ห้ามรัก - 2
ให้ตายสิ!
สุดท้ายก็บ้าจี้ตามยัยลี่ที่บอกให้ฉันเลิกพึ่งพาคนอื่นขับรถมาเรียนเอง แต่พอเข้ามานั่งในรถมือกลับไม่บิดกุญแจเพื่อสตาร์ตเครื่องสักที หัวใจฉันสูบฉีดแรง เหงื่อเริ่มท่วมเสื้อผ้าเมื่อนึกถึงอดีตตอนที่รถคว่ำ
ฉันขับรถเป็น เคยหัดขับจากลุงธนากรพ่อบุญธรรมของฉัน แต่เพราะความกลัวบวกกับแผลในใจที่กัดกินไม่มีวันจางหายทำให้ไม่กล้าขับรถด้วยตัวเอง แล้วจะเรียนขับรถมาเพื่ออะไรนะยัยอินทิรา
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะกระจกฝั่งฉันดังขึ้นตามมาด้วยแรงกระชากจนประตูเปิดอ้าออก
"ลงมา ฉันจะใช้รถ" ผู้ชายที่เคยหัวเสียเพราะถูกปลุกทำหน้าเรียบนิ่งบอก
"..." ในใจคืออยากจะเถียงว่ารถมีตั้งหลายคัน และนี่ก็ไม่ใช่คันของเขาทำไมถึงต้องมาใช้งานคันเดียวกันด้วย แต่เพราะสมบัติทุกชิ้นในนี้คือของพ่อเขาไงเลยเถียงไม่ออก
"เฮียอินทร์..." ว่าจะขอร้องเขาให้ช่วยไปส่งอีกสักรอบแต่พอเห็นสายตาที่มองขวางมาก่อนแล้วเลยกลืนคำพูดนั้นลงคอ หลีกทางให้เขาเข้ามาใช้รถคันนี้ตามอัธยาศัย
"วันนี้เธอเรียกฉันผิดกี่ครั้ง" เสียงห้วน ๆ ถามขึ้น สายตาเขามองมาที่ฉันอย่างคาดคั้นคำตอบ "อิมขอโทษค่ะ"
"นี่ไม่ใช่คำตอบที่ฉันต้องการ"
เพิ่งเข้าใจคำว่าตอบไม่ตรงคำถามคือแบบนี้นี่เอง "สะ...สอง"
"สาม! คำสุดท้ายเธอตะคอกใส่ฉัน" แววตาเอาเรื่องจ้องมาที่ฉันเขม็ง
ทำได้แค่หลบสายตาแสนน่ากลัวคู่นั้น กำมือที่สั่นเข้าหากันแน่นด้วยความหวาดกลัว 'เขาต้องคาดโทษฉันแน่ ๆ'
ในใจคิดได้แต่เรื่องไม่ดี เพราะทุกครั้งที่ทำเขาโมโหฉันมักจะโดนกระทำกลับหลายเท่าตัวกว่าสิ่งที่ทำผิด
"ยิ่งโต ยิ่งปีกกล้าขาแข็ง"
แววตาดุจเหยี่ยวมองราวจะตัดเฉือนเนื้อฉันให้เป็นรอยแผล
"พ่อธนากรแสนรักของเธอไม่อยู่ซะด้วยสิ อยากรู้จริง เธอจะวิ่งไปหลบหลังใคร"
เฮียอินทรีแสยะยิ้มจนเห็นเขี้ยวสวย แต่มันไม่จรรโลงใจฉันสักนิด
"อิมมีสอบ ขอตัวนะคะ"
"ขึ้นรถ!"
"คะ?"
