4 ส่างห่า 1
ติดตามข่าวสารและพูดคุยกับไรเตอร์ได้ทางเพจ readfree.in ค่ะ
https://www.facebook.com/readfree.in/
และทางเว็บไซต์ www.readfree.in ค่ะ
ขอบคุณรีดเดอร์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ
บทที่ 2 ส่างห่า Chapter 4
ณ ร้านดรีมแกลอรี่ ชายหนุ่มหล่อแต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าก้าวผ่านซุ้มไม้เลี้ยงหน้าร้านเข้าไป
ประตูร้านเปิดออก “สวัสดีค่ะคุณธรรม” ราตรียืนต้อนรับลูกค้า
“สวัสดีครับ” ธรรมยิ้มให้พนักงานสาวอย่างคุ้นเคย เพราะมาที่ร้านนี้หลายครั้งแล้ว
“นั่งรอซักครู่นะคะ เดี๋ยวท่านก็คงจะออกมาค่ะ” ราตรีบอกพร้อมกับเสิร์ฟน้ำชาให้ลูกค้า
“ขอบคุณครับ” ธรรมนั่งลงที่โซฟายกแก้วชาขึ้นจิบ “หอมชื่นใจจริงๆครับ”
ราตรียิ้มแล้วก็ถอยไปยืนคอยดูแลลูกค้าอยู่ห่างๆ
นิมิตราเดินออกมาจากด้านใน “สวัสดีค่ะคุณธรรม ภาพที่ซื้อไปคงทำให้คุณมีความสุขมากนะคะ” เธอทักทายยิ้มแย้ม
“ครับ วันนี้ผมก็เลยอยากได้ภาพใหม่ๆเพิ่มครับ” ธรรมพยักหน้าวางแก้วลงแล้วยืนขึ้น “ผมอยากได้ภาพที่สวยกว่าเดิมแปลกกว่าเดิมครับ”
“ถ้างั้นเชิญด้านในดีกว่าค่ะ มีภาพเข้ามาใหม่ทางเรายังไม่ได้นำออกมาโชว์ค่ะ” นิมิตราผายมือแล้วก็เดินนำเข้าไปด้านใน
ธรรมรีบเดินตามไป
นิมิตราเปิดประตูห้องแล้วเดินนำเข้าไป
ธรรมก้าวตามไป สายตาจับจ้องภายในห้องอย่างตกใจ “ห๊ะ!”
“เป็นยังไงบ้างคะ?” นิมิตราถาม
“ไม่ตลกนะคุณ ถึงผมเพิ่งจากแยกทางกับภรรยาก็เถอะ” ธรรมหันไปต่อว่านิมิตรา
นิมิตราเดินไปดึงผ้าที่ปิดครึ่งล่างของรูปภาพออก “นี่เป็นภาพส่างห่าค่ะ” เธอแนะนำ “ครึ่งบนมีรูปร่างงามเหมือนมนุษย์แต่ครึ่งล่างเป็นกึ่งสัตว์เลื้อยคลานค่ะ”
ธรรมจ้องมองภาพอย่างตะลึง
“ลองจับดูซิคะ”นิมิตราจับมือธรรมให้สัมผัสบนภาพ
เมื่อได้สัมผัสกับลำตัวครึ่งล่างบนภาพ ธรรมก็รู้สึกหลงใหลทันที “ผมซื้อภาพนี้ครับ” เขารีบพูดอย่างกลัวว่าเจ้าของร้านจะไม่ขายให้
“ภาพนี้มีเงื่อนไขค่ะ ห้ามดูรูปภาพนี้ในคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเป็นอันขาด” นิมิตราบอก
“ทำไมครับ?” ธรรมสงสัย
“ตามตำนานกล่าวไว้ว่าส่างห่าเป็นร่างจำแลงของนาคค่ะ ทุกวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ นาคจะคายพิษออกจากตัว พิษนั้นจะทำให้คนที่ถูกพิษตายในทันทีค่ะ” นิมิตราอธิบาย
