ห้ามรัก - 6
"สรุปแกหรือฉันที่หิว?" แขวะอีกคนที่ก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานจนพร่องไปครึ่งหนึ่งเพียงเวลาไม่กี่นาที
"ใช้พลังงานเยอะ" ดูสิน่าเกลียด พูดทั้ง ๆ ที่มีข้าวอยู่ในปาก
"กลืนก่อนค่อยตอบก็ได้" ส่ายหน้าไปมาเบา ๆ พร้อมกับหยิบแก้วน้ำยื่นให้เพื่อนที่ท่าทางเหมือนข้าวจะติดคอ
"ว่าแต่แกเถอะ รีบลากฉันมาโรงอาหารไม่เห็นจะแตะข้าวในจานสักคำ"
พอปากว่างก็เริ่มจะพูดนู่นพูดนี่แล้วเพื่อนฉัน "ไม่ได้ลากมาเพราะหิว"
"อ้าว! แล้วแกรีบลากฉันมาเพราะอะไร?"
หมี่ลี่เริ่มเช็ดมือเช็ดปาก ชันศอกตั้งกับพื้นโต๊ะค้ำคางจ้องหน้าฉัน
"แกไม่สังเกตเหรอตอนที่พี่พอร์ชอยู่" เริ่มจากการถามเพื่อนตัวดีผู้ไม่รู้อะไรรอบข้างสักอย่าง "ทำไมเหรอ ตอนพี่พอร์ชมาเขาใส่กางเกงผิดด้านหรือว่าใส่รองเท้าผิดสี"
"ไม่ตลกนะลี่" กลอกตามองบนเมื่อเพื่อนรักเล่นไม่เข้าท่า
"อ้าว! ก็คนมันมองแต่หน้าหล่อ ๆ ของพี่พอร์ชไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างนี่หว่า"
หมี่ลี่ทำหน้าเคลิบเคลิ้มเหมือนกำลังอยู่ในห้วงความรัก
"สักวันแกจะซวยเพราะมองแต่หน้าพี่เขานี่แหละ" รีบเตือนเพื่อนรักทันที
"ทำไมวะ ตอนที่เราคุยกับพี่พอร์ชมันทำไมเหรอ" หมี่ลี่เริ่มจริงจังเมื่อเห็นว่าฉันไม่เล่นด้วย "แกไม่เห็นกลุ่มพี่ตาลเหรอ?"
ก้มหน้าเข้าไปใกล้อีกคนที่นั่งตรงข้าม กระซิบถามเสียงเบา ๆ เพราะกลัวจะมีคนได้ยิน "พวกพี่ตาล? อ้อ พี่ตาลปีสามที่เขาลือกันว่ากำลังตามจีบพี่พอร์ชอยู่อะนะ!?"
"เบา ๆ สิยัยลี่!" รีบตะครุบปากอีกคนที่ส่งเสียงดังออกมา
มองไปรอบ ๆ โรงอาหารเริ่มมีคนสนใจโต๊ะที่เรานั่งอยู่ส่วนหนึ่งแล้ว
"อี๋ มือแกเค็ม ไปล้วงอะไรมาหรือเปล่าเนี่ย!"
แล้วดูพูดเข้า มันน่า... "นี่แหนะ!"
"โอ๊ย! ยัยอิมเมจใจร้าย!"
หมี่ลี่ลูบแขนตัวเองป้อย ๆ เมื่อถูกฉันหยิกเข้าให้ที่พูดจาน่าเกลียดกับฉัน
"แกต้องระวังตัวกว่านี้นะลี่"
"เรื่องไรอะ" ปากสีส้มด้วยลิปสติกเนื้อดีขยับถาม ท่าทางไม่ได้ทุกข์ร้อนกับสิ่งที่ฉันกำลังจะเตือนเลย
"ก็เรื่องพี่พอร์ชไง ฉันรู้ว่าพี่เขาหล่อและแกก็ปลื้มคนหล่อ ไม่ได้คิดอะไรนอกจากมองว่าพี่เขาหล่อ"
"แกก็เข้าใจถูกแล้วนี่" อีกคนรีบพูดแทรกขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ฉันยังพูดไม่จบ
"ฉันเข้าใจว่าแกแค่ปลื้มพี่พอร์ช แต่คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจแบบฉันไง"
"ก็ช่างหัวคนอื่นสิ ฉันไม่สนความคิดคนอื่นหรอก ยิ่งเก็บมาใส่ใจยิ่งปวดหัวเปล่า ๆ"
นิสัยหมี่ลี่ก็แบบนี้แหละ...
ไม่เคยกลัวหรือแคร์ใครถ้าหากสิ่งที่ตัวเองคิดว่าทำแล้วไม่ผิดหรือทำใครเดือดร้อน "ที่เตือนเพราะฉันรักแก"
"ขอบใจมากเพื่อนเลิฟ"
เฮ้อ... ได้แต่ถอนหายใจให้กับความมั่นของเพื่อนตรงหน้า
"แกรีบ ๆ กินเลยข้าวน่ะ นี่เที่ยงครึ่งแล้วเดี๋ยวไปดูพี่พอร์ชคัดตัวไม่ทัน"
หายใจเข้า หายใจออก มีแต่ผู้เชียวนะ
"อีกตั้งครึ่งชั่วโมงแกจะรีบไปไหน" ปากพูด มือก็เขี่ย ๆ ข้าวในจานเล่นอย่างไร้มารยาท "กว่าจะไปซื้อขนม ซื้อน้ำ ซื้อของโปรดไปฝากพี่เขาก็ปาไปกี่นาทีแล้ว"
ท่าทางจริงจังของเพื่อนทำฉันส่ายหน้าไปมาเบา ๆ
"งั้นก็อันเชิญคุณหมี่ลี่ไปร้านค้าได้แล้วค่ะ" รู้สึกว่าวันนี้กินอะไรไม่ลง
ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อเช้า ข้าวสักคำยังไม่ตกถึงท้องเลยนอกจากน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว
"ไม่กิน?" หมี่ลี่มองฉันสลับจานข้าวตรงหน้า
"ช้าระวังไม่มีที่นั่งนะจ๊ะ"
"ไม่ มี ทาง ป่านนี้ที่นั่งวีไอพีถูกเตรียมให้พวกเราแล้วย่ะ!"
เพื่อนฉันแสยะยิ้มอย่างผู้ชนะ ก่อนจะเดินนำฉันไปที่ร้านค้าของทางมหาลัย
"กรี๊ดดดด พี่พอร์ชโคตรเท่เลยแก"
"ฉันชอบเบอร์ 7 นะ คมเข้มดี"
"อ้อ นั่นพี่บาส แฟนพี่กุ้ง"
"เกือบซวยแล้วไหมมึง พี่กุ้งแก๊งพี่ตาลซะด้วย เขาว่าผู้หญิงแก๊งนี้แรงกันทุกคน"
"ชู่... เบา ๆ สิแก เห็นไหม นู่นน่ะแก๊งพี่เขาที่แกกำลังนินทานะเว้ย!"
เสียงจอแจของกลุ่มคนที่มาดูการคัดตัวนักกีฬาบาสของทางมหาลัยดังขึ้น จนฉันและหมี่ลี่กินเผือกจนอิ่มท้องแบบไม่ตั้งใจ มองไปยังกลุ่มรุ่นพี่ปีสามที่พากันยืนเกือบจะชิดขอบสนามส่งกำลังใจให้หนุ่ม ๆ ที่กำลังวอร์มร่างกายอยู่ในสนามอย่างออกหน้าออกตา
"ช่วยเก็บลูกบาสให้ทีครับ"
มัวแต่มองพี่ ๆ กลุ่มนั้นเพลินจนไม่ทันเห็นว่ามีลูกบาสสีส้ม ๆ กลิ้งมาทางฉันที่นั่งอยู่อัฒจันทร์ชั้นล่างสุด
"นี่ค่ะ"
"ขอบคุณครับคนสวย"
น่าจะเป็นหนึ่งในคนที่ลงแข่งคัดเลือกตัว แต่ฉันไม่ค่อยคุ้นหน้าสักเท่าไหร่
"พี่ชื่อบาส วิศวะโยธาปีสี่" คนที่รับลูกบาสไปแนะนำตัวกับฉัน
"อ้อ ค่ะ" เพราะไม่เคยเห็นหน้า ไม่รู้จักกันถูกแนะนำตัวแบบไม่ตั้งตัวแบบนี้เลยทำตัวไม่ถูกเท่าไหร่ "คนสวยจะไม่แนะนำตัวหน่อยเหรอครับ"
พี่ที่เพิ่งแนะนำตัวว่าชื่อบาสพูดซะฉันรู้สึกว่าตัวเองเสียมารยาทเลย
"อิมเมจ" กำลังจะขยับปากแนะนำตัวเสียงคุ้นหูกลับเรียกชื่อฉันขึ้นเสียก่อน
"พี่พอร์ช" ฉันเรียกผู้ชายสวมเสื้อกีฬาสีฟ้าขาวที่เดินยิ้มมาทางนี้
"พี่นึกว่าเราจะไม่มา" พี่พอร์ชแอบทำหน้าอมยิ้มด้วยแหละ
"หล่อวัวตาย หมีอย่างหมี่ลี่ก็ไม่รอดค่ะ"
หมี่ลี่แพ้ที่สุดคือรอยยิ้มของพี่แกนี่แหละ
"เด็กมึง?" คนที่ชื่อบาสถามพี่พอร์ช "ถามน้องเขาดูสิครับ"
เอ๋... ทำไมโยนสายตามาทางฉันล่ะ
"น้องเป็นแฟนมันเหรอ" พี่คนชื่อบาสก็ช่างตรงเสียจริง "เปล่...า"
ปี๊ด! เสียงนกหวีดคล้ายระฆังต่อชีวิตฉันดังขึ้น
"ลงสนามเถอะมึง"
พี่บาสยิ้มให้ฉันก่อนจะตบไหล่พี่พอร์ชเบา ๆ แล้ววิ่งลงสนามคู่กัน
"อิมเมจจจจจ" หมี่ลี่เรียกฉันลากเสียงยาว
"อะไรของแก" ฉันหันหน้ากันหลังมองคนรอบข้างที่เหมือนกำลังมองมาที่ฉันเป็นจุดเดียวหลากหลายอารมณ์
"แกต้องเลือกแล้วล่ะ" ฉันขมวดคิ้วไม่เข้าใจคำพูดของเพื่อน "เลือกอะไร"
หมี่ลี่ถอนหายใจกลอกตามองบนแล้วเอ่ยขึ้น "เบื่อคนสวยแต่สมองช้า"
เอ้า! อยู่ดี ๆ ก็ถูกเพื่อนด่าซะงั้น