บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 จะเลี้ยงไว้เอง

โรงพยาบาลกลางเมือง

ชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงสีดำเดินมาถึงแผนกประชาสัมพันธ์พร้อมกับถอดแว่นตาแล้วก้มลงเสมอช่องว่างทำท่าจะถามพยาบาลด้านใน...

ปึก! เสียงทุบหลังดังปึกใหญ่ทำให้เขายืดหลังตรงหันขวับไปมองหน้าเพื่อนทันที "ทุบทำเชี้ยไรวะ กูจะถามเขาเนี่ย" ดอนว่าขึ้นอย่างหัวเสีย

"ถาม?" "ก็เออ...ก็ถามไม่งั้นคนป่วยเป็นร้อยมึงจะรู้หรือไง วู้...ไอ้คนไม่เคยป่วย" ว่าเพื่อนแล้วชักสีหน้าใส่ก่อนจะหันมาก้มลงจุดเดิมแล้วยิ้มอ่อนจนพยาบาลอายม้วนแล้วถามน้ำเสียงกรุ้มกริ่มเต็มที่ "ขอโทษนะครับ เรามาเยี่ยม คุณวันฤดี บุญนำพา ครับ ต้องไปตรงไหนครับ"

ทันทีที่พยาบาลได้ยินชื่อคนป่วยก็เงยหน้ามอง 2 หนุ่มหล่อหน้าเคาน์เตอร์ ก่อนจะถามอย่างสงสัย "พวกคุณเป็นญาติเธอหรือเปล่าคะ"

"เอ่อ...ไม่ใช่ครับ เป็นคนรู้จักครับ เพิ่งรู้ว่าเธอป่วย" ไครีบตอบก่อนเพื่อน

"งั้นพวกคุณมาช้าไปค่ะ เธอเพิ่งเสียไปเมื่อ 6 โมงเช้านี่เองค่ะ ตามประวัติเธอไม่มีญาติมีแค่ลูกสาวอายุ 2 ขวบเศษ ทางโรงพยาบาลจะดำเนินการแจ้งทางมูลนิธิให้นำศพเธอไปบำเพ็ญกุศลให้ตามศาสนาค่ะ" คำตอบของพยาบาลสาวทำเอา 2 หนุ่มหันมองหน้ากันแล้วกลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ

"เอาไงวะไค" ดอนปรึกษาเพื่อนหน้าเครียด

"โทรหาป้าแก้วสิวะ กูจะรู้เหรอ" ไคว่าพร้อมกับล้วงมือถือออกจากกระเป๋า แล้วหันไปมองประตูทางเข้าพอดี เห็นหนุ่มหล่อร่างสูงโปร่งสวมกางเกงยีนส์สีเข้มเสื้อยืดคอกลมสีขาวสวมแว่นกันแดดสีดำสนิทอุ้มเด็กในชุดเดิมเมื่อคืนเดินเข้ามาพร้อม ๆ กับป้าแก้วและนิดที่เดินตามมาด้วย

"ว่ายังไงเจอแม่หนูดีหรือเปล่า" เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับมองหน้าผู้ติดตามนิ่ง ๆ

"เอ่อ...คือ เธอ...." ดอนอึกอัก

"คุณวันฤดี บุญนำพา เธอเสียแล้วค่ะ เมื่อเช้ามีคนเห็นเธอฟุบหมดสติอยู่หน้าโรงพยาบาลค่ะ ทางเราช่วยเต็มที่แล้วแต่เธอสู้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ" พยาบาลคนเดิมเดินออกมาจากเคาน์เตอร์พร้อมกับกล่าวกับป้าแก้วที่เธอเข้าใจว่าเป็นคนรู้จักของผู้ตาย

"แล้วทำไงต่อป้า" เสียงทุ้มเอ่ยถามป้าแก้วพร้อมกับหันมามองหน้าพยาบาลสาวพอดีกับมือเล็ก ๆ ดึงแว่นตาออกจากหน้าโชว์หน้าหล่อคม จมูกโด่งเป็นสันสวยจนพยาบาลอ้าปากค้าง

"เอ่อ...คือ" พยาบาลอึกอัก

"งั้นคุณพยาบาลบอกทางไปหาเธอได้มั้ยคะ เราจะจัดการเองค่ะ" ป้าแก้วตัดสินใจหันไปบอกพยาบาลก่อนจะถอนหายใจมองหน้าเด็กน้อยที่ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าแม่ของเธอจากโลกนี้ไปแล้ว

