไรเกี่ยวกับลูกค้าทางเราก็ไม่ตอบหรอกค่ะเพราะเป็นความลับของลูกค้าค่ะ”
นัฐพลหน้าหงิกทันที วินาทีถัดมาเขาก็รีบปรับสีหน้า ยิ้มแย้มพูดประเหลาะว่า “คุณช่วยตอบผมหน่อยนะครับ นะครับ ได้โปรด พลีสสสสส...”
นิมิตรายิ้มตอบแต่สายตาจิกกัด “ไม่ว่าคุณจะถามกี่ครั้ง เราก็บอกไม่ได้หรอกค่ะ”
นัฐพลโมโหปรี๊ด! เขาสะบัดหน้าเดินออกจากร้านไปเลย
นิมิตรามองตามแสยะยิ้มแล้วก็เดินเข้าไปด้านใน
ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นัฐพลโมโหบ่นเป็นหมีกินผึ้งกับเพื่อนร่วมงาน “ให้มันได้งี้ดิ! ไม่เคยเจอใครกวนตีนเท่านี้เลยว่ะ ยัยลูกน้องนั่นถามไรเกี่ยวกับนายธรรม ไม่ยอมตอบซักคำ แต่พอถามเรื่องรูปในร้านล่ะทำเป็นรีบตอบเชียว ส่วนยัยเจ้าของนั่นก็กวนพอกันเลย พูดหน้าตายิ้มแย้มแต่ตานี่จิกกัดซะไม่มี ฉันไม่เคยเจอผู้หญิงที่ไหน กวนโคตรๆเท่าแม่ 2 คนนี่เลยว่ะ”
“เอาน่าใจเย็นๆไอ้นัฐ” กิตติตบบ่าปลอบใจ “ฉันรู้มาว่าเจ้าของร้านนี้ชอบกินขนมหวาน เอ้า นี่กรอบรูปบานที่เขาเคยบอกแกว่าขอคืน แกลองเอาไปคืนให้เขาล่ะกัน แล้วก็นี่ช็อกโกแล็ตยี่ห้อดังที่คุณเจ้าของร้านคนนั้นเขาชอบกิน ผู้การฯสั่งให้แกเอาไปให้เขา เผื่อเขาจะใจอ่อนยอมให้ข้อมูลอะไรบ้าง”
นัฐพลกลอกตามองบน “จะให้ฉันเนี่ยนะเอาไปให้ยัยนั่นน่ะ?”
“ก็แกนั่นแหละจะมีใครอีกล่ะ ผู้การฯสั่งมา รีบไปได้แล้วเพื่อน โชคดีนะ” กิตติอวยพรยิ้มๆ “อ่อ...แล้วแกต้องพูดกับเธอดีๆด้วยล่ะ ผู้หญิงน่ะเขาชอบคนพูดจาไพเราะเหมือนกันทุกคนแหละ”
นัฐพลถอนหายใจอย่างเซ็งๆ “เอ้อ!!! ให้มันได้งี้ดิ!” เขาหยิบของแล้วก็เดินออกไป
พอไปถึงร้านดรีมแกลอรี่ เขาเปิดประตูเข้าไปเห็นนิมิตรายืนอยู่พอดีเขาก็รีบยิ้มทักทาย “สวัสดีครับ”
นิมิตราแอบทำหน้าเซ็งแว๊บนึง “ไม่ว่าคุณจะมากี่ครั้ง ดิฉันก็ไม่มีอะไรจะบอกหรอกค่ะ”
“คือผมเอากรอบรูปอันล้ำค่ามาคืนครับ” นัฐพลพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน ยิ้มปะเหลาะ
นิมิตราชะงักไปครู่นึงที่อีกฝ่ายพูดดีด้วย “ขอบคุณค่ะที่อุตส่าห์เอามาให้”