“ตกลงครับ” ธรรมพยักหน้ารับเงื่อนไข
นิมิตรายิ้ม “ถ้างั้นก็เชิญออกไปเซ็นสัญญาซื้อขายค่ะ”
“ครับ” ธรรมพยักหน้าแล้วก็เดินกลับไปที่ห้องรับแขก
ราตรีเตรียมสัญญาไว้รออยู่แล้ว พอลูกค้าเดินออกมานั่งที่โซฟาเธอก็วางสัญญาซื้อขายให้ลูกค้าเซ็น
ธรรมเซ็นสัญญาพร้อมกับเซ็นเช็คให้ พอเซ็นเสร็จเขาก็ลุกขึ้นยืน “ขอบคุณครับ”
“ขอบคุณค่ะ” นิมิตรายิ้ม
แล้วธรรมก็เดินออกจากร้านไป
นิมิตราหันไปมองราตรี ราตรีพยักหน้ารับรู้แล้วก็เดินเข้าไปจัดการส่งรูปภาพให้ลูกค้าถึงบ้าน
ตั้งแต่ได้รูปภาพมา ธรรมก็เอาแต่เฝ้ามองรูปภาพตลอดเวลา จนถึงตอนค่ำ เขารู้สึกหิวจึงเดินออกจากห้องนอนเข้าไปในห้องครัว เขาเปิดตู้เย็นหยิบอาหารกล่องมาแกะเข้าไมโครเวฟ
ภายในห้องนอน พลัน! รูปภาพก็เคลื่อนไหว ส่างห่าค่อยๆเลื้อยคลานออกมาจากภาพ เท้าทั้ง 4 ค่อยๆย่างก้าวแตะพื้น เกล็ดสีเขียวมรกตสะท้อนแสงไฟเป็นประกายงดงาม ใบหน้างามผินรับแสงไฟกลางห้อง ดวงตางามค่อยๆกราดมองไปรอบๆห้องอย่างสำรวจ
ธรรมกินเสร็จแล้วก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอน แต่พอเปิดประตูห้องนอนเข้าไปเขาก็ตะลึง! “เฮ้ย!” สติถูกแช่แข็งไปชั่วขณะ
ส่างห่าหันไปมองชายหนุ่มรูปงามอย่างพึงใจ ริมฝีปากแดงสดคลี่ยิ้ม
พอธรรมหายตะลึง สมองก็สั่งให้หนี แต่เพียงจะก้าวขาถอย ส่างห่าก็พุ่งพรวดประชิดตัว อ้อมแขนเสลายกขึ้นรัดเอวหนา ฝ่ามือเรียวนุ่มนิ่มเลื่อนปิดปากชายรูปงาม “ไม่ต้องกลัวข้าหรอกท่าน ข้ามีนามว่านาก”
ธรรมพยายามจะดิ้นหนี แต่อ้อมแขนเรียวเสลาที่ดูไม่น่าจะมีเรี่ยวแรงอะไรกลับรัดแน่นจนเขาไม่อาจจะกระดิกกระเดี้ยตัวได้เลย ความรู้สึกเหมือนถูกงูยักษ์รัดพันเอาไว้
“ข้าพึงใจท่านตั้งแต่แรกพบ ข้าเพียงต้องการอยู่ใกล้ชิดกับท่านเท่านั้น หาได้ต้องการทำร้ายท่านไม่ ท่านอย่าได้หวั่นกลัวข้าเลยหนา” นากบอก
ธรรมพยักหน้ารับรู้ ความรู้สึกหวาดกลัวค่อยๆหายไป เขาสบตากับดวงตางดงาม วูบนั้น! เขาก็รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบมีเพียงเขาและเธอ
มือเรียวเสลาลดลงจากริมฝีปากได้รูป
“นาก” ธรรมเรียกชื่อ สองแขนล่ำสันยกขึ้นกอดรัดรอบลำตัวอ้อนแอ้น “ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม? คุณมีตัวตนจริงๆใช่ไหม?”