ขาที่กำลังก้าวหนีให้ไกลจากตรงนี้หยุดชะงักทันทีที่เขาขึ้นเสียงสั่ง
ค่อย ๆ เอี้ยวตัวกลับมามองหน้าเจ้าของคำพูดนั้นด้วยความไม่เข้าใจ
"ไปอ่อยฉันถึงห้องเพื่อให้ไปส่งไม่ใช่เหรอ ขึ้นมาสิ ฉันจะสนองความต้องการให้"
จ้องมองใบหน้าหล่อราวเทพบุตรที่เหมือนถูกนักปั้นฝีมือระดับเทพเสกขึ้นมา
"หรือเธอเลื่อนสอบแล้ว" คำถามเขาทำฉันตาโต เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเสียเวลายืนคุยกับผู้ชายคนนี้นานเท่าไหร่แล้วนะ "เฮีย... เอ่อ คุณอินทรีจะไปส่งอิมจริง ๆ ใช่ไหมคะ"
เพราะไม่ไว้ใจจึงต้องถามออกไป
"ฉันอยากลองทำดีให้พ่อเห็นบ้างว่าลูกชายแท้ ๆ ของท่านก็พึ่งพาได้เหมือนกัน"
ถ้าคนอื่นฟังคงเคลิ้มตามคำพูดนั้น แต่สำหรับฉันมันก็แค่คำพูดดี ๆ ที่เขากำลังแขวะฉันแค่นั้นเอง
"ถ้าคุณอินทรีจะคาดโทษอะไรอิม รบกวนเอาไว้หลังสอบเสร็จนะคะ"
รู้อยู่แล้วว่าคนอย่างเขาไม่มีทางญาติดีกับลูกบุญธรรมอย่างฉันแน่ ๆ เลยร้องขอความเมตตาเขาอย่างคนร้อนตัว
"ก็บอกแล้ว ฉันอยากเป็นคนดีในสายตาพ่อฉันบ้าง มาขึ้นรถสิ แล้วเรามาเซลฟี่สักรูปกัน"
ยิ่งเขาพูดแบบนี้ฉันยิ่งไม่กล้าขึ้น แต่ถ้าถามว่าตอนนี้มีตัวเลือกอื่นอีกไหม คงเหลือแค่ทางนี้ทางเดียวนั่นแหละ ลองเชื่อเขาดูสักครั้ง เผื่อสิบปีที่ผ่านมาเขาจะเห็นแล้วว่าฉันไม่เคยมาเพื่อแย่งอะไรจากเขาเลย
ตกเย็นวันเดียวกัน
ต้องขอบคุณความมีน้ำใจของเฮียอินทรีที่วันนี้พาฉันไปส่งทันเข้าสอบพอดิบพอดี
"ถึงบ้านแล้วแกไม่ต้องเป็นห่วงนะ" คุยกับลี่เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมที่เพิ่งแยกกันกลับบ้านหลังจากหาอะไรกินฉลองการสอบเสร็จ
[เมื่อเช้าเฮียอินทรีอย่างหล่อเนอะ] เสียงอันเคลิบเคลิ้มเวลาที่เพื่อนคนนี้พูดถึงพี่ชายบุญธรรมฉันดังขึ้น
"ถ้าไม่ได้เฮียอินทร์ฉันคงแย่แน่ ๆ" พอคิดถึงความดีของเขาเมื่อเช้ามุมปากก็ผุดยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว [ฮันแน... นี่แกแอบยิ้มอยู่ล่ะสิ] เพื่อนสนิทแสนรู้ใจรีบแซวทันที
"อะไรของแก ไม่ต้องมาแซวเลยนะ" อยากเก็บอาการแต่ว่าพอโดนลี่แซวแล้วก็มักจะเก็บอาการไม่ค่อยอยู่
[เฮ้อ อิจฉาน้องอิมเมจจริง ๆ มีพี่ชายไม่แท้ที่หล่อโคตร ๆ]
พอฟังเพื่อนพูดเหมือนปลื้มพี่ตัวเองก็อดยิ้มไม่ได้
[ระวังนะแก ตอนนี้แกก็โตเป็นสาวแล้ว แถมยังสวยน่ารักด้วย ระวังเฮียแกจะแอบคิดแบบ...]
ลี่ไม่พูดต่อ เธอทำเสียงสองเสียงสามเหมือนจะกรี๊ดออกมาแต่เก็บอาการเอาไว้
"เลิกพูดเลยนะ!" รีบสั่งห้ามปลายสายเพราะรู้ว่าเธอจะพูดอะไรต่อ
ก็ได้ยินมาจนชินแล้วนี่ ไอ้คำว่า...
[ทำไมยะ นี่ถ้าเป็นนังลี่คนนี้นะจับกินไปนานแล้ว คนละสายเลือดขนาดนี้ แถมหล่อลากสุด ๆ ลี่ยอมท้องติดกันแม้คนจะนินทา] ได้ยินเพื่อนรักพูดแบบนี้อิมเมจรับไม่ได้
"พอเลย อิมขึ้นห้องดีกว่า ไม่อยากคุยไร้สาระต่อแล้ว"
[พูดเรื่องท้องชนกันทีไรทำเป็นหนี แอบคิดเหมือนกันสิเรา]
"บ้าเหรอลี่ พอเลยนะ เลิกพูดเลยเดี๋ยวมีคนมาได้ยิน" รีบปรามเพื่อนเสียงดุ
แต่เชื่อเถอะว่าคนอย่างลีลดาไม่กลัวเสียงดุ ๆ ของฉันคนนี้สักนิด
[ดุกลบเกลื่อน]
"ลีลดา!" นี่ก็ไม่หยุดล้อฉันสักที
[เออ ๆ เลิกล้อแล้ว รีบไปอาบน้ำแล้วไปส่องไอจีพี่พอร์ชดีกว่า]
เสียงนางแลดูมีความสุขจริง ๆ เวลาพูดถึงผู้ชายคนนี้
"เชิญไปส่องชายในฝันต่อเลยค่ะเพื่อนรัก" ยิ้มให้คนในสายก่อนที่เธอจะเป็นคนวางสายไป
หันไปมองที่โรงจอดรถไร้วี่แววรถคันเมื่อเช้าที่ขับไปส่ง นั่นหมายความว่า เฮียอินทรียังไม่กลับมาที่บ้าน หรือบางที เขาอาจจะไม่กลับมาในคืนนี้เพราะทำงานอยู่ก็เป็นได้