EP 6 | โดนง้อ
“เฮ้อ~ เฮ้อ~”
ฉันทิ้งตัวลงซบไหล่กว้างทันทีที่เขาปล่อยให้ปากของฉันเป็นอิสระ เสียงหอบหายใจของฉันดังไปพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอของเขา
น่าอายที่สุด!
ดันไปเผลอจูบตอบเขาได้ยังไงเนี้ยยัยเพิร์ล!
แกล้งเป็นลมดีไหมนะ?
Rrrr Rrrr~
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ฉันสะดุ้งเงยขึ้นมามองหน้าเขาซึ่งสายตาดุดันคู่นั้นก็กำลังมองหน้าฉันอยู่เหมือนกัน
“จะนั่งท่านี้จนกลับบ้านเลยหรือไง”
อีตาบ้า!
เขาเป็นคนอุ้มฉันมานั่งเองแท้ๆ มาพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำแบบนั้นได้ยังไงยะ ฉันได้แต่ทำสีหน้าไม่พอใจก่อนจะค่อยๆ ขยับลงจากตักเขาแล้วกลับมานั่งที่เบาะของตัวเอง
คุณไมล์มองชื่อที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าจอก่อนจะกดปุ่มรับสายตรงพวงมาลัยรถของเขา
“อืม”
เป็นการรับสายที่ไร้มารยาทสุดๆ แต่ใครจะไปกว่าว่าเขาล่ะเขาเป็นเจ้านายนี่ จะรับสายแบบไหนลูกน้องก็ไม่กล้าบ่นอยู่แล้ว
“คนขับรถคันนั้นไม่ใช่พวกมันครับ เป็นแค่เด็กวัยรุ่นบ้านรวยทั่วไปเท่านั้น”
เสียงลูกน้องของเขาที่ฉันรู้สึกคุ้นหูดังขึ้นมาตามสาย คิดว่าคนนี้น่าจะเป็นมือขวาของเขานะเพราะคอยโทรรายงานอยู่ตลอด
“อืม ปล่อยมันไป”
“ครับนาย”
พูดจบคุณไมล์ก็กดตัดสายทันที ส่วนฉันเบนสายตาออกไปมองนอกหน้าต่างเพราะไม่อยากจะมองหน้าเขาตอนนี้
“หึ”
หัวเราะอะไรยะ!
เป็นแค่ความคิดในใจเท่านั้นค่ะ เพราะความเป็นจริงฉันไม่กล้าแม้แต่หันไปมองหน้าเขาด้วยซ้ำ ซึ่งเขาก็ขับรถต่อโดยไม่ได้พูดอะไรเหมือนกัน จนรถเลี้ยวเข้าไปจอดที่หน้าบ้านที่มีคุณพ่อ คุณแม่และคุณตามายืนรออยู่แล้ว
“คุณตา!”
O.O
เมื่อเช้าโทรมาบอกว่าจะมาหา ตอนค่ำก็มาถึงเบคาเทียเรียบร้อยจะไม่ให้ฉันบอกว่าคุณตาเป็นวัยรุ่นใจร้อนได้ยังไงล่ะ รถจอดเทียบที่ประตูหน้าบ้านฉันก็รีบเปิดประตูรถลงไปทันที
“คุณตาขาาา~”
ฉันเข้าไปสวมกอดคุณตาด้วยความคิดถึงก่อนจะฉุกคิดขึ้นได้ว่าคุณตามาหาแบบนี้ อย่าบอกนะว่าจะมาเร่งเรื่องหมั้น
“ไงเรา รู้จักกับว่าที่คู่หมั้นแล้วใช่มั้ย”
ฉันตวัดสายตากลับไปมองคนที่เพิ่งลงมาจากรถทันที อยากจะฟ้องคุณตาเหลือเกินว่าออกไปแค่สองชั่วโมงฉันก็แทบจะวิ่งหนีกลับบ้านแล้วอย่าให้พูดเรื่องหมั้นหรือใช้ชีวิตด้วยกันเลย
“สวัสดีครับ”
คุณไมล์พูดพร้อมคร่อมศีรษะลงเล็กน้อย มาเฟียก็แสดงละครเก่งเหมือนกันนะ คำว่า ‘ครับ’ ของเขาเล่นเอาฉันขนลุกไปทั้งตัวเลย
“สวัสดีคุณไมล์ สบายดีนะ”
คุณตาเอ่ยถามพลางส่งยิ้มให้บางๆ แต่อีตาไมล์นี่หน้าตึงเหมือนเดิม ตอนเกิดมาลืมต่อมมนุษยสัมพันธ์ไว้ในท้องแม่หรือไงนะ
“สบายดีครับ”
“เข้าไปดื่มน้ำข้างในก่อนมั้ยคะคุณไมล์”
คราวนี้แม่ฉันเป็นคนชวนแต่คุณไมล์หันมามองหน้าฉันก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
