(4) วางยา
ด้านเฟรญาที่เข้ามาก็สั่งอาหารและนั่งพูดคุยกันไปเรื่อย กินไปคุยกันไปอย่างไม่ได้เขินอายหรือเกร็งเลยสักนิด เป็นการพูดคุยทำความรู้จักของทั้งคู่ถือว่าคุยกันถูกคอไม่น้อย แต่ในใจเฟรญาก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไรกับอีกฝ่ายมากไปกว่านี้ ทั้งที่เธอพยายามมาหลายครั้งกับการเปิดใจให้ใครสักคนอีกครั้ง
แต่ทำไมมันถึงได้ยากขนาดนี้โดยเฉพาะตอนที่...
เฟรญาไล่ความคิดบ้าๆ ออกจากหัวของตัวเองไปอย่างไม่อยากนึกถึงใครอีกคนที่เธอจดจำเขาด้วยความเกลียดชัง ใครบางคนที่ทำให้เธอรู้สึกไม่อยากเจอและไม่อยากนึกถึง
กระทั่ง…
“เราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” หลังจากมื้ออาหารผ่านไปมากกว่าครึ่งทาง เฟรญาก็บอกชายหนุ่มตรงหน้าขึ้นก่อนจะถือกระเป๋าและลุกออกจากโต๊ะตรงไปด้านหลังของร้านที่เป็นห้องน้ำสำหรับลูกค้า
ออกมาเพราะความรู้สึกแปลกๆ ที่ร่างกายของเธอรู้สึกขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ เป็นความรู้สึกที่ทำให้เธอรู้สึกกลัวไม่น้อยเมื่อยังมีสติรับรู้ ร่างกายที่เริ่มรู้สึกร้อนผ่าวภายในอย่างบอกไม่ถูก มันมีความไม่สบายจนทำให้อึดอัดไปหมด ลมหายใจถี่กระชั้นทั้งที่พยายามปรับลมหายใจเข้าออกช้าๆ แต่มันก็ไม่ดีขึ้น ที่สำคัญกว่านั้นคือความรู้สึกถึงของเหลวกลางกายที่หลั่งออกมาจนรู้สึกได้
มือบางสั่นขึ้นเบาๆ ทั้งความหวาดกลัวและการควบคุมความรู้สึกตัวเองระหว่างยกกระเป๋าขึ้นมาเพื่อหาโทรศัพท์ติดต่อไปหาเพื่อนของเธอ ตั้งใจจนไม่ได้สนใจใครบางคนที่เข้าห้องน้ำมาอย่างแผ่วเบาไร้ซุ่มเสียง
และไม่ปล่อยให้เธอได้ตั้งตัว
ปึก! สันมือฟาดลงไปยังท้ายทอยของเฟรญาอย่างที่เธอไม่รู้ตัวและไม่ได้ระวังตัวจนทำให้ร่างบางหมดสติไปในทันที ชายฉกรรจ์รายนั้นรับเธอไว้ก่อนจะอุ้มเธอออกจากห้องน้ำและไปยังประตูทางออกด้านหลังร้านอาหาร วางเธอลงบนรถแล้วรีบขึ้นประจำตำแหน่งขับออกไป
ก่อนจะเลี้ยวเข้าโรงแรมตามคำสั่งในทันที
และ...
เฟรญารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวัน เธอรู้สึกปวดเมื่อยไปตามเนื้อตัวจนยากจะขยับ พอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาถึงได้เห็นว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยพร้อมกับความทรงจำสุดท้ายของเมื่อวานผุดขึ้นมา
พรึ่บ! เฟรญาดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันทีเมื่อจำได้ว่าเธอรู้สึกไม่ดีระหว่างกินข้าวและได้ไปเข้าห้องน้ำ เธอกำลังหาโทรศัพท์เพื่อติดต่อหาเพื่อนแต่ในตอนนั้นความเจ็บก็พุ่งเข้าที่ด้านหลังก่อนภาพทุกอย่างจะตัดไป
“!!!” เป็นอีกครั้งที่ทำให้เฟรญาตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง เมื่อสภาพของเธอตอนนี้เปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียง ภาพในห้องก็เดาได้ไม่ยากว่าเป็นโรงแรม ร่างกายที่ร้าวระบมของเธอบ่งบอกได้อย่างดีว่าเกิดอะไรขึ้น
ร่างกายเธอชาวาบทันทีที่ถูกความจริงปะทะเข้ากับโสตกระสาทของการรับรู้ รู้ว่าตัวเองถูกใครก็ไม่รู้พาเข้าโรงแรมและทำมิดีมิร้าย