"งั้นเดี๋ยวเดินตามบุรุษพยาบาลคนนี้ไปนะคะ"ว่าพรางผายมือไปทางบุรุษพยาบาลที่เดินเข้ามาหาพอดี แล้วบอกให้เขาพาไปหาผู้ตายที่ห้องดับจิต

"หนูดี...ไปอยู่ไหนมาคะ เอ่อ สวัสดีค่ะ" พยาบาลวัยกลางคนที่เดินเข้ามาเอ่ยทักเด็กน้อยอย่างตกใจก่อนจะทักทายคนทั้ง 5 ที่มากับเด็กน้อยอึ้ง ๆ "พวกคุณเป็นญาติของคุณวันฤดีหรือคะ เมื่อวานตอนเย็นเธอขอพาลูกออกไปซื้อของแล้วหายไปเลยค่ะ มีคนเจออยู่หน้าโรงพยาบาลเมื่อเช้าเรากำลังกังวลอยู่ว่าลูกเธอไปไหน"

"เมื่อคืนเราเจอเด็กคนนี้ที่ทางเข้าบ้านครับ ในกระเป๋าเด็กมีเอกสารของพ่อกับแม่ เราเลยตามมาที่โรงพยาบาล" ดอนตอบพร้อมกับมองหน้าป้าแก้วเชิงปรึกษา

"เธอเสียแล้วค่ะ หมอบอกว่าน่าจะเสียตั้งแต่อยู่หน้าโรงพยาบาลแล้ว เด็กคนนี้ปกติเธอไม่ค่อยให้ใครอุ้มเท่าไหร่นะคะแล้วก็ไม่ยอมพูดกับใครนอกจากแม่ของเธอ เรากำลังจะประสานมูลนิธิเพื่อจัดการกับศพของแม่เธอตามที่เธอเขียนคำร้องไว้ แล้วก็จะจัดส่งเด็กไปที่สถานสงเคราะห์ให้ค่ะ" พยาบาลคนเดิมว่าพรางมองหน้าป้าแก้วแล้วเหลือบไปมองหนุ่มหล่อร่างสูงที่กำลังอุ้มเด็กน้อยอยู่ ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ให้หนูดีที่หันมาเจอเธอพอดี

"แม่..." เด็กน้อยรีบผวากอดคอแกร่งแล้วซบหน้าลงที่บ่าหลบตาพยายาลทันที จนดอนที่ยืนด้านหลังมองหน้าพยาบาลอย่างคาดคั้น

"เอ่อ...คือ น้องมีความทรงจำไม่ค่อยดีกับดิฉันเท่าไหร่ค่ะ ทุกครั้งที่แม่เธอทรุดต้องให้ยาดิฉันจะเป็นคนแยกน้องออกจากห้อง น้องเลยค่อนข้างกลัวค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะแจ้งไปทางสถานสงเคราะห์ว่าเจอเด็กแล้วนะคะ ส่วนศพของแม่เธอตอนนี้รถมูลนิธิกำลังมารับค่ะ"

"ไม่ต้องยุ่ง เด็กนี่เราจะเลี้ยงเอง ส่วนศพแม่เธอเราจะจัดการเอง" มาเฟียสที่ยืนฟังอยู่หันมาพูดเสียงห้วนพร้อมทั้งกอดเด็กน้อยไว้แน่นเหมือนหวงแหน

"เอาจริงหรือครับนาย นายไม่เคยเลี้ยงเด็กเลยนะครับแล้วนายต้องกลับไปเรียนต่ออีกนะครับ" ไคว่าขึ้นพรางหันไปสบตากับป้าแก้ว

"ถึงกูไม่เคยเลี้ยงเด็กแต่กูก็เคยเลี้ยงหมา มันไม่ต่างกันนักหรอก ป้าแก้ว" หันไปตอบผู้ติดตามแต่คนได้ยินกลับอ้าปากค้าง

"ในเมื่อเธอตั้งใจเอาลูกเธอมาฝากเรา เราจะรับผิดชอบเองค่ะ รบกวนพาเราไปหาเธอเถอะค่ะคุณพยาบาล" ป้าแก้วหันไปพูดกับพยาบาลก่อนจะพยักหน้ายืนยันตามความต้องการของผู้เป็นนาย

"งั้นเชิญด้านนี้ค่ะ" พยาบาลผายมือแล้วพาทุกคนเดินไปทางด้านหลังของอาคารที่ตอนนี้มีรถมูลนิธิวิ่งเข้ามาพอดี

