7 - ไปนอนห้องพี่ไหม
7 - ไปนอนห้องพี่ไหม
“พี่ธันจอดที่ร้านกาแฟหน้าตึกแพทย์ให้บีทีนะคะ”
ทันทีที่ผมเลี้ยวเข้าประตูมหาวิทยาลัย เสียงใส ๆ ของคนที่นั่งเบาะข้างกายก็เอ่ยแทรกขึ้น
“จะซื้อกาแฟเหรอ” ผมถามพลางชะลอตัวรถเนื่องจากใกล้จะถึงจุดหมายที่เธอบอกแล้ว
ตึกคณะแพทยศาสตร์อยู่ติดประตูเนื่องจากตัวตึกอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย ขับรถแค่สองนาทีก็มาถึงแล้ว
“หาที่กบดานน่ะค่ะ บีมีเรียนตอนบ่ายโมงนู่นเลย ไปนั่งเล่นที่ร้านกาแฟดีกว่า”
“ว่าไงนะ”
ตัวรถเบรกกะทันหันเมื่อบีน่าพูดจบ ร่างกายของเธอเอนไปข้างหน้าแต่ก็ได้เข็มขัดนิรภัยช่วยยึดเอาไว้
ใบหน้าหวานหันขวับมามองผมทันที สายตาและสีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจและสงสัย เช่นเดียวกับผมที่กำลังรู้สึกไม่ต่างจากเธอ
“มีเรียนบ่ายโมงแต่ขอติดรถพี่มาที่มอตอนนี้เนี่ยนะ” ผมตวัดสายตามองคนข้างกายอย่างเอาคำตอบ
ตอนนี้เพิ่งจะเก้าโมงกว่าเท่านั้น ผมมีเรียนสิบโมงเช้าจึงเผื่อเวลาในการเดินทางมากพอสมควร แต่ก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าคนที่มาเกาะประตูรั้วบ้านตั้งแต่เช้าเพื่อขอติดรถมาด้วยจะมีเรียนตอนบ่ายซึ่งเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงมาก
“ก็ให้บีทำไงล่ะ บีไม่มีรถมาเรียนนี่นา บีก็เลยติดรถพี่ธันมาแล้วก็จะนั่งรอเวลาจนถึงบ่ายนี่ไง”
“มันเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงมากบีน่า” มากชนิดที่ว่าเธอสามารถนอนหลับได้ตื่นหนึ่งเลยล่ะ
แล้วที่สำคัญเรื่องรถก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ผมเองก็เคยเห็นเธอเรียกรถให้มารับอยู่หลายครั้งด้วยซ้ำ
“ไม่เห็นเป็นไรเลย พี่ธันก็ไปเรียน ส่วนบีก็รอเวลาเรียนตอนบ่ายไง”
ไม่เป็นไรได้ไงล่ะ
“ความจริงบีโทรบอกให้พี่ไปรับที่บ้านก็ได้นะ พี่ไปรับไปส่งเราได้อยู่แล้ว” เธอไม่จำเป็นต้องติดรถมาพร้อมผมก่อนเวลาเรียนหลายชั่วโมงแบบนี้เลยก็ได้ แค่เธอร้องขอหรือโทรหากริ๊งเดียวผมก็พร้อมเป็นสารถีขับรถไปรับเธอถึงหน้าบ้านแล้ว
“ไม่เอาหรอก บีเกรงใจ เอาเป็นว่าตามนี้แหละค่ะ พี่ธันจอดหน้าร้านกาแฟให้บีก็...ฮ้าววว” บีน่าบอกร้อมกับเตรียมหยิบกระเป๋าตัวเองเพื่อลงจากรถ ระหว่างนั้นเธอก็ป้องปากหาวไปพลาง ๆ ดูเหมือนว่าคนนอนไม่หลับจะเริ่มสิ้นฤทธิ์ซะแล้ว
“เริ่มง่วงแล้วล่ะสิ”