“ท่านไม่ได้ฝันไป ข้ามีตัวตนจริงๆ หากท่านยังไม่แน่ใจท่านก็เชิญจับต้องตัวข้าให้แน่ใจเถิด” นากบอกพร้อมกับยกสองมือทาบแก้มอุ่น
ธรรมรู้สึกถึงผิวนุ่มลื่นเย็นที่ทาบแก้มก็ค่อยๆเลื่อนมือลูบไล้แผ่นหลังอรชรให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ฝันไป
ทั้งสองตระกองกอดอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน
“คุณเป็นใครกันแน่? เป็นนางฟ้าหรือว่าปีศาจ?” ธรรมถามอย่างสงสัย
นากผละออกให้เขามองหน้านางชัดๆ “ข้าเป็นนาค ข้าแอบหนีมาเที่ยวในดินแดนมนุษย์ ข้าพึงใจท่านตั้งแต่แรกพบ ข้าจึงมาอยู่กับท่านอย่างไรล่ะ”
“ต่อให้คุณเป็นนาคผมก็รักคุณ” ธรรมบอกแล้วก็ดึงใบหน้างามเข้ามาจูบ
นากไม่ขัดขืน ยินยอมให้เขาจูบตามชอบใจด้วยนางเองก็พึงใจเขา
จากนั้นทั้งสองก็ตระกองกอดนัวเนียตามประสาชายหนุ่มและหญิงสาวซึ่งมีใจให้แก่กัน
นับตั้งแต่ได้พบกับนาก ธรรมก็ขลุกตัวอยู่แต่ในคอนโดตลอดเวลาจนวินัยผู้จัดการส่วนตัวต้องมาตามถึงคอนโด
“ธรรมเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ” วินัยกดกริ่ง
นากผละจากอ้อมอกของชายคนรัก “ใครมาหรือท่าน? เสียงดังเอะอะนัก”
“ธรรมเปิดประตูเดี๋ยวนี้เลย ฉันรู้นะว่าแกอยู่ในห้อง” วินัยกดกริ่งอย่างไม่เกรงใจ
“เพื่อนผมน่ะ” ธรรมบอกแล้วก็ลุกขึ้น
“ถ้าแกไม่เปิดประตู ฉันจะพังประตูเข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ” วินัยตะโกนบอก
“ข้าจะฆ่ามันเสีย เจ้าคนไร้มารยาท” นากพูดอย่างโมโหพลางลุกจากเตียง
ธรรมรีบคว้าแขนเรียวเสลา “อย่านะนาก นั่นเพื่อนของผมเอง เขาคงมีธุระต้องการพบผมน่ะครับ คุณรอผมอยู่ในนี้นะ เดี๋ยวผมออกไปพบเขาแป๊บเดียวนะครับ”
“ได้ เช่นนั้นข้าจะกลับไปที่นั่นก่อน” นาคีชี้ที่กรอบภาพแล้วก็เลื้อยคลานกลับเข้าไป
ธรรมเดินไปเปิดประตูห้อง “หวัดดี”
“โทรมาก็ปิดเครื่อง แกจะเอาไหมงานน่ะ” วินัยบ่นแล้วก็เดินไปนั่งที่โซฟา
ธรรมมองหน้าผู้จัดการส่วนตัวซึ่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น “เอาซิ ถ้าบทมันดีพอ ไม่ใช่บทห่วยๆแค่ตัวประกอบอย่างที่ผ่านๆมา”
