บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3

“พูดแบบนี้งั้นแสดงว่าถ้าฉันเอาลูกของแกไปเป็นเมียเก็บเจ้านายพวกฉัน แกก็จะไม่ว่าอะไรงั้นสิ” คิ้วของชายฉกรรจ์คนนั้นเลิกขึ้นสูงอย่างตั้งคำถาม

ฝ่ามือเล็กทั้งสองข้างของฉันกำหมัดแน่นจนเล็บยาวจิกเข้าเนื้อ ความแสบนิดๆ นั้นทำให้ฉันรู้ว่าตัวเองลงแรงจิกไปเยอะมากเลยทีเดียว

เข้าใจความรู้สึกของคนที่โกรธจนตัวสั่น และโกรธจนพูดอะไรไม่ออกหรือเปล่า?

ตอนนี้ฉันกำลังตกอยู่ในอาการนั้น...

“ก็เอาไปสิวะ”

พ่อของฉันพูดออกมาเพื่อตัดรำคาญ ที่ผู้ชายคนนั้นถามเซ้าซี้มากมายหลายคำถาม

“นี่ชีวิตเนค่ะพ่อ ถามหน่อยเถอะว่าพ่อมีสิทธิ์อะไรที่จะยกเนให้ใครเอาไปไหนก็ได้แบบนี้”

ฉันพยายามค้นหาเสียงตัวเองอยู่นาน จนกระทั่งสามารถพูดโต้เถียงสิ่งที่อยู่ในใจของตัวเองออกไปได้

“ฉันเป็นคนทำให้แกเกิดมา นั่นก็ถือว่าฉันเป็นเจ้าของชีวิตของแกแล้ว”

นี่มันตรรกะบ้าๆ อะไรของพ่อ การทำให้ชีวิตหนึ่งเกิดมายังไงมันก็ไม่ถือว่าเราเป็นเจ้าของชีวิตเขา ร่างกายใครคนนั้นก็ต้องเป็นเจ้าของ ฉันอุตส่าห์ดูแลตัวเองและอยู่รอดปลอดภัยมาถึงขนาดนี้เพื่อให้ใครก็ไม่รู้มารังแกร่างกายของฉันน่ะเหรอ

โคตรจะไม่แฟร์เลยจริงๆ ฉันไม่มีทางยอมเด็ดขาด ต่อให้ยิงฉันทิ้งตรงนี้ฉันยังจะนอนตายตาหลับมากกว่าการที่ต้องไปเป็นเมียเก็บใคร

“อย่าพร่ำกันให้เสียเวลาเลย เราไปกันเถอะคนสวย ไม่ต้องห่วงนะเจ้านายฉันเลี้ยงดี”

“ฉันเลี้ยงดูตัวเองได้ คุณไม่จำเป็นต้องมายื่นข้อเสนออะไรให้กับฉัน”

แม้จะหวาดกลัวเขา แต่วินาทีนี้ฉันก็ต้องพูดเพื่อปกป้องตัวเอง

บางทีมันอาจจะไม่ช่วยอะไรมาก หรืออาจจะไม่ช่วยอะไรเลย หนำซ้ำพาลจะทำให้ชายฉกรรจ์คนนี้โมโหฉันเปล่าๆ

“จับตัวผู้หญิงคนนี้แล้วตามกูมา ส่วนพวกมึงรีบเคลียร์ของที่เอาไปขายต่อได้ขึ้นรถซะ อะไรที่มองด้วยตาแล้วไม่มีราคาก็เขี่ยแม่งทิ้งเลย”

จบประโยคคำสั่งเหี้ยมเกรียมนั้น แขนของฉันก็ถูกชายฉกรรจ์สองคนที่ดูท่าว่าจะเป็นลูกสมุนของเขาจับยึดเอาไว้ทั้งสองข้าง

“ปล่อยฉัน ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น!” ฉันพยายามสะบัดตัวให้หลุดพ้นจากการจับกุม แต่ทว่ายิ่งสะบัดผู้ชายสองคนนั้นก็ยิ่งบีบแขนฉันแน่นมากขึ้นจนฉันต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด

Tru...Tru...Tru...

พรึ่บ!

กระเป๋าสะพายข้างของฉันถูกกระชากติดไปกับมือหนาของผู้ชายข้างกาย เขาโยนกระเป๋าใบนั้นไปทางร่างสูงบึกบึนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“เต้” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นมาหลังจากอ่านชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมือถือของฉัน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง

“เอามือถือของฉันมา” ฉันกดเสียงต่ำอย่างหมดความอดทน มันชักจะมากเกินไปแล้ว เขามีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับของของฉันแบบนี้

เพล้ง!

ดวงตากลมโตของฉันเบิกกว้าง เมื่อเห็นว่าโทรศัพท์มือถือของตัวเองบินลิ่วผ่านสายตาไปปะทะเข้ากับผนังบ้านจนแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ

“โทษทีมือลั่น”

มือลั่นหรือตั้งใจกันแน่ ฉันไม่ใช่เด็กอนุบาลนะที่จะดูไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไรน่ะ

“มันจะมากเกินไปแล้วนะ!”

