EP 4 | เดทมรณะ
“ใครบอกล่ะคะ หนูคิดถึงคุณตาม๊ากกกมาก”
ฉันพูดพลางเปิดประตูรถ วางกระเป๋าผ้าของตัวเองลงที่เบาะข้างคนขับแล้วทำการเชื่อมต่อบลูทูธโทรศัพท์เข้ากับรถก่อนจะขับรถออกจากโรงพยาบาล
“ตาก็คิดถึงเพิร์ลม๊ากมากเหมือนกัน”
น้ำเสียงของคุณตาเล่นเอาฉันขนลุกขึ้นมาทันที ในใจได้แต่ภาวนาขอให้ไม่ใช่เรื่องที่ฉันคิดเอาไว้ด้วยเถอะ
"ตาก็เลยจะบินไปหาเพิร์ลที่เบคาเทียดีมั้ย”
มาจริงๆ ด้วยTT
“ดีค่ะคุณตา”
“ตอบว่าดีแต่น้ำเสียงเพิร์ลเหมือนจะร้องไห้เลยนะ”
“หนูดีใจจนน้ำตาจะไหลต่างหาก”
“โกหกคนแก่มันบาปนะเพิร์ล”
“ฮืออออ คุณตาอ่ะ”
จนมุมค่ะ คุณตาน่ะรู้ทันฉันไปหมดทุกอย่างและฉันก็รู้ทันคุณตาด้วย ลงทุนบินมาที่เบคาเทียแบบนี้มีเรื่องใหญ่ชัวร์
“ฮ่าๆ เข้าเรื่องเลยนะ พร้อมจะแต่งเมื่อไหร่ล่ะ”
เอี๊ยด!
ปรี๊นนนน!
ฉันเหยียบเบรกกะทันหันด้วยความตกใจ ทำให้รถที่ขับตามหลังมาทั้งบีบแตรทั้งตะโกนอวยพรออกมาเลยล่ะ ฉันรีบเปิดไฟเลี้ยวแล้วขับรถเข้าไปจอดข้างทางก่อนเลย
“คุณตาคะ เพิร์ล...”
“ครั้งที่แล้วตาให้โอกาสเพิร์ลพิสูจน์ความรักตามที่เพิร์ลขอแล้วนี่ สุดท้ายมันก็จบไม่สวย”
“มันก็ไม่ได้แปลว่าคนที่คุณตาเลือกให้จะจบสวยนี่คะ”
“แต่เพิร์ลยังไม่ให้โอกาสตาพิสูจน์เลยนะ”
จนมุม... คุณตาไม่เคยบังคับฉันหรอกค่ะ ท่านใช้เหตุผลคุยกับฉันเสมอ ตอนนั้นที่ท่านบอกว่าอยากให้ฉันหมั้นแต่ฉันปฏิเสธเพราะมีแฟนอยู่แล้วท่านก็ยอมถอย
“แต่หนูเพิ่งเลิกกับแฟนแค่หนึ่งวันเองนะคะ จู่ๆ จะให้แต่งงานเลยมันไม่แปลกไปหน่อยเหรอคะคุณตา”
“การมูฟออนที่ดีคือมีผู้ชายใหม่”
“คุณตาาาา~”
โอ๊ยยย! จะวัยรุ่นใจร้อนไปไหนคะเนี้ย รู้จักมูฟออนอีกต่างหาก
“คุณตาฟังหนูนะคะ หนูไม่อยากดึงใครเข้ามาในขณะที่หนูยังทำใจไม่ได้ คือหนูไม่ได้คิดจะกลับไปคืนดีอะไรกับอีวานแน่นอน แต่หนูอยากเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครในเวลาที่ความรู้สึกของหนูมันพร้อม”
คำอธิบายของฉันทำให้คุณตาเงียบไปก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจดังมาตามสาย
“พร้อมของเพิร์ลนานแค่ไหน”
“หนูไม่รู้ค่ะ มันเป็นเรื่องของความรู้สึกหนูก็ตอบคุณตาไม่ได้”
“ได้ ตาจะรอเพิร์ล แต่ไม่รู้ว่าจะรอไหวหรือเปล่านะ ตาก็แก่แล้วจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้”
“คุณตาขาาาา~”
“ไม่เป็นไรๆ แค่กๆๆ ตาเข้าใจๆ”
คุณธนัทเล่นใหญ่รัชดาลัยมากจ้ะ ทั้งทำเสียงเศร้าแถมยังไอมาด้วยอีกต่างหาก
“หนูจะทบทวนดูนะคะคุณตา”
“ตารักเพิร์ลนะ”
“หนูก็รักคุณตาค่ะ”
สุดท้ายคนแก่ก็ยอมวางสายไป ฉันถอนหายใจกับพวงมาลัยออกมาอีกครั้งก่อนจะเปิดไฟเลี้ยวและขับรถกลับบ้าน
กลับมาถึงที่บ้านก็สลบเป็นตายเลยค่ะ กว่าจะตื่นขึ้นมาก็เกือบเย็นแล้วและฉันรู้สึกตัวก็เพราะพยาธิในท้องแข่งกันร้องด้วยความหิว
“มีอะไรกินบ้างคะแม่ อ้าว...หายไปไหนกันหมด”
บรรยากาศในบ้านเงียบกริบราวกับไม่มีใครอยู่ คุณพ่อยังไม่เลิกงานเหรอแล้วคุณแม่ออกไปไหน
“คุณหนูคะ มีแขกรออยู่ที่หน้าบ้านค่ะ”
แม่บ้านคนหนึ่งเดินเข้ามาบอกฉันแล้วก็รีบเดินออกไปทันที ไม่เว้นช่องว่างให้ฉันได้ถามเลยว่าแขกคือใคร
“รีบอะไรขนาดนั้น”
ฉันก้มลงมองชุดที่ตัวเองกำลังใส่ เสื้อยืดสีขาวลาย Little mermaid กับกางเกงขาสั้น ขึ้นไปเปลี่ยนดีไหมนะแต่ถ้าปล่อยให้แขกรอก็คงจะไม่ดีแน่ ออกไปแป๊บเดียวคงไม่เป็นอะไรหรอกมั่ง
และแขกที่ยืนอยู่ที่หน้าบ้านก็ทำให้ฉันตาโตขึ้นมาทันที รถสีดำห้าคันจอดเรียงอยู่หน้าบ้านฉัน ซึ่งเป็นรถBMW i7 xDiver60 M Sportจอดอยู่ข้างหน้าสองคันและข้างหลังอีกสองคันแถมยังมีบอดี้การ์ดใส่สูทสีกรมยืนอยู่ที่รถคันละสี่คนอีกด้วย
ส่วนคันตรงกลางคือ Lamborghini Centenario ที่มีเจ้าของยืนกอดอกพลางก้มมองนาฬิการาวกับว่าเขามายืนรออยู่นานแล้ว แต่พวกเขาเป็นใคร?
“มาหาใครคะ”
ผู้ชายผมสีน้ำเงินที่ยืนพิงรถอยู่เงยขึ้นมามองหน้าฉันก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงพลางจ้องฉันด้วยสายตาไม่พอใจ ฉันคุ้นๆ หน้าเขานะ
ผมสีน้ำเงินแบบนี้...
ดวงตาเฉี่ยวคมสีน้ำตาลเข้ม...
ใบหน้าที่ดูหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา...
‘ผัวเมีย ผัวเมีย งั้นเรามาจูบๆๆ กันน >3O<
“คุณมาทำไมคะ”
“แม่เธอให้มารับไปกินข้าว”
แม่นะแม่! หายไปไหนก็ไม่บอกแถมยังให้เขามารับฉันไปกินข้าวโดยไม่ปรึกษากันสักคำอีก
“เอ่อ...ฉันขอโทรหาแม่ก่อนแล้วกันนะคะ”
“เสียเวลา!”
คุณไมล์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงดุดันก่อนจะปรายตาไปมองบอดี้การ์ดของเขาแล้วพยักหน้าหนึ่งครั้งถ้วน หลังจากนั้นเปิดประตูขึ้นไปนั่งในรถทันที
อะไรของเขาวะเนี้ย!