“ไว้โอกาสหน้าดีกว่าครับ ผมต้องไปทำงานต่อ”
ทำงาน? ฉันคิดว่าเป็นมาเฟียนี่นอนนับเงินสบายๆ เสียอีก ทำงานป่านนี้เลิกงานกี่โมงล่ะเนี้ย
แล้วฉันจะอยากรู้เรื่องเขาทำไม
“ขอตัวก่อนนะครับ”
“เชิญ.....ค่ะ”
สายตาทั้งหกคู่ที่มองมาทำให้ฉันต้องลงท้ายคำว่า ‘ค่ะ’ ไปด้วย คุณไมล์คร่อมศีรษะลงก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไป ตอนนี้ทั้งคุณตา คุณพ่อและคุณแม่มองมาทางฉันเป็นตาเดียว
“หาววว~ ง่วงนอนจัง เพิร์ลไปนอนก่อนนะคะพรุ่งนี้ราวน์คนไข้แต่เช้า”
รีบหนีก่อนดีกว่า ฉันยังไม่พร้อมจะคุยเรื่องอะไรกับใครทั้งนั้นแต่ก็โชคดีที่ไม่มีใครรั้งฉันเอาไว้ ฉันจึงได้ขึ้นมาอาบน้ำเข้านอนอีกรอบอย่างสบายใจ
@คลอส เชน ฮอสปิตอล-เปโดร
“สวัสดีค่ะคุณหมอเพิร์ล”
“สวัสดีค่ะ”
กลุ่มพยาบาลเอ่ยทักทายเมื่อเห็นว่าฉันเดินเข้าไปในวอร์ด วันนี้ฉันมีนัดผู้ป่วยผ่าคลอดสองเคสหลังจากนั้นก็เข้าตรวจคนไข้ทั่วไปตามปกติแต่ที่ไม่ปกติคือวันนี้โทรศัพท์ของฉันดันมีสายโทรเข้าทั้งวันสลับกับการส่งข้อความมาไม่หยุด ซึ่งคนที่กำลังก่อกวนการทำงานของฉันก็คือ....
Rrrr Rrrr~
‘Evan’
Evan | Message
‘สามวันแล้วนะ ที่รักยังไม่หายงอนอีกเหรอครับ’
Evan | Message
‘มีอะไรเรามาคุยกันดีๆ ได้มั้ย เค้าขอโทษนะ สัญญาว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีกแล้วครับ’
Evan | Message
‘คุณจะไม่คุยกับผมจริงๆ เหรอ ระยะเวลาที่เราคบกันมาไม่มีความหมายอะไรกับคุณเลยใช่มั้ย’
Evan | Message
‘เลิกงานแล้วไปกินข้าวด้วยกันนะ ไปร้านที่ที่รักชอบทานตรงข้างมหาลัยของเราดีมั้ย’
และอีกหลายๆ ข้อความที่ฉันไม่คิดจะเปิดอ่านจนสุดท้ายก็ต้องบล็อกเบอร์และช่องทางโซเชียลต่างๆ เพราะไม่อยากติดต่ออะไรกับเขาอีก
ข้อความที่เขาพิมพ์มาต่างๆ นาๆ สาบานเถอะว่าผ่านการกลั่นกรองจากสมองของเขามาแล้ว นี่เขาคิดว่าฉันแค่งอนเหมือนปกติงั้นเหรอ พอฉันเป็นคนง่ายๆ ก็คิดว่าเรื่องแบบนี้จะยอมง่ายๆ ด้วยสินะ
“เฮ้ออ~”
ฉันวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทำงานก่อนจะยกนิ้วขึ้นนวดระหว่างคิ้วของตัวเองเบาๆ จนได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามาจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง
“งานเยอะเหรอแก” ยัยมิเชลนั่นแหละ
“เหนื่อยงานไม่เท่าไหร่หรอก เหนื่อยใจมากกว่า”
“แล้วหัวใจ เป็นไงบ้างอ่ะ”
“ยังไม่ดีหรอกแต่ก็คงจะดีขึ้นเรื่อยๆ เองแหละ”
ฉันตอบกลับไปตามตรง บางครั้งฉันก็ยังเผลอคิดถึงเรื่องราวของเราความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้กัน ฉันเป็นคนแบบนี้แหละจะร้องไห้ฟูมฟายมากที่สุดก็คงแค่สามวันแต่หลังจากนั้นไม่ได้แปลว่าฉันไม่เสียใจ
“ฉันขอคารวะกับความใจแข็งของแกเลย”
