3 คอลเลกชัน
[Nos Talk]
พี่ชายสุดที่รักของผมสอนไว้ว่า…ถ้าอยากได้เนื้อชิ้นงาม เหยื่อล่อต้องพิเศษ รอบนี้ผมก็เลยเอาตัวเองมาเป็นเหยื่อล่อ ทนเจ็บตัวนิด ๆ หน่อย ๆ เพื่อเรียกคะแนนความสงสาร เรียกร้องความสนใจ บีบปั้นน้ำตาเล็กน้อย ก็ถือว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่ลงทุน
ก็แค่ชอบ อยากได้มาเก็บไว้ในคอลเลกชันของสะสม
เมื่อก่อนน่ะเป็นสิ่งของ แต่ครั้งนี้พิเศษเพราะผมอยากได้เธอที่เป็นคนเป็น ๆ มาเก็บไว้เป็นของของผม
แต่เธอก็เกินไปที่เปรียบผมเป็นหมา ใครจะคิดว่ามารีที่เธอหมายถึงคือหมาของเธอ แล้วมีมาบอกผมด้วยว่าขนาดมารียังไม่เรียกเธอว่าเวย์ ไอ้ผมก็หลงดีใจ
ที่ไหนได้มารีเป็นหมาจะพูดได้ไง เธอนี่ร้ายซะจริง
“นอส มาเร็วเดี๋ยวไม่ทัน” เธอที่เดินไปจนถึงหน้าห้องเรียนหันหลังกลับมาเรียกผม ผมส่งรอยยิ้มไร้เดียงสาให้เธอก่อนจะรีบวิ่งไปหาเธอ
รอยยิ้มแบบนี้ผมมักใช้อ้อนย่ากับอา ๆ ของผมอยู่บ่อย ๆ ส่วนแม่อ้อนไม่ได้ครับ แม่รู้ทัน
“นายจะยิ้มอะไรนัก เพิ่งโดนรังแกมานะ อารมณ์ดีอยู่ได้” เมื่อผมวิ่งมาถึง เธอก็ทำหน้าคล้ายจะหงุดหงิดที่ผมฉีกยิ้ม
“ก็เพราะได้เวย์ช่วยนอสไว้ไงครับ นอสก็เลยยิ้มได้” ผมยังคงยิ้ม และผมเป็นคนพูดเพราะ เนื่องจากไอ้คุณพี่ทิว พี่ชายสุดที่รักของผมบอกผมไว้ว่า ‘พูดจาไพเราะมีชัยไปกว่าครึ่งไม่ว่าเรื่องไหนก็ตาม’
ผมจึงเอาเป็นแบบอย่างคำสอนเรื่อยมา
“ทำไมมาด้วยกันว้าาาา…คุณหนูปากหมากับคุณชายแว่นเด็กเนิร์ด” เป็นเสียงของพวกพูดไม่คิด ถนัดเห่าแต่ไม่เก่งเรื่องลงมือทำ ไม่สนใจด้วยว่าใครจะคิดยังไงกับคำที่พวกมันพ่นออกมา
ผมไม่ชอบคนพวกนี้ แต่ก็เก็บไว้ดูเล่น ให้เป็นสีสันที่รำคาญในชีวิตของผม และให้พวกมันเป็นตัวเบี้ยที่ก่อให้ตัวผมมีแต่ความน่าสงสาร เวฬาของผมจะได้เห็นใจผมมากขึ้น
“นั่นปากเหรอ ทำไมชอบว่าคนอื่นจัง เรียนไม่ได้อย่างเขา หรือที่บ้านให้ความรักไม่พอ หรือว่านายมีปมตั้งแต่เด็กแก้ไขยังไงก็ไม่หาย บรรเทาได้ด้วยการพูดข่มคนอื่นไปวัน ๆ อะไรแบบนั้นใช่มั้ยอะ” นี่มั้งครับหนึ่งเหตุผลที่ผมชื่นชอบจนถึงขั้นอยากเก็บเธอมาเป็นหนึ่งในคอลเลกชันลิมิเต็ดอิดิชันชิ้นเดียวในโลก
เธอชื่อ ‘เวฬา’ นามสกุลอะไรไม่รู้ ผมไม่ได้ใส่ใจ บ้านเธอรวยมาก แต่สู้ตระกูลของผมไม่ได้ เธอเป็นเด็กเรียบร้อยเวลาที่ผู้ปกครองมารับมาส่ง แต่พอพ้นสายตาผู้ปกครองเธอมักจะโดดกำแพงไปกินข้าวต้มที่ตั้งอยู่ข้างโรงเรียน โรงเรียนเข้าแถวเคารพธงชาติ อาจารย์พูดหน้าเสาธงจบเธอก็จะกระโดดข้ามกลับมา
เธอเริ่มเป็นแบบนั้นตั้งแต่ขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จนตอนนี้เราอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 4 และผมเริ่มสังเกตพฤติกรรมเธอเรื่อยมา จนกระทั่งอยากเอาเธอมาเก็บไว้ถึงได้เริ่มเคลื่อนไหวบ้าง
เราเป็นเพื่อนร่วมห้องกันตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 2 วันนั้นเธอถูกเรียกว่าเด็กใหม่ กระทั่งผ่านไปนานเข้ามีนักเรียนเข้าใหม่ เธอก็ถูกเรียกขานด้วยชื่อแทน