ฉันรีบหันหลังกลับเข้าไปในบ้านเพื่อจะขึ้นไปหยิบโทรศัพท์โทรหาคุณแม่แต่เดินมาได้แค่สามก้าวเท่านั้น จู่ๆ ก็มีบอดี้การ์ดสองคนเดินเข้ามาขนาบข้างฉัน
“ขอโทษครับ”
“คะ? กรี๊ดดด! พวกคุณจะทำอะไรฉันเนี้ย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
บอดี้การ์ดทั้งสองคนหิ้วฉันลอยขึ้นจากพื้นก่อนจะเดินตรงมาที่รถของคุณไมล์ทันที นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
ประตูรถ Lamborghini Centenario ถูกเปิดออกก่อนที่บอดี้การ์ดของเขาจะยัด ย้ำ! ยัดฉันเข้าไปในรถแล้วปิดประตูทันที
“นี่มันไม่ใช่การชวนไปกินข้าวนะ สิ่งที่คุณทำเขาเรียกว่าการบังคับ!”
ฉันหันไปตวาดใส่คนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยทันที นอกจากเขาจะมีสีหน้าไม่สะทกสะท้านแล้ว เขายังเลื่อนมือลงมาเข้าเกียร์และออกรถหน้าตาเฉย
“คุณไมล์! ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง”
“ฉันไม่ได้ชวน แม่เธอสั่ง”
เขายังคงตอบกลับมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งในขณะที่สายตากำลังจดจ่ออยู่ที่ท้องถนน แถมยังขับรถน่ากลัวมาก เขาขับจี้ทุกคันที่ขวางหน้าเลย
“แล้วคุณเป็นลูกชายแม่ฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงต้องมาคอยทำตามคำสั่งของแม่ฉันน่ะ”
“ว่าที่ลูกเขย”
คุณไมล์ตอบกลับมาพลางยกยิ้มมุมปากขึ้นแว็บเดียว แค่แว็บจริงๆ แว็บเหมือนคนเส้นกระตุกมากกว่า
“ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงเรื่องหมั้นกับคุณเลยนะ”
“เงียบ ฉันต้องการสมาธิ”
ฉันหันไปมองข้างหน้ารถจึงเห็นว่าเขากำลังขับรถเบียดอยู่กับอีกคันที่ไม่ยอมให้ทางเขาแม้ว่าเขาจะเปิดไฟสูงใส่คันนั้นก็ไม่ยอมหลบ ฉันจึงรีบคว้าสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้ทันที
“คุณจะไปแข่งกับเขาทำไม ขับดีๆ ได้มั้ย”
“เงียบ!”
รูดซิปปาก ณ บัดนาว
แล้วทำไมฉันต้องมาอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงตายอะไรแบบนี้ด้วยเนี้ย ถ้าบอกว่าจะพาไปกินข้าวนี่คือเดทแรกของเรานะ ประทับใจสุดๆ ไปเลย!
คุณไมล์ขับรถเบี่ยงซ้ายคันนั้นก็ปาดซ้าย พอเขาเบี่ยงขวาคันนั้นก็ปาดขวา จนคุณไมล์หาจังหวะแซงขึ้นมาทางด้านขวาได้ เขากดลดกระจกฝั่งของฉันลงส่วนมือก็ยื่นมาเปิดที่ช่องเก็บของข้างหน้าฉันก่อนจะหยิบ....
ปืน O.O
“เฮือก!”
ฉันตกใจหลังพิงเบาะอัตโนมัติและเมื่อคนขับรถคันนั้นหันมาเห็นปืนในมือเขาก็เบรคแล้วเลี้ยวจอดข้างทางไปทันที
คุณไมล์เก็บปืนกลับเข้าที่เดิมก่อนจะกดเลื่อนกระจกปิดพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ของเขาที่ดังขึ้นมา ส่วนฉันยังนั่งอึ้งอยู่เหมือนเดิม
Rrrr Rrrr
“ส่งคนไปดูว่ามันเป็นใคร”
เขากดรับสายที่พวงมาลัยแล้วพูดขึ้นทันทีไม่รอฟังอะไรจากคนปลายสายทั้งนั้น
“ได้ครับนาย ถ้าเป็นพวกมันล่ะครับ”
“ฆ่าทิ้ง”
OoO!
นี่มันคือการเจอกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกของฉันกับว่าที่คู่หมั้นที่น่าจดจำมากที่สุดเลย พับผ่าสิ!