“มันมีไม่กี่เรื่องเองที่ฉันรับไม่ได้ แต่เขาก็ดันทำเรื่องนั้น”
“มากอดมาๆ”
ยัยมิเชลพูดพร้อมโน้มตัวลงมากอดฉันพลางโยกตัวไปมาเหมือนกล่อมเด็ก ฉันจึงหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะยกแขนขึ้นกอดกลับไป
จนถึงเวลาเลิกงาน ฉันเปิดประตูห้องตรวจออกมาก็เจอกับสายตากรุ้มกริ่มของพยาบาลที่มองมาทางฉันพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มีเรื่องอะไรอีกล่ะเนี้ยทำไมมองฉันด้วยสายตาแบบนั้น
“มีอะไรกันเหรอคะ^^”
“เพิร์ลครับ”
และเสียงของคนที่ดังขึ้นหน้าวอร์ดก็ทำให้ฉันรู้ทันที อีวานกำลังยืนถือช่อดอกลิลลี่สีขาวส่งยิ้มมาให้ฉันอยู่และเมื่อเห็นหน้าเขายิ้มของฉันก็หุบลงอัตโนมัติ
“ออกไปคุยที่อื่น”
ฉันเดินเข้าไปหาเขาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน ฉันไม่พอใจมากๆ ที่เขาทำแบบนี้ คิดว่ามีคนอยู่เยอะแล้วฉันจะยอมใจอ่อนเพื่อรักษาหน้าตาตัวเองใช่ไหม
อีวานยอมเดินตามฉันออกมาแต่โดยดีแม้ตลอดทางเขาจะพยายามเข้ามาจับมือฉันก็ตาม จนเราเดินออกมาถึงลานจอดรถฉันจึงหันไปเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง
“ทำแบบนี้ทำไม”
“ก็ง้อที่รักไง ที่รักงอนเค้ามาสามวันแล้วนะ”
“อีวาน! คุณไม่รู้เลยเหรอว่าสิ่งที่คุณทำมันน่ารังเกียจแค่ไหนและตอนนี้ฉันก็ไม่ได้งอนอะไรคุณเลย ฉันต้องการเลิกกับคุณ”
ฉันพูดพลางหันมองรอบๆ ตัว แม้จะมีคนเดินผ่านไปผ่านมาอยู่บ้างแต่เราสองคนก็ยังไม่ได้เป็นจุดสนใจ
“ระยะเวลาที่เราคบกันมามันไม่มีความหมายเลยเหรอ”
“ฉันต่างหากที่ต้องถามคำถามนี้กับคุณ คุณกล้าทำเรื่องสารเลวแบบนั้นได้ยังไง!”
น้ำเสียงที่ดังขึ้นของฉันเริ่มทำให้คนหันหน้ามามอง แต่ตอนนี้ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ฉันไม่ได้เป็นคนที่ทำผิดทำไมฉันต้องอาย
“ผมไม่มีวันปล่อยคุณไปเด็ดขาด”
มือทั้งสองข้างของฉันกำกระโปรงตัวเองไว้แน่น ความจริงฉันอยากจะตบเขาให้หน้าหันแต่ก็คงเจ็บมือเปล่าๆ เพราะดูแล้วเขาไม่สำนึกอะไรในความผิดของตัวเองเลย
“เชิญคุณบ้าไปคนเดียวเถอะ!”
“คุณบังคับให้ผมต้องทำแบบนี้เองนะเพิร์ล”
อีวานพูดพลางยกยิ้มมุมปาก ฉันจึงเริ่มหันมองรอบๆ ตัวอย่างระแวงเพราะไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จนจู่ๆ อีวานก็นั่งลงคุกเข่าพร้อมกับพูดขึ้นเสียงดัง
“แต่งงานกันนะเพิร์ล!^ [+++] ^”
ค่ะ! เสียงตะโกนของอีวานทำให้เรากลายเป็นจุดสนใจทันที คนที่เดินผ่านไปผ่านมาหันมามองเรา บางคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อถ่ายคลิปความประทับใจ
พลั่ก!
“ไปแต่งกับแม่มึงนู้น!”
OoO!!
อีวานถูกถีบหน้าหงายล้มลงไปทันทีแต่มันไม่ใช่ฝีมือของฉันเพราะมันคือขายาวๆ ของคนที่มายืนอยู่ข้างฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“คุณไมล์!”