“ธรรม แกจะมัวเลือกงานไม่ได้นะโว้ย ดาราสมัยนี้เดินเกร่อแทบจะชนกันตาย แกจะมัวแต่รอบทพระเอกเหมือนหนังเรื่องแรกที่แกเคยเล่นไม่ได้หรอกนะ” วินัยเตือนด้วยความเป็นห่วง “ไหนจะค่าผ่อนคอนโด ไหนจะค่าผ่อนรถ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ถ้าแกยังมัวเลือกงานอยู่แบบนี้แกได้อดตายแน่ ร้านอาหารที่แกลงทุนไว้ก็เจ๊งไม่เป็นท่า เมียก็ทิ้งเพราะแกมัวแต่จู้จี้ขี้บ่นรักสะอาดจนเขาทนไม่ได้ต้องขอหย่า”
ธรรมเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ส่งให้เพื่อน “เอ้า แก้คอแห้ง”
“ฉันพูดจริงๆนะโว้ย ถ้าแกยังทำตัวอย่างนี้แกได้อดตายแน่” วินัยรับเบียร์มาเปิดประป๋องดื่ม
“แล้วมานี่มีไร?” ธรรมรีบถามดักคอก่อนที่จะถูกบ่นไปมากกว่าเดิม
“ก็มีงานแคสตัวพระเอกน่ะซิ ฉันอยากให้แกไปแคส ถ้าแกได้งานนี้แกได้แจ้งเกิดอีกครั้งแน่” วินัยบอกพลางส่งบทละครให้
ธรรมรับมาเปิดอ่าน “นี่แกจะให้ฉันไปแคสแข่งกับพวกดาราหน้าใหม่พวกนี้น่ะเหรอ?”
“เออ” วินัยพยักหน้า “ถ้าแกไม่ได้บทนี้ แกก็เตรียมขายคอนโดขายรถแล้วก็เตรียมไปนั่งเร่เปิดท้ายขายรูปที่แกขนซื้อมาได้เลย”
ธรรมนิ่งไป ขายคอนโดกับขายรถก็พอทำใจได้ แต่ให้ขายรูปภาพล่ะก็เขาไม่ยอมเด็ดขาด “ก็ได้ ฉันจะไปแคสบทนี้”
วินัยยิ้มหน้าบาน ลุกขึ้นตบบ่าเพื่อน “ดีมากเพื่อน แกทำได้อยู่แล้ว”
ธรรมพยักหน้ายิ้มตอบ
“เออ งั้นฉันไปก่อนล่ะ แล้วก็เปิดโทรศัพท์ด้วยล่ะ” วินัยบอกแล้วก็เดินออกไป
ธรรมมองบทละครในมืออย่างมุ่งมั่น เขาเดินไปล็อคประตูห้องแล้วก็กลับเข้าไปในห้องนอน
จนกระทั่งถึงวันแคสติ้ง ธรรมไปแคสอย่างสุดความสามารถ
พอถึงวันประกาศผลวินัยก็โทรไปแจ้งผลกับเพื่อน “เสียใจด้วยว่ะธรรมแกทำดีที่สุดแล้วล่ะ แต่ดันแพ้เด็กเส้น อย่าคิดมากนะเพื่อน ยังมีบทพระรองให้ลุ้นนะ”
“เออ ขอบใจว่ะ” ธรรมตัดสายแล้วก็นั่งมองหน้านาคีอย่างผิดหวัง “ผมทำดีที่สุดแล้วครับนาก ถ้าต้องแยกจากคุณผมยอมตายเสียดีกว่า” เขายื่นมือไปจับใบหน้างาม
นากซบหน้ากับอกอุ่นปลอบใจ สองมือก็โอบรอบคำคอล่ำสันลูบเส้นผมดกหนาปลอบประโลม ใจก็คิดถึงวันที่ต้องแยกจากชายคนรักซึ่งใกล้เข้ามาแล้ว
ธรรมกอดนากไว้แน่น
