ตอนที่ 12 ตั้งใจยั่วยุครอบครัวชยรพ
ตอนที่ 12 ตั้งใจยั่วยุครอบครัวชยรพ
ฉันไม่ต้องการที่จะโต้เถียงกับเขาในตอนนี้ เขาพูดยังไงก็เป็นไปตามนั้น เพียงแค่จัดการเรื่องของชยรพเสร็จ ฉันก็ไม่กลัวอะไรแล้ว
จัดการเรื่องชยรพเสร็จ ฉันก็จะลาออกจากโรงพยาบาล
คุณธรณ์ไม่ใช่คนที่ฉันจะสัมผัสได้
ฉันเคยได้ยินมาว่า ตระกูลคชวงศ์กับตระกูลเกยุราพันธ์จะมีการแต่งงานเกิดขึ้น
ประวัติของตระกูลเกยุราพันธ์เป็นยังไง ?
เอริกาเป็นคนของบ้านเกยุราพันธ์ แค่คิดฉันก็ไม่กล้าแล้ว
ท่าทีของฉันเฉยชาเกินไป ปกติคุณธรณ์ก็เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว แค่ฉันไม่ต่อสู้กับเขา เขาก็คงไม่ทำอะไรกับฉันสินะ
คุณธรณ์ส่งฉันถึงหน้าร้านกาแฟ “ ฉันจะรออยู่ในรถ เธอจัดการเสร็จแล้วเราก็ไปดูบ้านกัน “
ดูบ้านน ?
เขาดูเหมือนจะจริงจังมาก ความสัมพันธ์ของเราเร็วเกินไปจนฉันตั้งตัวไม่ทัน
ฉันนิ่งไป และไม่สามารถแยกแยะได้ระหว่างเรื่องจริง หรือโกหก ฉันเริ่มใจร้อนแล้ว “ ก็บอกว่าฉันจะไปเองไง ! “
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดี และทำหน้าเบื่อหน่าย
เขาจ้องมองฉันไม่กี่วินาที กลืนน้ำลาย แล้วมือที่จับพวงมาลัยอย่างแน่นก็ได้ปล่อยออก ฉันนึกว่าเขาโกรธ แต่แล้วฉันก็มองเห็นสายตาที่กระวนกระวายของเขา
ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าตัวเองโหดไปไหม เพราะสายตาของเขา เหมือนกับว่าเขากำลังเจ็บปวด
เจ็บปวด ?
ฉันไม่กล้าที่จะใช้คำสองคำนี้กับคุณธรณ์เลย เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งซะขนาดนั้น จะมาเจ็บปวดได้ยังไงกัน ?
แต่ในชั่วขณะที่เขามองมานั้น ถึงจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ฉันก็ไม่อยากที่จะเห็นมัน การเจ็บปวดของเขา ทำให้ฉันก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที และน้ำเสียงฉันก็อ่อนลง “ พี่ธรณ์ พี่กลับไปก่อน ฉันจัดการเสร็จแล้วจะติดต่อไป ฉันกับเขาไม่เจอกันมา2ปี ถ้าหากวันนี้ยังมาเกิดเรื่องแบบนี้อีก ฉันก็ไม่คาดหวังอะไรกับเขาอีกแล้ว ก็แค่ปรึกษากันเรื่องบ้านว่าจะเอายังไงแค่นั้นก็โอเคแล้ว “
ฉันไม่ได้เรียกเขาว่าพี่ธรณ์มาหลายปีแล้ว จนฉันลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าชอบวิ่งไปบ้านของเขา แล้วร้องเรียกเขาว่าพี่ธรณ์อย่างดีอกดีใจ
ตอนฉัน11ขวบ ฉันกระโดดโลดเต้นไปที่บ้านเขาแล้วตะโกนเรียกชื่อเขา เขาเงยหน้าขึ้น มองฉันอย่างเยือกเย็น แล้วก้มหน้าเล่นหมากรุกต่อไป ราวกับว่าฉันเป็นอากาศอย่างนั้นแหละ
ฉันมักจะมีความภูมิใจในตัวเองเสมอ ถึงแม้จะรู้ว่าเราเป็นแค่บ้าน2หลังที่ติดกัน แต่ไม่ด้านนอกหรือด้านในก็เป็นเพดานและพื้นแผ่นเดียวกัน
ฉันก็รู้ว่าพ่อแม่ของเขาเป็นคนที่มีวัฒนธรรมและความรู้สูง อารมณ์ดีมาก ช่างแตกต่างกับพ่อแม่ฉันโดยสิ้นเชิง
ฉันก็ไม่กล้าตะโกนเรียกเขาอีก เพราะเขารังเกียจฉัน ดูถูกฉัน ฉันไม่ต้องการแม้แต่จะไปหาเขาที่บ้านอีก
และหลังจากนั้น ฉันก็ไม่เคยเรียกเขาว่าพี่ธรณ์อีกเลย
เขาได้ยินฉันเรียกเขาว่าพี่ธรณ์ สายตาคู่นั้นก็ค่อยๆอบอุ่นขึ้น “ ฉันวนอยู่แถวๆนี้แหละ “
ฉันพยักหน้า แล้วเปิดประตูลงจากรถ และมองรถเขาออกไปจนลับตาแล้ว ฉันถึงเดินไปยังร้านกาแฟ
ฉันเพิ่งเดินมาไม่กี่ก้าว ด้านหลังก็มีคนบีบแตรใส่ฉัน ฉันหันกลับไปดู ปรากฏว่าเป็นรถ BMW 7 Series ซึ่งชยรพเป็นคนขับจอดไว้หน้าร้านกาแฟ
เสียงแตรนั่น คงตั้งใจกดสินะ
BMW 7 Series ?
นี่คงเป็นเงินที่ได้จากการทำงานที่แอฟริกาสินะ ?
ไม่คิดว่าจะบอกฉันว่าไม่ได้รับค่าโบนัส แล้วยังมาขอเงินกับฉันอีก
ที่จริงแล้วคนนี่มันหน้าด้านจนผียังกลัวจริงๆ
ที่จริงฉันก็ยังคงสงสัยนะว่า ชยรพเพิ่งกลับจากต่างประเทศแท้ๆ แล้วไปทำกันยังไงโบนิตาถึงท้องโตซะขนาดนี้ ?
หรือว่าโบนิตาจะไล่ตามสามีตัวเองไปหลายพันกิโล ?
ชยรพลงจากรถ คุณจันดาก็ถือกระเป๋าที่ฉันให้ลงจากเบาะด้านหลัง ยังคงทาสีลิปที่แดงก่ำ สวมกระโปรงสีเขียนขนาดใหญ่ รองเท้าแตะส้นสูงสีแดง
เธอมักใช้ชีวิตแบบไม่หยุดหย่อน เหมือนกับทะเลที่มีหลากสี
ชยรพเปิดประตูด้านหน้าฝั่งข้างคนขับ คนที่ลงจากรถคือโบนิตา