3 ครุฑ 3
ติดตามข่าวสารและพูดคุยกับไรเตอร์ได้ทางเพจ readfree.in ค่ะ
https://www.facebook.com/readfree.in/
และทางเว็บไซต์ www.readfree.in ค่ะ
ขอบคุณรีดเดอร์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ
Chapter 3 ครุฑ
เธอถือรูปไปยืนข้างหน้าต่าง แสงจันทร์สาดส่องโดนรูปในมือ ฉับพลัน! ภาพก็ขยายใหญ่ขึ้น ภายในห้องกลับกลายเป็นทุ่งหญ้าสีทองแปลกตา เสียงกระพือปีกดังขึ้นเบื้องบน
“มนุษย์นี่น่า”
ชาลินีแหงนหน้ามอง ก็เห็นครุฑบินอยู่เหนือหัว พลันครุฑอีกตนก็บินมาสมทบ “มนุษย์หลงเข้ามางั้นรึ”
ครุฑตนแรกพยักหน้า “ใช่ๆนางคงหลงเข้ามา”
ครุฑตนที่ 2 มองมนุษย์ตาวาว “ข้ากำลังหิวพอดี มนุษย์ผู้หญิงข้ายิ่งชอบ เนื้อหวานอร่อยนัก”
“เช่นนั้นจะรอช้าอยู่ใยเล่า เจ้ากับข้าแบ่งกันครึ่งนึง” ครุฑตนแรกบอก มองเหยื่ออย่างจดจ้อง
ชาลินีมองครุฑทั้ง 2 ตนอย่างหลงใหล “งามเหลือเกิน ขอให้ฉันได้มองคุณทั้งสองใกล้ๆหน่อยเถอะ”
ครุฑทั้งสองสบตากันแล้วก็หุบปีกร่อนลงข้างๆมนุษย์สาว “เจ้าอยากดูพวกข้าใกล้ๆงั้นรึ”
ชาลินีพยักหน้า “ค่ะ คุณช่างหล่อเหลามาก” เธอเอื้อมมือไปลูบแก้มครุฑตนที่อยู่ใกล้ที่สุด “แม้จะไม่หล่อเท่าคนที่มีปีกสีทอง แต่คุณก็หล่อยิ่งกว่าดาราซะอีก”
“ปีกสีทอง!” ครุฑทั้ง 2 ตะลึง! “นี่เจ้าเห็นท่านพญาครุฑงั้นรึ?”
ชาลินีพยักหน้า
“ท่านอยู่ที่ไหน?” ครุฑตนที่ 2 รีบซัก
ชาลินีส่ายหน้า “ไม่รู้ค่ะ ฉันก็อยากเห็นเขาอีกครั้ง แต่เขาก็บินหนีฉันไปแล้ว ฮือๆๆๆๆๆ...” เธอร้องไห้
“เจ้าเห็นท่านไปทางไหนหรือ?” ครุฑตนแรกถาม
ชาลินีชี้ไปทางยอดเขาลิบๆ “ทางนั้นค่ะ ฉันเห็นเขาไปทางนั้น คุณพาฉันไปหาเขาได้ไหมคะ ฉันอยากพบเขาอีกซักครั้ง”
ครุฑตนที่ 2 มองหัวจรดเท้า “ขนาดท่านพญาครุฑยังเมินหนีเจ้า เช่นนั้นก็หมายความว่าท่านไม่ต้องการพบเจ้าอีก เจ้าจงรีบกลับไปเสียเถอะ ก่อนที่จะกลับไปไม่ได้”
“ข้าว่าพวกเรารีบตามท่านพญาครุฑไปเถอะ” ครุฑตนแรกบอก
ครุฑตนที่ 2 พยักหน้าแล้วก็กางปีกบินขึ้นฟ้า ครุฑตนแรกรีบบินตามไป
“เดี๋ยวซิ พาฉันไปด้วย ได้โปรด” ชาลินีรีบวิ่งตามไป
ครุฑหาได้สนใจมนุษย์ พากันบินลิ่วไปยังยอดเขาเพื่อตามหาพญาครุฑ
ชาลินีวิ่งไปได้หน่อยก็สะดุดกับบางสิ่งล้มลง “โอ๊ย!”
พลัน! สิ่งที่เธอสะดุดล้มก็ชูหัวขึ้นมา มันคืองูขนาดเท่าต้นมะพร้าว
ชาลินีตะลึงตกใจ “ง...” ยังไม่ทันจะเปล่งเสียงออกมา งูก็อ้าปากกว้างฉกลงมาอย่างรวดเร็วแล้วก็เขมือบมนุษย์กลืนกินภายในคราเดียว
เช้าตรู่ สมใจเรียกลูกสาวอยู่หน้าห้อง “นังนีๆๆ ตื่นรึยังว่ะ แม่จะไปตลาดเอ็งจะกินอะไรแม่จะได้ซื้อมาฝาก”
เงียบ...ไร้เสียงใดๆ สมใจจับลูกบิดหมุนเปิดห้องเข้าไปดู “นังนี! แม่เรียกไม่ได้ยินรึไงห๊ะ”
ภายในห้องว่างเปล่าไม่มีใครอยู่เลย “อ้าว...มันไปไหนแล้วล่ะนังลูกคนนี้นี่นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป”
เธอจะเดินออก พลัน! ก็เห็นรูปภาพอยู่บนพื้น “แล้วนี่รูปอะไรล่ะเนี่ย? ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะ?”
เธอหยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นภาพทุ่งหญ้าสีทองสวยงาม เธอมองอย่างไม่ใส่ใจแล้วก็วางไว้บนโต๊ะจากนั้นก็ออกไปตลาด
เวลาผ่านไปล่วงเข้าช่วงบ่าย จอร์จโทรไปที่ร้านดรีมแกลอรี่
ราตรีรับโทรศัพท์ “สวัสดีค่ะ ดรีมแกลอรี่ค่ะ”
“ฮาโหล ขอพูดกับเจ้าของร้านหน่อยครับ” จอร์จบอกอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก
“ใครต้องการจะพูดด้วยคะ? ดิฉันจะได้เรียนท่านให้ทราบค่ะ” ราตรีถาม
“ผมชื่อจอร์จครับ”
“รอซักครู่ค่ะ” ราตรีบอกแล้วก็กดพักสายไว้ จากนั้นก็เดินไปบอกเจ้านาย “ท่านคะ คุณจอร์จโทรมาค่ะ”
นิมิตรากำลังจิบชาพยักหน้าวางแก้วลง “ขอบใจจ้ะ”
ราตรีเดินออกไป
นิมิตราเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์ “สวัสดีค่ะ ดิฉันนิมิตราพูดค่ะ”
“เอ่อ...” จอร์จอ้ำอึ้งไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงดี
“มีอะไรหรือคะคุณจอร์จ? หรือว่าต้องการจะเข้ามาชมรูปภาพที่ร้านอีกก็เชิญนะคะ” นิมิตราพูดเสียงหวานไพเราะ
“เอ่อ...” จอร์จอ้ำอึ้ง “คือว่า...เรื่องรูปที่เช่ามาน่ะครับ”
“อ๋อค่ะ ดิฉันได้รับคืนแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะที่ดูแลรักษารูปเป็นอย่างดีค่ะ” นิมิตราบอกพร้อมกับมองไปที่ผนังตรงข้ามโต๊ะรับแขก ภาพครุฑสีทองงดงามแขวนอยู่ ณ ตรงนั้น
“ห๊ะ!” จอร์จตกใจ “อะไรนะครับ!”