“อื้อ พอแต่งชุดนักศึกษาอาการง่วงก็มาเลย ทีทั้งคืนล่ะไม่อยากนอน งงกับร่างกายตัวเองเหมือนกัน”
“งั้นไปนอนห้องพี่ไหม ถึงเวลาเรียนก็ค่อยไป” ผมเสนอไอเดียที่เพิ่งคิดได้หมาด ๆ
ยอมรับเลยว่าผมเป็นห่วงไม่อยากให้เธอมานั่งรอที่ร้านกาแฟคนเดียวในระหว่างที่รอเวลาเข้าเรียน คอนโดฯ ผมอยู่ใกล้มหา’ ลัยมาก เดินเท้าก็ได้ เรียกรถสาธารณะก็สะดวก หรือจะเรียกใช้ผมก็ยิ่งสะดวกใหญ่เลยเพราะเวลานั้นผมเลิกเรียนแล้ว
“งื้อ โซฟาห้องพี่ธันนุ่มมาก” เสียงหวานที่สามที่สี่ถูกเรียกใช้จนผมบิดยิ้ม
“ใช่ ทั้งนุ่มทั้งกว้าง หรือจะนอนเตียงก็ได้ พี่ไม่ว่าอะไร”
“ฮื่อ ร่างกายบีต้องการเตียงฝุด ๆ” เธอทำเสียงกระเง้ากระงอด จีบปากจีบคอยิ่งกว่าเมื่อกี้นี้ไปอีกเท่าตัว
“งั้นตกลงไปที่ห้องพี่ก่อนนะ เหลือเวลาอีกเกือบสี่ชั่วโมงเลย พี่ว่าบีไปนอนพักเอาแรงก่อนดีกว่า” ผมพูดด้วยรอยยิ้มและเปลี่ยนเกียร์รถมุ่งหน้าไปยังคอนโดฯ ตัวเองทันที แต่ทว่ามือเล็กของบีน่ากลับคว้าหมับเอาไว้พร้อมกับการส่ายหน้าแรง ๆ ที่ทำเอาผมต้องเหยียบเบรกหยุดตัวรถอีกครั้ง
“ไม่เอาหรอก พี่ธันอ่า...เอาโซฟากับเตียงมาล่อเมื่อกี้บีเคลิ้มเลย” สีหน้าเธอเมื่อกี้เหมือนคนกำลังละเมอจริง ๆ นั่นแหละ “บีรอที่ร้านกาแฟได้ ไม่อยากรบกวนพี่ธันอ่า แล้วอีกอย่าง...บีไม่อยากนั่งรถสาธารณะหรือเรียกรถผ่านแอป”
“ทำไม?” ผมเลิกคิ้วถาม
“พี่ธันรู้ไหมว่าเมื่อวันศุกร์บีเจออะไรมา!”
บีน่าเปลี่ยนจากการนั่งหลังตรงเตรียมลงจากรถมาเป็นการเอนพิงกับเบาะแล้วกอดอก น้ำเสียงของเธอเข้มขึ้นเหมือนแรงโทสะกำลังปะทุ บ่งบอกว่าเรื่องที่เธอจะพูดนั้นน่าหงุดหงิดอยู่พอสมควร
“วันนั้นบีตั้งใจจะไปเรียนเพราะไม่อยากอยู่บ้าน บีเบื่อ แล้วแม่ก็ดันให้คนมาเอารถบีไปพอดี บีก็เลยตัดสินใจเดินไปขึ้นรถหน้าหมู่บ้าน”
หน้าหมู่บ้านมีป้ายจอดรถสาธารณะอยู่ใกล้ ๆ หรือจะให้เรียกแท็กซี่เข้ามารับถึงข้างในทางรปภ.ก็ช่วยบริการให้ได้เหมือนกัน
“บีตั้งใจจะขึ้นรถตู้เพราะนั่งแค่ห้านาทีก็ถึง แต่รถก็ดันเต็มทุกคัน แออัดจนต้องยืนเบียด บีก็เลยเปลี่ยนใจมาเรียกรถในแอปแทน”
บีน่าบ่นเสียงแหลม แสดงออกถึงท่าทางหงุดหงิดโกรธเคืองกับเรื่องที่พบเจอมา จนผมถึงกับต้องยกมือขึ้นลูบใบหน้าพลางปิดปากเพื่อไม่ให้เธอเห็นว่าผมกำลังแอบยิ้มและกลั้นหัวเราะอยู่
“แล้วพี่ธันรู้อะไรไหม! พอบีเรียกรถมาบีก็ดันเจอคนขับรถโรคจิต ไอ้บ้านั่นมันชักนกเขาของตัวเองระหว่างที่ขับรถ แถมยังส่งเสียงให้บีได้ยินอีกต่างหาก!”
“ว่าไงนะ!” จากที่กำลังขำขันก็เปลี่ยนกลับมาเป็นความเดือดดาลได้เพียงเสี้ยววินาที
“ไอ้คนขับมันช่วยตัวเองแล้วก็มองหน้าบีผ่านกระจกมองหลังอะ พอบีรู้ตัวบีก็กรี๊ดโวยวายเลย พยายามเปิดประตูมันก็ยิ่งเร่งความเร็ว บีบอกให้มันจอดมันก็ไม่จอด จนบีต้องแกล้งทำทีเป็นโทรหาตำรวจมันถึงได้จอดทิ้งบีไว้ข้างทาง อ้อ...นี่บีแอบถ่ายมันมาด้วยนะ แต่ถ่ายแค่ไม่กี่วิเพราะบีกลัวมันเห็นแล้วจะมาทำร้ายบีแทน”
“แม่ง...สวะจริง ๆ!” มือสองข้างกำเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว โคตรโมโหกับเรื่องที่บีน่าเล่ามาแต่ก็ไม่อยากแสดงอารมณ์อีกด้านให้เธอเห็น
“ใช่ไหมล่ะ ตอนนั้นบีตกใจมากเลย ทั้งโกรธทั้งกลัว”
“แล้วแจ้งความหรือยัง พี่ว่าเราปล่อยไว้ไม่ได้นะ” ถามทั้งที่รู้ว่าบีน่าคงยังไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้
“ยังเลย แต่บีไม่รู้ป้ายทะเบียนกับชื่อคนขับ ตอนนั้นบีลืมถ่ายไว้น่ะสิ”
“เรียกผ่านแอปไม่ใช่เหรอ ในนั้นต้องมีข้อมูลอยู่แล้ว”
“โอ๊ะ! จริงด้วย บีลืมนึกไปเลย แต่...ไม่เอาหรอกค่ะ ช่างมันเถอะ บีไม่อยากมีเรื่องให้คิดแล้วอ่า แค่ที่มีอยู่ในหัวก็จะประสาทกินอยู่แล้ว”
“แน่ใจนะว่าจะไม่เอาเรื่องน่ะ”
“อื้อ แน่ใจค่ะ บีเหนื่อยมาก ปวดหัวไปหมด ตอนนี้ก็ง่วงมากด้วย ฮ้าววว”
“งั้นไปนอนห้องพี่ก่อนแล้วกันนะโอเคไหม นอนหลับเอาแรงสักหน่อย” อารมณ์ของผมสวิตช์อีกแล้วเพียงแค่เห็นบีน่าหาว
รอยยิ้มปรากฏขึ้นทันที จากความโกรธโมโหก็เป็นความเอ็นดูกับการกระทำธรรมดาของเธอ
“ก็ได้...ฮ้าววว บีง่วงมากเลยอะ แอร์ห้องพี่ธันเย็นไหม มีผ้าห่มสำรองให้ด้วยเปล่า แล้วมีตุ๊กตาให้นอนกอดไหมอ่า”