“เอาไปไว้ในรถไป หาอะไรปิดปากไว้ด้วย” เขาพยักพเยิดใบหน้าให้ลูกสมุนของเขา ก่อนที่ร่างบางของฉันจะถูกกระชากให้เดินออกมาจากบ้าน และถูกจับยัดเข้าไปนั่งในรถตู้ที่ติดฟิล์มดำมืดสนิท

“อื๊ออออ” ปากบางของฉันถูกปิดทาบด้วยสก๊อตเทปสีดำ สถานการณ์ตอนนี้เหมือนกับในละครหรือซีรี่ส์ที่ฉันเคยดูไม่มีผิด แต่เสียอย่างเดียวที่ไม่มีใครสามารถมาช่วยฉันได้ทัน

แขนทั้งสองข้างถูกจับไพล่หลัง ก่อนที่ข้อมือของฉันจะถูกมัดเอาไว้ด้วยเชือกอย่างแน่นหนา

มันแน่นจนฉันไม่สามารถบิดข้อมือให้หลุดออกได้ แถมเชือกยังแข็งจนบาดผิวหนังตรงบริเวณข้อมือของฉันไปหมด

ไม่ต้องเห็นด้วยตาก็รู้สึกได้ว่ารอบข้อมือของฉันต้องแดงเทือกมากแน่ๆ

“ช่วยเขยิบไปหน่อยคนสวย จะขอนั่งด้วย”

ผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีผู้ชายบึกบึนคนนั้นก็ตามฉันขึ้นมานั่งบนรถ เพียงแค่เห็นหน้าเขาโผล่มาฉันก็ถอยกรูดติดกระจกอีกฝั่งอย่างรวดเร็ว

ไม่จำเป็นต้องบอกให้ฉันเขยิบหรอก เพราะฉันเองก็ไม่ได้อยากจะนั่งใกล้ชิดเขาอยู่แล้ว

“อื๊อออ...อ่อยยย” ฉันพยายามเปล่งเสียงออกมาเพื่อบอกให้เขาปล่อยฉัน

แต่เขาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ในสายตาเขาฉันก็คงจะเหมือนแมลงตัวเล็กๆ ที่ส่งเสียงหึ่งๆ น่าหนวกหู

“นั่งนิ่งๆ ไปอย่างนั้นแหละ อย่าส่งเสียงดังน่ารำคาญ แล้วถ้าเธอได้เจอกับเฮียของฉันก็ขอร้องอย่างนะ อย่าไปส่งเสียงแว้ดๆ ใส่เขาล่ะ ระวังจะโดนยิงทิ้ง”

หลังจบประโยคแกมสั่ง และข่มขู่ของเขาฉันก็ถึงกับนั่งเงียบไปตลอดทาง

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะพาฉันไปที่ไหน มองออกไปนอกกระจกรถมันก็มืดสนิทจนไม่สามารถเห็นทัศนียภาพด้านนอกได้

ตรงที่ฉันนั่งอยู่นี้เป็นเบาะหลังคนขับ ซึ่งถูกกั้นแบ่งโซนเอาไว้ดิบดีอย่างเป็นส่วนตัว ฉันจึงไม่สามารถมองเห็นถนนหนทางอะไรได้เลย ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า หรือด้านข้าง สิ่งที่ฉันเห็นตอนนี้ก็มีเพียงแต่ผู้ชายบึกบึนที่นั่งอยู่ข้างกาย

แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะนึกทำอะไรบ้าๆ กับฉันหรือเปล่า

บรรยากาศในรถตอนนี้ปกคลุมไปด้วยความเงียบ มีเพียงแค่เสียงหัวใจของฉันที่เต้นตึกตักอย่างรุนแรงด้วยความหวาดกลัว และระแวง

Tru...Tru...Tru...

“ครับนาย...ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ ผมได้ตัวลูกสาวมันมาด้วย...สวยมากครับ สเปคเฮียวายุเลยแบบนี้ แต่ผมก็ไม่รู้นะว่าเฮียจะอยากลองหรือเปล่า เพราะเธอยังดูเด็กอยู่เลย...พวกผมจะบินกลับฮ่องกงพรุ่งนี้ครับ...สวัสดีครับนาย”

บทสนทนาที่เขากำลังพูดผ่านโทรศัพท์มือถืออยู่นั้นฟังยังไงเขาก็คงจะหมายถึงฉันแน่ๆ

นี่เขาจะพาฉันไปไกลถึงฮ่องกงเลยเหรอ แล้วนายของเขาคือใคร ไหนจะคนที่เขาเรียกว่า ‘เฮียวายุ’ นั่นอีก พวกเขาคือกันแน่...

แม้จะมีคำถามมากมายวิ่งกรูเข้ามาในหัว แต่ฉันก็ไม่อาจเอ่ยถามออกไปให้หายสงสัยได้

“เธอคงได้ยินที่ฉันคุยโทรศัพท์เมื่อกี้ใช่มั้ย ยังไงก็เตรียมตัวรับมือกับเฮียฉันด้วยล่ะ ดูท่าว่าเธอจะเจอรุ่นใหญ่” ริมฝีปากหนาแสยะยิ้มอย่างโรคจิต

วินาทีนี้ฉันเหมือนลูกไก่ในกำมือของพวกเขา จะบีบก็ตาย จะคลายก็ไม่รู้ว่าจะรอดหรือเปล่า...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel