บทที่ 2 คำขอสุดท้ายของแม่
รุ่งเช้า
เด็กน้อยตื่นขึ้นมากับสถานที่แปลกตา เธอลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปมองชายร่างใหญ่ที่นอนหลับสนิทในสภาพใส่บอกเซอร์ตัวเดียวไม่ห่มผ้า มือเล็ก ๆ จิ้มไปที่จมูกโด่งเป็นสันสวยของเขาและเลื่อนลงมาหาปาก แล้วใช้นิ้วเล็ก ๆ แหย่เข้าไปในปากคนหลับจนเขาสะดุ้งเผลองับนิ้วเธออย่างแรง ทำให้เด็กน้อยตกใจร้องไห้จ้าขึ้นมาทันที...
"แง้...แม่!" เสียงเล็ก ๆ แต่แสบหูปลุกคนเมาค้างให้ดีดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อม ๆ กับเสียงเคาะประตูรัว ๆ อยู่หน้าห้อง
"ชู่ว์...อย่าร้อง มานี่มาเดี๋ยวพาไปกินข้าว" เสียงทุ้มอบอุ่นบอกพร้อมกับช้อนร่างเล็ก ๆ มาอุ้มอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ในขณะที่หน้าห้องยังเคาะประตูไม่หยุด ยิ่งทำให้เด็กน้อยตกใจหนักรีบลุกขึ้นมาสวมกอดคอชายหนุ่มไว้แน่น ขายาวก้าวลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูทันทีด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก
"มึงจะเคาะรัวทำสากกะเบืออะไรวะ ไอ้ดอน มึงเห็นมั้ยเนี่ย เด็กตกใจหมดแล้วเนี่ย" เปิดประตูเจอหน้าคนเคาะก็ด่าสาดไปเลยทันที
"นายน้อยขา ส่งเด็กมาให้ป้าแก้วนะคะ นายจะได้นอนต่อ" ป้าแก้วรีบเดินแทรกเข้ามาแล้วอ้าแขนรับเด็กจากมือใหญ่
"แม่...อึ๊" เด็กน้อยรีบวาดแขนหาป้าแก้วแล้วบอกจุดประสงค์ของตัวเองตอนเช้าทันที
"อึ๊เหรอลูก ไปค่ะป้าแก้วพาหนูอึ๊นะคะ นายน้อยนอนต่อเถอะค่ะเดี๋ยวค่อยคุยกัน" คุยกับเด็กน้อยแล้วหันไปบอกชายหนุ่มที่ตอนนี้ยืนหลับตาพิงประตูอยู่อย่างหมดสภาพ
"มีกระดาษอยู่เดี๋ยวผมอาบน้ำเสร็จแล้วจะเอาลงไป" "อึ๊!" เสียงหนุ่มบอกพร้อมกับเสียงเล็ก ๆ สวนขึ้นหันมาจ้องหน้าคนที่เธอตื่นมาเจอเป็นคนแรกแล้วชี้นิ้วเล็ก ๆ ใส่ก่อนจะวาดแขนเข้าหาเหมือนอยากให้เขาพาเธอไปเข้าห้องน้ำยังไงยังงั้น
"อึ๊ เนาะลูกไปค่ะป้าแก้วพาไปอึ๊ค่ะ" ป้าแก้วว่าพรางหันหลังให้จะเดินออกจากหน้าห้อง แต่...