วันนี้เธอใส่กางเกงในสีชมพูหวานแหวว ช่างไม่เข้ากับบุคลิกโลดโผนของเธอเอาซะเลย แล้วยังชอบพกผ้าเช็ดหน้าสีขาวปักลายลูกไม้อีก ดูผิวเผินเธอคือลูกผู้ดี แต่ถ้าสังเกตจริง ๆ เธอคือผู้หญิงแก่นเซี้ยวดี ๆ นี่เอง
ที่ผมเห็นกางเกงในเธอก็เพราะตอนเธอกระโดดข้ามกำแพงกระโปรงเธอมันเปิด ผมที่นอนกองอยู่กับพื้นก็มองอย่างเต็มตาสิครับ
“ปากดีจริงนะเวฬา ปากร้าย ๆ แบบนี้เวลาโดนดูดจะร้องครางดังแค่ไหนกันนะ” ผมว่าไอ้นี่ไม่รอดแล้วล่ะ ชะตามันขาดแล้ว อุตส่าห์จะเก็บไว้ให้เป็นสีสันเน่า ๆ ของชีวิต เสือกกล้ามาคิดแบบนี้กับคอลเลกชันของผม
ของของผม แค่คิดลามกก็ผิดแล้วครับ
“ก่อนจะได้แตะปากฉัน ดูดนิ้วโป้งตีนฉันให้ได้ก่อนเถอะ” นี่ก็ปากร้ายใช่เล่น เรื่องท้าเรื่องตีก็ใช่ย่อย แต่ไม่มีใครเข้าถึงตัวเธอสักครั้ง ไอ้คนที่คิดร้ายกับเธอ ผมจัดการเรียบ จะเหลือรุ่นบิ๊กอีกเล็กน้อยที่รอผมสอยมันลงมา
“ว้าว ว้าว ว้าว พ่อจะเลียให้ล้ม เลียทั้งตัวเลยล่ะ” เฮอะ ไปเลียไฟนรกแทนแล้วกัน
“ไอ้ทุเรศ” เวฬาของผมเธอด่าเพื่อนร่วมชั้นคนนี้ ก่อนจะคว้ามือของผมไปจับไว้ “ไปนั่งกันนอส ฉันจะย้ายมานั่งกับนาย” เธอเดินจูงมือของผมมาที่โต๊ะเรียนหน้าห้อง การที่เธอแตะตัวผม ผมรู้สึกดีนะครับ ใจเต้นแรง รู้สึกตื่นเต้นมากกว่าเวลาได้ของสะสมแบบอื่น หรือเพราะเธอจะเป็นสิ่งมีชีวิตสิ่งแรกที่ผมอยากได้มาก ๆ เวลาทำอะไรถึงตื่นเต้นไปหมด
สายตาที่เพื่อนในห้องมอง ผมไม่เคยเอามาใส่ใจสักครั้ง ถ้าคนไหนล้ำเส้นของผมจนเกินไป ผมก็แค่ทำให้คนคนนั้นหายไปเท่านั้นเอง
“แล้วเพื่อนของเวย์ล่ะครับ” เวฬาของผมเธอมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งครับ
“ไม่มาหรอก วันนี้ปลาหยุดน่ะ ทำไมอะ ฉันนั่งกับนายไม่ได้เหรอ” เธอทำหน้าเหมือนจะน้อยใจผม
“นอสแค่จะบอกว่าถ้าจะนั่งแล้ว ต้องนั่งตลอดไปนะครับ ไปจากนอสไม่ได้แล้ว” นี่คือความจริงที่เธอต้องทำตาม ถ้าเธอคิดจะตัดสินใจใกล้ชิดผมแล้ว เธอจะเป็นของผมตลอดไป เธอจะเป็นคนของผม ไม่ว่าผมจะใส่ใจ หรือเฉยชา ยังไงเธอก็คือของของผม
คอลเลกชันของผมก็คือของของผมแค่คนเดียว
“นายทำไมชอบทำหน้าอ้อนเหมือนมารีเลย รู้มั้ยว่ามันทำให้ฉันใจอ่อน เลิกทำหน้าแบบนี้เลยนะ” เพราะประโยคที่ผมพูดออกไป ผมใช้สีหน้าและท่าทางที่น่าสงสารหวังให้เธอเห็นใจ
แม้จะโดนเปรียบกับหมาก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยหมาก็เรียกชื่อเธอไม่ได้
เธอเป็นคนจิตใจดี ที่ผมรู้เพราะผมสังเกตเธอมานาน และวันนี้ผมก็ได้หอมแก้มเธอแล้วด้วย แก้มของเธอมันนุ่มและหอมมาก ๆ หอมจนผมอยากจะรู้ว่าเลือดที่หล่อเลี้ยงกายของเธอมันหอมหวานแค่ไหน
“นอสเป็นแบบนี้ไม่ดีเหรอครับ นอสน่ารักนะครับ” ผมไม่ได้หลงตัวเองนะครับ ผมน่ารักจริง ๆ ใคร ๆ ก็บอกผมแบบนั้น
ไม่เข้าใจทำไมเวฬาต้องกลอกตาไปมา ผมพูดอะไรผิดตรงไหนกัน
ผมมั่นใจว่าผมน่ารักมาก ๆ ย่าไลลาก็บอกผมแบบนี้มาตลอด ย่าชอบบอกว่าผมเป็นเด็กน่ารัก ไหนจะบรรดาญาติ ๆ ของผมอีกตั้งหลายคนที่บอกแบบนี้
เพราะฉะนั้นผมไม่ได้พูดอะไรผิดไปแน่ ๆ