“ขอบคุณค่ะที่ดูแลรักษารูปเป็นอย่างดีค่ะ ว่างๆก็เชิญแวะมาที่ร้านอีกนะคะ สวัสดีค่ะ” นิมิตราพูดแล้วก็วางสาย
“เดี๋ยวครับ! คุณว่าอะไรนะครับ” จอร์จถาม ได้ยินเสียงตัดสายดังตู๊ดๆ เขางงหนักมาก พอตั้งสติได้เขาก็รีบไปที่ร้านดรีมแกลอรี่
นิมิตราพูดพลางยกแก้วชาขึ้น “เตรียมรับแขกด้วยนะราตรี”
“ค่ะท่าน” เสียงราตรีรับคำดังเข้ามา
นิมิตรายิ้มแล้วก็จิบน้ำชาต่อ
เกือบชั่วโมง จอร์จก็ไปถึงร้านดรีมแกลอรี่ ประตูเปิดออกทันทีที่จอร์จก้าวเท้าผ่านซุ้มไม้เลื้อยหน้าร้าน
“เชิญค่ะ” ราตรียืนต้อนรับอยู่ข้างประตู
จอร์จก้าวพรวดเข้าไป “ขอบคุณครับ” เขาพูดติดปากตามมารยาท
“เชิญนั่งรอซักครู่ค่ะ เดี๋ยวท่านก็ออกมาค่ะ” ราตรีบอกพร้อมกับเสิร์ฟน้ำชาให้
จอร์จนั่งรอที่โซฟา กลิ่นน้ำชาหอมฟุ้งชวนให้ลิ้มลอง เขายกแก้วชาขึ้นจิบ เพียงจิบแรกความหอมของชาก็ฟุ้งไปทั้งปาก เขาดื่มชาจนหมดแก้วอย่างไม่รู้ตัว
นิมิตราเดินออกมาจากห้องด้านใน “สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ” จอร์จวางแก้วลงแล้วก็ยืนขึ้น “คือเรื่องรูปน่ะครับผมไม่เข้าใจที่คุณพูดเลยครับ”
นิมิตรายิ้มหวาน “ขอบคุณค่ะที่ดูแลรูปเป็นอย่างดีค่ะ”
“หมายความว่ายังไงครับ คือว่ารูปถูกขโมยไปน่ะครับ คุณต้องการเรียกค่ารูปบานนั้นเท่าไหร่ก็บอกมาเลยครับ คุณพ่อผมยินดีที่จะจ่ายให้คุณเต็มที่ครับ” จอร์จรีบพูดรัวอย่างใจร้อน
“ดิฉันได้รับรูปคืนมาแล้วค่ะ” นิมิตราบอกพร้อมรอยยิ้ม
“อะไรนะครับ! ได้รูปคืนแล้ว เป็นไปได้ยังไงครับ ก็ในเมื่อยัยนั่นขโมยรูปไป” จอร์จงง
“เชิญด้านในดีกว่าค่ะ” นิมิตราบอกแล้วก็เดินนำเข้าไปด้านใน
จอร์จรีบเดินตามไป “เดี๋ยวซิครับ”
นิมิตราเดินนำไปจนถึงห้องเดิมที่จอร์จเคยเข้าไป
จอร์จตามไปอย่างงงๆ แต่พอมองไปที่กลางห้องเขาก็ตะลึง! “รูปนี้มาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย!”
“ทางเราได้รับคืนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอบคุณค่ะที่ดูแลภาพเป็นอย่างดี” นิมิตราบอกเสียงหวานพร้อมกับยิ้มให้
จอร์จมองรูปอย่างงงๆแล้วก็หันไปมองเจ้าของร้านสาวสวยอย่างงงๆ
“เชิญค่ะ” นิมิตราผายมือไปทางประตู
จอร์จเดินออกจากห้องไปอย่างงงๆ
นิมิตราปิดประตูตามหลัง เสียงกระพือปีกดังแว่วลอดออกมา เธอยิ้มเย็นพร้อมกับประตูปิดลง จากนั้นเธอก็เดินนำจอร์จกลับไปที่ห้องรับแขก
ราตรียืนรออยู่ “อีกซักครู่ท่านต้องไปตามนัดนะคะ”
นิมิตราพยักหน้า “ขอบใจจ้ะ” แล้วเธอก็หันไปพูดกับจอร์จว่า “ถ้างั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
จอร์จพยักหน้าอย่างงงๆ “ครับ”
นิมิตราหันไปพูดกับราตรีว่า “ดูแลแขกด้วยนะ”
“ค่ะท่าน” ราตรีรับคำ
นิมิตราเดินกลับเข้าไปด้านใน
จอร์จมองตามอย่างงุนงงพร้อมกับโล่งใจที่ไม่ต้องจ่ายค่ารูปแล้ว เขามองราตรีแล้วก็พูดว่า “ผมกลับเลยล่ะกัน”
“เชิญค่ะ” ราตรีเดินไปเปิดประตูหน้าร้าน
จอร์จรีบเดินออกจากร้านด้วยความโล่งใจ แล้วรีบกลับบ้านทันที
3 วันต่อมา สมใจก็โทรหาลูกเขยอย่างร้อนใจเพราะติดต่อกับลูกสาวไม่ได้ “คุณชัย นังนีมันอยู่ไหนคะ? แม่โทรหา มันก็ปิดเครื่อง”
“ผมไม่รู้ครับคุณแม่ เขาออกจากบ้านไป 3 วันแล้วครับ โทรศัพท์ก็ลืมไว้ที่บ้านแล้วเผอิญผมทำโทรศัพท์เขาแตกครับ” สุรชัยตอบตามจริง
“อ้าว...นี่มันไม่ได้กลับบ้านเหรอคะ? ตายจริง แล้วมันไปไหนล่ะคะ? มันมาหาแม่แล้วมันก็ไป แม่ก็คิดว่ามันกลับบ้านไปแล้วซะอีก ปกติมันจะโทรหาแม่ทุกวัน แต่มันไม่โทรมาหาแม่ตั้งหลายวันแล้ว แม่ก็เลยโทรมาหาคุณนี่แหละค่ะ” สมใจยิ่งร้อนใจหนัก “เดี๋ยวแม่ไปหาคุณที่บ้านนะคะ แปลกจังนังนีมันหายไปแบบนี้น่ะค่ะ”
“ครับ ผมจะรอนะครับ” สุรชัยบอกแล้วก็ตัดสาย “คงจะไปเสพสุขกับไอ้ชู้แน่ๆ” เขาขบฟันอย่างแค้นใจ
จอร์จเดินลงมาข้างล่างเห็นพ่อนั่งอยู่ที่โซฟาก็บอกว่า “คุณพ่อครับ วันนี้ผมออกไปดูหนังกับเพื่อนนะครับ”
สุรชัยพยักหน้า “ไปเถอะ แล้วจะกลับกี่โมงล่ะ?”
“คงค่ำๆครับคุณพ่อ” จอร์จบอกแล้วก็โบกมือให้ “บายครับ”
สุรชัยโบกมือตอบพร้อมกับยิ้มให้ลูกชาย เขารู้สึกว่าตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นดูเหมือนเขากับลูกจะพูดคุยกันดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เขาเดินไปดูรูปของลูกที่ตั้งโชว์ในตู้กระจกพลางคิดถึงอดีตก่อนที่เขาจะแต่งงานใหม่กับชาลินี
เขายืนดูรูปต่างๆอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งได้ยินเสียงเรียก
“คุณชัย”
เขาหันไปมองก็พบว่าเป็นแม่ยาย “สวัสดีครับคุณแม่” เขาไหว้ด้วยสีหน้าเรียบขึง
“สวัสดีค่ะ” สมใจรับไหว้แล้วก็เดินไปนั่งที่โซฟาอย่างคุ้นเคย “นี่นังนีมันไม่กลับบ้านเลยเหรอคะ?”
“ครับคุณแม่” สุรชัยพยักหน้าตอบแล้วก็เดินไปนั่งตรงข้ามกับแม่ยาย
จากนั้นทั้งสองคนก็ซักถามกันไปมา โดยที่สุรชัยพยายามเก็บงำเรื่องชู้ของเมียเอาไว้ไม่บอกให้แม่ยายรู้ว่าเขารู้เรื่องที่เมียมีชู้แล้ว
“มันหายไปไหนของมันนะ? บ้านช่องมันก็ไม่กลับ” สมใจบ่นอย่างเป็นกังวล
“ผมว่าคุณแม่ลองโทรถามเพื่อนๆของเขาดูซิครับ บางทีเขาอาจจะไปอยู่บ้านเพื่อนคนไหนมั้งครับ” สุรชัยแนะ
“ค่ะๆ” สมใจรีบโทรทันที
แต่ไม่ว่าจะโทรหาใครก็ไม่ได้ข่าวของชาลินีเลยซักคน
สมใจวางสายอย่างกังวล “ไม่เจอเลยค่ะ”
“ถ้างั้นคงต้องแจ้งความให้ตำรวจช่วยหาแล้วล่ะครับ” สุรชัยบอก
“ค่ะๆ” สมใจเห็นด้วย จิตใจร้อนรุ่มเป็นกังวลด้วยความเป็นห่วงลูก
สุรชัยโทรแจ้งความคนหายกับตำรวจ จากนั้นตำรวจก็เข้ามาสอบปากคำตามหน้าที่ สุรชัยก็ให้ปากคำไปตามความจริง พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกในการให้ตำรวจดูภาพจากกล้องวงจรปิดด้วย หลังจากตำรวจสอบปากคำแล้วก็ตามไปสอบปากคำสมใจซึ่งเป็นแม่ของชาลินี สมใจก็ให้ปากคำไปตามความจริง ด้วยความเป็นกังวลที่จู่ๆลูกสาวก็หายตัวไป หลังจากสอบปากคำเสร็จตำรวจก็ไปสอบปากคำเพื่อนๆของชาลินีอีก แต่ก็ไม่ได้ความคืบหน้าอะไร นักข่าวพอรู้ข่าวคุณนายของเสี่ยสุรชัยหายตัวไป ก็เป็นข่าวอยู่สองสามวัน จากนั้นข่าวก็เงียบหายไป
ข่าวซุบซิบวงในก็ลือกันว่า บางทีชาลินีอาจจะหนีตามชายชู้ไปก็เป็นได้ หรือไม่ก็ถูกโจรจับไปเรียกค่าไถ่มั้ง
หลังจากข่าวจางลงไป สุรชัยก็ตามช่างมาเปิดตู้เซฟของภรรยาสาว เขาจัดแจงย้ายทรัพย์สินทั้งหมดของภรรยาสาวไปเก็บไว้ในตู้เซฟหลังใหม่ แล้วให้ร้านเครื่องเพชรที่เคยซื้อให้ภรรยามารับซื้อเครื่องเพชรคืนไปอย่างไม่ต้องการเห็นมันอีก เสื้อผ้า ของใช้ของภรรยาสาวเขาก็ให้คนรับใช้ขนไปทิ้ง บรรดาคนรับใช้ก็เก็บเสื้อผ้าของคุณผู้หญิงเอาไปเป็นของตัวเอง บ้างก็เอาไปขายมือสอง ก็เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ล้วนเป็นของแบรนด์เนมทั้งนั้น ขนาดเอาไปขายมือสองยังได้เป็นพัน
คนรับใช้ก็แอบซุบซิบกันว่า “หรือว่าคุณผู้ชายรู้เรื่องที่คุณผู้หญิงมีชู้แล้ววะ?”
“หู๊ย อีหรอบนี้ กูว่ารู้แล้วชัวร์”
“กูว่าแล้ว”
“สาธุ ครั้งหน้าขอคนดีๆมาเป็นคุณผู้หญิงนะเจ้าคะท่านเจ้าที่เจ้าขา แว๊ดๆๆๆ แบบคนนี้ไม่เอานะเจ้าคะ”
“กูว่า คุณผู้ชายคงจะเข็ดไปอีกนานว่ะ”
“โท๊! ขอให้เข็ดจริงๆ เถอะป้า”
“แต่กูว่า ตั้งแต่คุณผู้หญิงหายไป ดูคุณผู้ชายกะคุณชายเขาคุยกันดีนะ”
“เอ้า หายไปไหนกันหมดล่ะ? ใครก็ได้ เอาน้ำแตงโมมาแก้วซิ ร้อนจะตายแล้ว” เสียงเรียกของจอร์จดังแว่วมา ทำให้คนรับใช้วงแตกทันที ต่างคนต่างรีบลุกไปทำงานของตัวเองกันอย่างว่องไว