"แม่...แง้!!" เด็กน้อยเบะปากร้องไห้จ้า พร้อมกับชี้นิ้วเล็ก ๆ ไปหาชายหนุ่ม ป้าแก้วมองตามมือแล้วมองหน้าเจ้าของห้องยิ้ม ๆ
"ป้าว่านายน้อยต้องพาเธอเข้าห้องน้ำแล้วล่ะค่ะ"
"ทำไม่เป็นหรอก ป้าพาไปเข้าห้องน้ำผมก็ได้" ชายหนุ่มว่าพรางเดินเกาหัวเข้าห้องตัวเอง ป้าแก้วรีบพาเด็กน้อยเดินเข้าห้องน้ำเมื่อรู้สึกถึงอะไรอุ่น ๆ ที่ก้นเด็กแล้วถอดผ้าอ้อมสำเร็จรูปออกนำเธอไปนั่งที่ชักโครกให้เด็กน้อยขับถ่ายเรียบร้อยแล้วพาไปล่างหน้าล้างตาก่อนจะอุ้มออกมาจากห้องน้ำ เจอกับผู้ติดตาม 2 หนุ่มยืนรออยู่หน้าประตูส่วนเจ้าของห้องฟุบหลับบนเตียงไปอีกรอบ
"แม่..." เสียงเล็ก ๆ ว่าพรางชี้ไปที่คนหลับแล้วเบะปากทำท่าจะร้องไห้
"ไม่ร้องลูก เดี๋ยวป้าแก้วพาไปหม่ำ ๆ นะคะ" ว่าพรางโยกตัวเด็กเบา ๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องแล้วพยักหน้าเรียก 2 ผู้ติดตามให้เดินตามลงไปข้างล่าง
"เด็กตัวแค่นี้ใครใจดำเอามาทิ้งกัน ดูสิน่ารักน่าเอ็นดู ผิวพรรณรึก็ดี จะถึง 2 ขวบหรือยังเนี่ย เฮ้อ..." ป้าแก้วว่าพรางถอนหายใจเมื่อฟังคำบอกเล่าจากปากของดอนถึงที่มาของเด็กน้อยที่เจ้านายหนุ่มอุ้มกลับบ้านมาเมื่อคืน
"แม่" เสียงเล็ก ๆ ว่าพรางเงยหน้าขึ้นมองหน้าป้าแก้วเบะปากเตรียมจะร้องไห้ ก่อนจะเหลือบไปเห็นเจ้าของบ้านเดินถือกระดาษลงมาจากด้านในสภาพสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ ผมด้านหน้าที่ตกลงมาถูกเสยขึ้นลวก ๆ "แม่" ว่าพรางอ้าแขน ยิ้มโชว์ฟันซี่เล็ก ที่มีโจ๊กติดอยู่หันไปทางชายหนุ่ม
"เออ...อยู่เป็นด้วยว่ะ กับเราทำไมไม่ให้อุ้มวะ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว กับนายเรียกแม่ว่ะเฮ้ย" ไคว่าพรางเกาหัวแกรก ๆ
"อ่ะ ป้าแก้ว กระดาษพวกนี้มันมากับเด็กนี่ ป้าดูสิมันคืออะไร" ชายหนุ่มว่าพรางยื่นกระดาษที่เหมือนเอกสารราชการ 3 แผ่นและเป็นกระดาษสมุดอีก 1 แผ่นพร้อมกับสมุดบัญชีให้ป้าแก้ว
"นี่มันใบมรณบัตรนี่" ป้าแก้วว่าพรางมองหน้าผู้เป็นนายอึ้ง ๆ ก่อนจะก้มลงดูที่เหลือ "ใบสูติบัตร ใบรังรองแพทย์ มีจดหมายด้วยค่ะนายน้อย" ป้าแก้วว่าอย่างตกใจก่อนจะร้องหาแม่บ้านให้หาแว่นตามาให้
"แล้วไอ้บัตร ๆ นี่มันอะไรครับป้า ผมรู้จักแต่ใบรับรองแพทย์" ดอนว่าพรางมองหน้าป้าแก้ว
"เฮ้อ...ป้าล่ะเบื่อเด็กไทยไม่ได้ภาษาไทยอย่างแก 2 คนนี่จริง ๆ นายใหญ่นะนายใหญ่ น่าจะส่งเรียนโรงเรียนวัดไม่น่าส่งเรียนนอกเลย กลับมาอยู่ไทยอะไรก็อ่านไม่ออก" ป้าแก้วว่าพรางถอนหายใจกับ 2 ผู้ติดตามที่นายใหญ่รับไปอุปการะตั้งแต่เด็กและส่งเสียให้เรียนโรงเรียนที่อังกฤษกับลูกชายเพื่อจะได้ดูแลลูกชายของตัวเอง และตอนนี้ทั้ง 2 ก็ยังเรียนปริญญาตรีอยู่ที่ต่างประเทศในระบบออนไลน์ ในขณะที่ลูกชายของท่านมาเรียนที่ไทยและเพิ่งจบการศึกษาในหลักสูตรปริญญาตรีที่เขาใช้เวลาเรียนแค่ 3 ปีเท่านั้น และมีแพลนจะกลับไปเรียนต่อที่บ้านเกิดในเดือนหน้า
"ใบมรณบัตร คือใบแจ้งการตาย ใบสูติบัตรคือแจ้งการเกิด ใบตายนี่ชื่อ นายมานพ บุญนำพา สาเหตุอุบัติเหตุ เพิ่งเสียเมื่อ 6 เดือนที่แล้วนี่เองค่ะนายน้อย ส่วนใบเกิดนี่ชื่อ ดญ. นฤดี บุญนำพา เกิดวันที่ 28 กันยายน..." เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ป้าแก้วก็เงยหน้าสบตากับชายหนุ่มอึ้ง ๆ เพราะวันเดือนที่ว่าเป็นวันเดือนเดียวกับวันเกิดของมาเฟียสนั่นเอง
"อ่านต่อสิ..." เสีบงทุ้มเอ่ยบอกพร้อมกับมองหน้าเด็กน้อย *งั้นผู้ชายที่ชื่อ มานพ คงเป็นพ่อไอ้ตัวเล็กนี่สินะ...*ชายหนุ่มคิดในใจ แล้วมองหน้าเด็กสายตาอ่อนแสงลงอย่างเห็นได้ชัด
"ใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลกลางเมืองค่ะนาย ระบุชื่อ นางวันฤดี บุญนำพา อายุ 28 ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะสุดท้ายค่ะ เดี๋ยวป้าอ่านจดหมายเลยนะคะ" ป้าแก้วว่าเสียงสั่นค่อย ๆ คลี่กระดาษจดหมายออกด้วยมืออันสั่นเทา ก่อนจะมองหน้าผู้เป็นนายแล้วถอนหายใจแรง ๆ
กราบขอบพระคุณท่านที่เจอจดหมายฉบับนี้และลูกสาวของดิฉัน
ดิฉันชื่อ นางวันฤดี บุญนำพา เด็กน้อยคนนี้เธอชื่อ เด็กหญิงนฤดี บุญนำพา หรือ น้องหนูดี ค่ะ พ่อของเธอเสียชีวิตเมื่อ 6 เดือนก่อนจากอุบัติขณะทำงาน ดิฉันป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายไม่อาจอยู่ดูแลลูกสาวได้อีก ดิฉันอยากกราบวอนขอผู้ใจบุญช่วยดูแลลูกสาวดิฉันให้เติบโตต่อไปในภายภาคหน้า ให้เธอเป็นเด็กดีและมีความสุข แต่หากท่านไม่สะดวกรบกวนส่งเธอไปที่สถานสงเคราะห์ให้ด้วยเถิดนะคะ เพราะดิฉันไม่สามารถจะไปถึงได้ ในกระเป๋ามีเงินพอที่จะส่งเธอไปที่นั่นได้ค่ะ ดิฉันและพ่อของเธอเป็นเด็กกำพร้าจากสถานสงเคราะห์เราโตมาด้วยกันค่ะจึงไม่มีญาติให้พึ่งพิงที่ไหน และเงินในบัญชีเป็นเงินประกันชีวิตที่ทางบริษัทชดเชยให้กับพ่อของเธอค่ะ ฝากจัดการเป็นค่าเล่าเรียนของเธอในอนาคตด้วยนะคะ
จึงขอกราบรบกวนท่านผู้ใจบุญมา ณ ตรงนี้
ปล. น้องยังไม่ถึง 3 ขวบแต่ไม่ได้ดื่มนมแล้วค่ะ น้องพูดช้าเพราะดิฉันอยู่โรงพยาบาลเป็นส่วนใหญ่
แม่ลาก่อนนะลูกรัก ชาติหน้ามีจริงขอให้แม่มีวาสนาได้อยู่ดูลูกจนเติบโต ชาตินี้แม่มีบุญมาเท่านี้ ขอให้ลูกของแม่เป็นเด็กดี เป็นที่รักที่เมตตากับผู้พบเห็นทุกท่านตลอดไปนะลูก
นางวันฤดี บุญนำพา
ทันทีที่ป้าแก้วอ่านจบแล้วเงยหน้าขึ้นสบกับชายหนุ่มน้ำตาเอ่อคลอ มองเด็กน้องที่กำลังนั่งตักโจ๊กเข้าปากตัวเองอย่างแสนสงสารแล้วยกมือขึ้นลูบผมเธอเบา ๆ
"โธ่ ลูกเอ๊ย ตัวแค่นี้ทำไมอาภัพนักนะ" เสียงป้าแก้วปนสะอื้น
"ป้าโรงพยาบาลกลางเมืองอยู่ 2 ป้ายรถเมล์นี่เอง เราไปหาแม่ของน้องได้นะ" นิดเด็กในบ้านและเป็นหลานสาวป้าแก้วว่าขึ้นอย่างนึกได้
"ใช่! จริงด้วย นายน้อยงั้นเราจะพาเด็กไปหาแม่ของเธอนะคะ" ป้าแก้วกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
"เดี๋ยวไปพร้อมกัน ผมอาบน้ำแป๊บเดียว ไค ดอน แก 2 คนไปก่อนตอนนี้เลย" มาเฟียสว่าพรางออกคำสั่งกับ 2 ผู้ติดตามแล้วหันหลังเดินขึ้นบันได้ไปทันที ....