ห้ามรัก - 5
"ฉันเคยบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าหนูอิมเมจไม่ใช่ลูกชู้ฉัน พ่อแม่เธอเป็นคนดี ดีกว่าใครบางคนที่แกบูชาอยู่หลายร้อยเท่า!"
ฉันเสียใจที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้บ้านลุกเป็นไฟอีกแล้ว นานเท่าไหร่แล้วนะที่เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้น คงตั้งแต่หลังจากที่ฉันเข้ามาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ นั่นแหละ
"พ่อไม่เคยรักแม่เลยสินะ"
น้ำเสียงที่เขาเปล่งออกมาถามพ่อตัวเองมันช่างน่าสงสารและดูเจ็บปวด
"ถ้าฉันไม่รักแม่แก ฉันคงไม่มีแกในวันนี้"
"พ่อก็เก่งแต่สร้างภาพว่าเป็นคนดีรักลูกรักเมียต่อหน้า... คนของพ่อ"
"เอาที่แกสบายใจเลยอินทรี ฉันคงเป็นสามีที่แย่และพ่อที่เลวอย่างที่แม่แกอยากให้เป็นสมใจแล้วละ"
"อ๊ะ! เดี๋ยวสิคะ" อยากจะรั้งอีกคนไว้เพื่อให้พวกเขาค่อย ๆ คุยกันแต่ไม่ทัน ลุงธนากรเดินออกไปจากห้องนี้ด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด
"สะใจเธอแล้วสิ นี่คงเป็นหนึ่งในแผนการปั่นหัวให้ฉันเลวในสายตาพ่อตัวเองสินะ"
"ไม่ใช่"
"เลิกเสแสร้งแล้วก็ออกไปจากชีวิตพวกฉันสักที!"
ปึง! ฉันถูกร่างสูงลากออกจากห้องเขาตามมาด้วยประตูที่ถูกปิดกระแทกใส่หน้าจนเกิดเสียงดังสนั่น ยืนมองประตูห้องเงียบ ๆ นานสองนาน
ฉันอยากเคาะประตูแล้วคุยกับเฮียอินทรี อยากขอโทษเขาที่เป็นตัวต้นเหตุเรื่องวันนี้ แต่รู้ว่าน้ำกำลังเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง เพราะมันจะยิ่งทำร้ายทั้งเขาและตัวฉันเอง
"อิมขอโทษนะคะ" ได้แต่เอื้อนเอ่ยเสียงออกไปอย่างแผ่วเบา
เดินออกมาจากตรงนั้นเพื่อทบทวนเรื่องที่เขาขอฉันมาตลอดสิบปี
"บอกเหตุผลฉันหน่อยสิ ทำไมเด็กที่ตั้งใจเรียนแบบเธอถึงได้ไม่มีสมุดเลคเชอร์ติดมาด้วยในคาบนี้!?" เสียงอาจารย์วิชญาถามขึ้นตอนที่เดินตรวจสมุดเลคเชอร์ที่ท่านสั่งให้นำมาเข้าคลาสวันนี้ "หนูทำหายค่ะ" ตอบแบบไม่กล้าสู้หน้าท่าน
"คนเรียบร้อยแบบเธอไม่น่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเลยนะ"
อาจารย์วัยสี่สิบต้น ๆ ขยับขาแว่นตาแล้วมองมาที่ฉันอย่างจับผิด
"แต่กฎก็ต้องเป็นไปตามกฎ วันนี้เธอถูกหักหนึ่งคะแนน"
"ค่ะ" ก้มหน้ายอมรับบทลงโทษ
"เอาละนักศึกษา อีกสองสัปดาห์ก็จะเริ่มสอบเก็บคะแนนกันแล้ว หวังว่าพวกเธอจะใช้สมุดอันมีค่านั้นให้เกิดประโยชน์ที่สุด ส่วนใครที่ไม่มีสมุดเลคเชอร์ตั้งแต่เริ่มเรียนถ้าเพื่อน ๆ คนไหนใจดีก็แบ่งปันกันต่อ ๆ แล้วกัน" เหมือนถูกอาจารย์วิชญาตำหนิ
"อิม อิม!" หมี่ลี่ที่นั่งถัดฉันไปหนึ่งช่วงแขนเรียกชื่อฉันเสียงเบาจนเกือบไม่ได้ยิน
"แกทำหายจริงดิ" เธอยกสมุดของตัวเองประกอบคำถามเพราะตอนนี้ห้องเงียบมากจนไม่กล้าคุยกันเสียงดัง "อือ" พยักหน้าตอบเพื่อนจนอีกคนทำหน้าไม่เชื่อ
อาการเดียวกับอาจารบ์วิชญาเป๊ะเลย
"จบคลาสต้องเล่านะ" หมี่ลี่ขยับปากพอให้ฉันอ่านได้ว่าเธอพูดอะไร ฉันจึงทำได้แค่พยักหน้าว่าจะเล่าให้เธอฟัง
"แกเป็นคนเจ้าระเบียบนะอิม ทำไมของสำคัญแบบนั้นถึงได้ทำหายได้" ทันทีที่เลิกคลาสเพื่อนสนิทที่มีเพียงหนึ่งเดียวก็ถามคำถามที่ค้างคาออกมาทันที
"คนเราก็มีพลาดกันได้" ฉันตอบแบบขอไปทีก่อนจะเดินนำหน้าเธอไปที่โรงอาหาร "คนอื่นพลาดน่ะไม่น่าแปลก แต่คนอย่างอินทิราพลาดนี่แปลกมาก!"
เธอวิ่งมาดักหน้าฉันไว้ "มีอะไรอยากเล่าไหม" เพื่อนที่เข้าใจฉันทุกอย่างแม้ไม่พูดออกมาถามขึ้น ฉันได้แต่หลบสายตาเธอเพราะไม่อยากเล่าเรื่องเมื่อเช้าให้เธอฟัง
"เอาเถอะ คนอย่างแกคั้นให้ตายถ้าไม่อยากเล่าก็คือไม่เล่า"
สมกับที่เป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิท รู้ใจฉันไปหมดทุกอย่าง
"วันนี้แกดูเหม่อ ๆ นะ" พอจบเรื่องหนึ่งเธอก็ถามเรื่องใหม่ขึ้นมา
"คงเครียดที่ถูกหักคะแนนนั่นแหละ"
"ไม่ใช่ ฉันเห็นเธอนั่งเหม่อทั้งคาบเรียนเลย"
หมี่ลี่จอมจับผิดเริ่มจ้องลึกเข้ามานัยน์ตาฉัน
"ไม่มีอะไรจริง ๆ" รีบปฏิเสธแล้วเดินนำเธอไปทางโรงอาหารของคณะ
"น้องอิมเมจ!" เสียงคุ้นหูตะโกนเรียกมาจากอีกฝั่งของทางเดิน
พอมองตามต้นตอของเสียงจึงเห็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง สวมชุดกีฬาสีสดใสที่หน้าผากคาดผ้าสีฟ้าเป็นสีของทีมบาสที่เขาเล่น
"กรี๊ดดดด พี่พอร์ชสุดหล่อมา" ระริกระรี้เชียวนะเพื่อนฉัน
ไอ้อาการจับผิดฉันเมื่อกี้หายไปไหนหมด ยัยหมี่ลี่เอ๊ย!
"เพิ่งลงสนามมาเหรอคะ" ฉันถามผู้ชายที่ผิวขาวกว่าผู้หญิงอย่างฉันซะอีก
"ครับ พี่เพิ่งวอร์มร่างกายเสร็จเลยคิดอะไรออกพอดี"
ฉันจ้องหน้าคนที่ยืนตรงหน้าเพราะเขาฉีกยิ้มหวานมาให้จนเห็นลักยิ้มบุ๋ม ๆ
"ช่วงบ่ายพี่มีลงแข่งเลือกตัวนักกีฬามหาลัย อิมมีเรียนไหม พี่อยากให้เราไปดู"
"ไม่มีค่ะ บ่ายนี้เราว่างทั้งคลาสเลย"
ไม่ใช่เสียงฉันหรอก แต่เป็นคุณหนูหมี่ลี่ที่รีบบอกออกไปด้วยใบหน้าบาน
"งั้นดีเลยค่ะ พี่อยากให้อิมไปดูนะ"
"ลี่ขอไปด้วยคนนะคะ"
"ได้สิครับ ไปกันทั้งคู่เลย"
"เย่! งั้นเรารีบไปกินข้าวเที่ยงแล้วไปตุนขนมกันดีกว่า พี่พอร์ชอยากได้อะไรไหมคะ เดี๋ยวพวกเราซื้อไปเผื่อ" แหมเพื่อนฉัน เจอคนที่แอบปลื้มทีไรลืมเพื่อนคนนี้เลยจริง ๆ
"ไอ้พอร์ช จารย์เรียกแล้วมึง" เสียงเพื่อนพี่พอร์ชตะโกนเรียกอยู่อีกฝั่งของอาคาร
"พี่ต้องไปแล้ว อย่าลืมนะคะ บ่ายโมงเจอกัน"
รอยยิ้มแสนหวานที่ไม่คิดว่าผู้ชายจะยิ้มได้หวานขนาดนี้ผุดขึ้น
"เช็ดน้ำลายหน่อยยัยหมี" กระแซะเพื่อนจนเธอเซเล็กน้อยแล้วมองขวางใส่
"หมีเหมอที่ไหนจะหุ่นเพอร์เฟกต์ขนาดนี้ยะ!"
หมี่ลี่โพสท่านางแบบให้ฉันดูประกอบคำพูด
เธอสวย เธอสูงยาวเข่าดี แต่ฉันชอบแกล้งเรียกเธอหมีเวลาที่หมั่นไส้นาง
"ไปกินข้าวกันอิมหิวแล้ว" รีบลากเพื่อนรักมาทางโรงอาหาร
"ยัยอิม นี่แกหิวขนาดนั้นเลยเหรอยะ" แค่ลากให้เดินไว ๆ ออกจากพื้นที่ตรงนี้เพราะเรากำลังเป็นเป้าสายตาทำไมต้องโวยวายด้วยเนี่ย!