“ถ้าท่านตายข้าก็ขอตายด้วย ข้ามิอาจอยู่ได้โดยไม่มีท่าน” นากบอกกับเขา “คืนเพ็ญครานี้ข้าจำต้องกลับไปแล้ว แต่ข้าไม่อยากแยกจากท่านแม้สักอึดใจเดียว ข้ารักท่านยิ่งนัก”
“ผมก็รักคุณมากครับนาก ผมอยู่ไม่ได้ถ้าขาดคุณ” ธรรมบอก “คุณไม่ต้องกลับไปได้ไหม”
“ข้าต้องกลับไปยังที่ๆข้าจากมา หากข้าไม่กลับไปร่างของข้าจะแตกดับ”
“ถ้างั้นผมก็จะไปกับคุณด้วย” ธรรมบอกอย่างมุ่งมั่น
“ท่านไปกับข้าไม่ได้ ดินแดนข้า มนุษย์ไม่อาจจะอยู่ได้ หากท่านไปได้มีหรือข้าจะไม่ให้ท่านไปด้วย” นากบอกน้ำตาไหลอย่างทรมานจิตใจ “เมื่อข้ากลับไปแล้ว ข้าก็ไม่อาจจะมาได้อีกจนกว่าจะถึงเวลาที่ทวารแห่งท้องน้ำจะเปิดอีกครั้งในอีกร้อยปีข้างหน้า เมื่อถึงเวลานั้นท่านก็...” นากไม่อาจจะพูดต่อไปได้ ความขมขื่นทรมานจิตใจเอ่อล้นแน่นในอก
“ทำไมสวรรค์จะต้องกลั่นแกล้งเราแบบนี้ด้วย ทำให้เราได้พบกันแล้วก็พรากเราจากกัน ทำไม๊!” ธรรมตะโกนอย่างอัดอั้นตันใจในโชคชะตา “ผมไม่อาจจะรักใครได้อีกแล้วนอกจากคุณ คุณคนเดียวเท่านั้นนากของผม ผมรักคุณคนเดียวเท่านั้น หากไม่ได้อยู่กับคุณผมก็ขอตายเสียดีกว่า”
“ข้าก็อยู่ไม่ได้หากขาดท่าน ข้ารักท่านยิ่งนัก” นากบอกเสียงเครือ
ธรรมน้ำตาไหลอย่างคับแค้นใจในโชคชะตาของตัวเอง “จำไว้นะนาก วันไหนที่คุณกลับไปวันนั้นคือวันตายของผม”
“เช่นนั้นข้าก็จะตายพร้อมกับท่าน” นากบอกแน่วแน่ นางไม่อาจจะรักใครได้อีกแล้ว
จากนั้นทั้งสองก็ใช้เวลาร่วมกันจวบจนถึงคืนวันเพ็ญ
“ท่านพร้อมแล้วหรือยัง” นากถาม จ้องมองดวงตายาวรีดำขลับของชายคนรัก
“ผมพร้อมแล้วนาก” ธรรมพยักหน้า กำมีดไว้แน่น
“ถ้าเช่นนั้นเราทั้งสองก็ตายพร้อมกันเถิด” นากบอกเสียงราบเรียบแฝงความหดหู่ใจ
ทั้งสองจ้องตากันไม่กระพริบ มือเรียวนุ่มทาบบนมือใหญ่กุมมือเขาไว้แน่น แล้วก็ดันมือเขาแทงสวบ! ตรงหัวใจของนางเอง พร้อมกับตัวนางก็อ้าปากกัดบนลำคอหนาปลดปล่อยพิษนาคเข้าสู่ร่างกายล่ำสัน ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างทั้งสอง
นากถอนคมเขี้ยวออกจากลำคอหนา นางผละออกจ้องมองดวงตาชายคนรัก มือเรียวนุ่มผละจากมือหนาโอบกอดร่างล่ำสันเอาไว้ ธรรมเองก็ปล่อยมือจากด้ามมีดแล้วโอบร่างอรชรไว้ในวงแขน
“ท่าน” / “นาก” ทั้งสองสบตากันอยู่อย่างนั้น
พิษนาคแผ่ซ่านจนตัวชาไร้ความรู้สึก ร่างหนากระตุกเกร็งกอดรัดร่างอรชรแน่น
ความเจ็บปวดจากคมมีดทำให้หัวใจค่อยๆหยุดเต้น ร่างบางกระตุก ส่วนหัวค่อยๆคืนสภาพจากร่างจำแลงกลับกลายเป็นนาคตามเดิมพร้อมกับลำตัวนาคก็พันรัดร่างหนาไว้แน่นหนาเหมือนงูเหลือมรัดเหยื่อ
ธรรมกระตุกเกร็งครั้งสุดท้ายพร้อมกับความตายที่เอื้อมมือเข้ามา ส่วนนากก็สิ้นใจพร้อมๆกับชายคนรัก แล้วร่างนาคก็สลายไปเหลือเพียงร่างของชายหนุ่มล้มลงฟาดพื้นห้อง มีดตกกระเด็นห่างออกไป
3 วันต่อมา วินัยรู้สึกสังหรณ์ใจพิกล เขาไปที่คอนโดของเพื่อนรัก
“ธรรม เปิดประตูหน่อย เดี๋ยวนี้แกเป็นไรว่ะเอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องอยู่ได้”
วินัยกดกริ่งอยู่นาน แต่เพื่อนก็ไม่มาเปิดประตู
“มันเป็นไรป่าวว่ะ?” เขาบ่นพึมพำ ความรู้สึกเย็นๆจนขนหัวลุกเกาะแน่นอย่างแปลกประหลาด จนต้องขอกุญแจจากเจ้าหน้าที่ดูแลคอนโดให้เปิดห้องให้
“ขอบคุณครับ” วินัยบอกกับเจ้าหน้าที่สาว
“ไม่เป็นไรค่ะ” เจ้าหน้าที่สาวยิ้มหวานให้ตามมารยาทแล้วก็เดินไปที่ลิฟท์
วินัยเปิดประตูเข้าไป “ธรรม”
เงียบ...ไร้ซึ่งเสียงใดๆ
“ธรรม ธรรมโว้ย” เขาเรียกอีกพลางเดินไปเปิดประตูห้องนอน ประตูไม่ได้ล๊อคเขาจึงเปิดเข้าไป “ไอ้ธรรม แกจะอุดอู้อยู่ในนี้อีกนานแค่ไหนวะ?”
แต่พอสายตากระทบกับร่างบนพื้นห้องเขาก็ตกใจ “เฮ้ย!”
“ไอ้ธรรม!” ร่างสูงพุ่งพรวดเข้าไปหาเพื่อนที่นอนอยู่บนพื้นทันที เขาพลิกร่างซึ่งตะแคงอยู่ขึ้นมา ความเย็นของร่างนั้นทำให้เขาสะดุ้งเผลอปล่อยมือ ร่างแข็งทื่อหนักอึ้งเลื่อนลงไปกระทบพื้นตามเดิม “ไอ้...” เขาช็อคไป
“ไอ้ธรรม!” เขาตะโกนลั่นแล้วก็วิ่งออกไปนอกห้อง “ช่วยด้วย!”
เจ้าหน้าที่สาวยืนรอลิฟท์อยู่ได้ยินเสียงร้อง “เอ๊ะ! มีอะไร?” เธอเดินไปดูก็เจอกับวินัยที่วิ่งพรวดพราดออกมา
“ช่วยด้วย!”
“มีอะไรคะคุณ? เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
“ช่วยด้วยครับ! ช่วยเพื่อนผมด้วย” วินัยจับแขนเจ้าหน้าที่ไว้แน่น หน้าตาตื่น
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?” เจ้าหน้าที่ถามอย่างสงสัย
“เพื่อนผมตายแล้วๆ” วินัยบอกอย่างสติแตก