เฟรญากวาดสายตาไปรอบๆ เผื่อว่าจะเห็นใครคนนั้น แต่ภายในห้องกลับเงียบสนิทเพราะมีเธออยู่คนเดียว มือของเฟรญาสั่นเทา น้ำตาเม็ดโตหยดลงมาอย่างควบคุมไม่ได้ทั้งที่เธอไม่ได้ร้องไห้มานานมากแล้วแท้ๆ แต่เรื่องครั้งนี้ทำให้เธอทั้งกลัวและรับไม่ได้ที่สุดในชีวิต
กว่าเฟรญาจะปรับอารมณ์และรวบรวมสติของเธอได้ก็ใช้เวลาไม่น้อยเลย เธอแบกร่างของตัวเองพร้อมกับเสื้อผ้าเข้าไปจัดการล้างเนื้อล้างตัวก่อนจะออกจากห้องพักนั่นมา และมันยิ่งตอกย้ำไปกว่าเดิมเมื่อรู้ว่ามันคือม่านรูด
เธอไม่คิดเลยว่าชีวิตของตัวเองจะต้องมาเจอเรื่องบัดซบน่าเวทนาขนาดนี้ แต่เธอก็ทำได้เพียงรีบเดินก้มหน้าออกจากสถานที่แห่งนี้แล้วเรียกรถกลับไปส่งยังคอนโดของตัวเองในทันที กลับไปขังตัวเองอยู่ในห้องพร้อมกับความขมขื่นที่แสนจะสับสนในชีวิตอย่างไม่กล้าพูดกับใคร
“แกเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมสภาพแกเหมือนคนไม่ได้นอนแบบนี้” ปุณิกาถามเพื่อนสนิทขึ้นหลังจากเห็นสภาพเฟรญาที่ไม่ได้เจอกันแค่สองวันแต่กลับเปลี่ยนไปจนน่าตกใจ
“อืม” เฟรญาตอบกลับสั้นๆ อย่างเหม่อลอยไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรหรือพูดอะไรเลยสักนิด ตลอดวันหยุดที่ผ่านมาเธอเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ได้ตอบข้อความของใครเลยแม้แต่แฟรงค์ ข้าวก็ไม่ได้กิน ข่มตานอนก็ไม่หลับ
สภาพจิตใจของเธอตอนนี้ถือว่าย่ำแย่มากกับสิ่งที่พึ่งเกิดเมื่อวันก่อน การถูกข่มขืนอย่างไม่รู้ตัว ทั้งที่อยากแจ้งความแต่ก็กลัวกับผลลัพธ์ของมันเหลือเกิน ทั้งที่อยากพูดปรึกษากับใครสักคนแต่ก็ไม่กล้าพอจะเอ่ยปากออกมาให้ใครรับรู้
เธอไปทำอะไรไว้ทำไมตอนนี้ถึงมีเรื่องถาโถมเข้ามาใส่เธอซ้ำแล้วซ้ำอีก
“แกโอเคไหม กลับห้องไปนอนพักก่อนไหม หรือมีอะไรเล่าให้ฉันฟังก็ได้” ภัสสรอีกหนึ่งเพื่อนสนิทของเฟรญาพูดขึ้นเมื่อเห็นสภาพเพื่อนดูย่ำแย่ไม่น้อย
“เรื่องนั้นแหละ มันกวนใจฉันจนนอนไม่หลับ” เฟรญาส่ายหัวก่อนจะควบคุมอารมณ์ตัวเองแล้วโกหกออกมาว่าเรื่องที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้เพราะเรื่องที่มีคนถูกทำร้ายแล้วมีชื่อเธอไปเกี่ยวข้องด้วย
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ทำให้เธอเคยเครียด แต่ปัญหาที่พึ่งเจอมาใหม่นี้มันมากกว่าเรื่องนั้นเป็นไหนๆ
“แล้วกับแฟรงค์เป็นยังไงบ้าง เขายังปลอดภัยหรือคุยกับแกปกติดีใช่ไหม” ปุณิกาถามขึ้น
“ก็ปกติ” ตอนนี้ทางแฟรงค์ถือว่ายังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเพราะเมื่อวานเขายังส่งข้อความมาหาเธออยู่ นั่นแปลว่าเขายังปลอดภัยหรือยังไม่ได้รับรู้อะไรเหมือนสองคนก่อนหน้า
“แกอย่าพึ่งคิดมาก รอดูคนนี้ไปอีกที” ภัสสรก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากบอกเพื่อนไปแบบนั้น
“อืม” เฟรญาตอบรับสั้นๆ อย่างไม่มีอะไรจะพูดอีก เพราะตอนนี้สภาพจิตใจและหัวสมองของเธอมันหนักหนาเกินกว่าจะอยากอ้าปากพูดคุยอะไรแม้แต่คำเดียว
เธอได้แต่หวังนะว่าสุดท้ายแล้วเรื่องจะจบเพียงแค่นี้ ใครคนนั้นจะไม่ก้าวเข้ามาในชีวิตเธออีก