การดำเนินการต่าง ๆ ตั้งแต่ช่วงสายของวันจนถึงบ่ายแก่ ๆ เด็กน้อยที่ไม่รู้ตอนนี้ชีวิตกำลังจะเปลี่ยนตลอดกาลหลับอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในรถเพื่อกลับบ้านให้เธอได้พักผ่อน ส่วนป้าแก้วให้ดอนพาไปจัดการงานศพที่วัดตามสมควรโดยตั้งใจจะสวดอภิธรรม 3 คืนถึงจะมีการฌาปนกิจแต่ระหว่างนี้จะไม่ให้เด็กน้อยมาร่วมงาน จะเกณฑ์เพียงเด็กรับใช้ในบ้านและบอดี้การ์ดที่มีมาฟังสวดทุกคืนเท่านั้น ส่วนทางด้านตัวเด็กป้าแก้วได้ปรึกษากับทางอำเภอเพื่อของรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม แต่ทั้งนี้ต้องกลับมาเตรียมเอกสารก่อนจะไปดำเนินการภายหลัง

คฤหาสน์แอนโทเนีย

มาเฟียสเดินอุ้มเด็กน้อยเข้ามาในบ้านแล้วเดินขึ้นบันได้หมายจะขึ้นไปบนห้องตัวเอง แต่...

"นายครับ ให้เธอนอนข้างล่างก็ได้ครับเดี๋ยวป้าแก้วก็กลับมา เด็กไม่ได้ใส่แพมเพิสเดี๋ยวก็ฉี่ใส่ที่นอนนายพอดี" ไคว่าขึ้นตามหลัง

"อืม..." พยักหน้าแล้วหันกลับลงมาข้างล่าง ค่อย ๆ วางเธอลงบนโซฟาตัวยาว ถอดเสื้อคลุมตัวเองออกมาห่มให้

"กูจะบอกแม่ว่ากูจะเลี้ยงไอ้ตัวเล็กนี่ไว้เอง" ชายหนุ่มบอกอย่างใช้ความคิดก่อนจะล้วงมือถือออกมาโทรหามารดาที่อยู่อีกซีกโลกแบบไม่ได้คำนวณเวลานอนของอีกฝั่ง

"เอ่อ..." ไคอ้าปากจะห้ามแต่ ปลายสายกดรับสายทันทีเหมือนรอสายอยู่ก่อนแล้ว

'ว่าไงคะสุดที่รักของแม่' เสียงคุณหญิงเอื้องฟ้าดังมาตามสายอย่างร่าเริง

"รับสายเร็วจังเลยครับ แม่อยู่ไหนครับนี่"

'อยู่ญี่ปุ่นค่ะลูก มาทัศนศึกษานิดหน่อย อีก 2 วันก็กลับแล้วจ่ะ' คุณแม่ตอบพร้อมกับหันไปคุยกับเพื่อนด้วยภาษาอังกฤษอย่างอารมณ์ดี

"แม่กลับไทยมั้ยครับ แล้วเราค่อยกลับบ้านพร้อมกัน ผมมีอะไรให้แม่ดูครับ" มาเฟียสถามแม่ก่อนจะกดขอวีดีโอคอล

'ฮัลโล ว่าไงคะสุดหล่อ มีอะไรจะอวดคุณแม่คะ จะเป็นเกียรตินิยมหรือคู่ควงคนใหม่กันน้า...' คุณหญิงเอื้องฟ้ากดรับสายพร้อมกับถามลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างอารมณ์ดี ซึ่งสิ่งที่เธอถามหาเรื่องเรียนนั้นเธอรู้ดีอยู่แล้วว่าลูกชายไม่พลาดแน่นอนและเรื่องคู่ควงนั้นเธอก็ทราบดีว่าลูกชายเธอเบื่อง่ายและไม่ชอบการผูกมัดจึงเป็นไปไม่ได้ที่มาเฟียสจะบอกแม่ว่ามีคู่ควงหรือแฟนที่เป็นปัจจุบัน

"ไม่ใช่ครับ มีไอ้ตัวนี้ครับ" ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ พร้อมกับแพลนกล้องเข้าหาเด็กน้อยแก้มป่องที่กำลังหลับอุตุอยู่บนโซฟา

'ตายแล้ว! ไปเอาลูกใครมา มาเฟียส ....

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel