Episode 5 ตอน เหมือนตายทั้งเป็น
Episode 5
ตอน เหมือนตายทั้งเป็น
“นี่น่ะเหรอ น้องชายของคุณ” พิมมาดาเอ่ยถามเมื่อเห็นรามสูรท่าทางสงบกว่าปกติ เขาดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
“หึ! พอจะจำได้ขึ้นมาแล้วหรือไง” แม้จะงุนงงต่พิมมาดาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอรู้ดีว่าเธอไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับน้องชายของเขา แล้วมันเกี่ยวกับสามภพและเธอยังไง
“ฉันเสียใจด้วยที่น้องชายนายต้องมาอยู่ในสภาพนี้ แต่มันไม่ใช่เหตุผลที่นายจะใช้มันทำร้ายฉัน” พิมมาดาพูดในสิ่งที่ตัวเองรู้สึกออกมา ต่อให้สามภพเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริง ๆ แต่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยสักนิด
“เธอน่ะเกี่ยวกับเรื่องนี้มากที่สุดเลย” รามสูรแค่นหัวเราะ
“ต่อให้สามภพจะเกี่ยวกับเรื่องนี้จริง แต่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน เพราะฉันไม่ใช่แฟนของสามภพ!” พิมมาดายังคงยืนยันคำเดิม
“จะใช่หรือไม่ใช่มันก็ไม่จำเป็นอีกแล้ว แค่พวกมันวิ่งพล่านเป็นหนูติดจั่น กำลังตีกันเองฉันก็สะใจมากพอแล้ว”
“ถ้าเป็นเรื่องแข่งรถ ทำไมนายไม่โทษตัวเองล่ะที่ห้ามน้องชายตัวเองไม่ได้” พิมมาดาเริ่มพอจะนึกออก เธอเคยได้ยินคามินเล่าให้ฟังว่าสามภพทำให้คู่แข่งเกิดอุบัติเหตุ แต่เธอไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องเดียวกัน “นายเอาแต่โทษคนอื่น ลืมไปหรือเปล่าว่าตัวเองก็มีส่วนผิดเหมือนกัน!”
“แค่ถูกฉันแตกในใส่ครั้งเดียว ปีกกล้าขาแข็งขึ้นมากเลยนะ พิมมาดา” รามสูรผลักให้พิมมาดาชนเข้ากับขอบเตียง ก่อนจะกระชากเสื้อของเธอออก ทำเอาลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้นต้องก้มหน้าหนี
“จะทำอะไร นายบ้าไปแล้วหรือไง!”
“ก็แค่อยากจะรู้ว่าคนอย่างเธอจะทำปากดีไปได้อีกสักกี่น้ำ”
“ฉันก็แค่พูดความจริง และนายก็แค่ยอมรับความจริงไม่ได้” พิมมาดาเถียงสุดชีวิต เมื่อถูกคนตัวโตตามเข้ามาแนบชิด “อย่าเข้ามานะ”
“กลัวอะไรล่ะ เธอมันเก่งแค่ปากนี่เอง” ชายหนุ่มใช้ความเป็นชายที่ดุนดันกางเกงออกมาแนบชิดไปกับบั้นท้ายงอนงามของพิมมาดา
เธอทั้งอาย ทั้งรังเกียจตัวเอง ที่ต้องตกเป็นเครื่องมือแก้แค้น ให้กับปีศาจอย่างรามสูร
“อย่าทำแบบนี้เลยนะ” คนตัวเล็กพูดเสียงสั่น ในจังหวะที่รามสูรถกกระโปรงเธอขึ้น ภาพเมื่อคืนก็ฉายเข้ามาในหัวของเธออีกครั้ง
“ทำไม? อายหรือไง?” เขายังกล้าถามคำถามที่คำตอบมันก็ชัดเจนอยู่แล้วกับพิมมาดาอยู่อีก
พิมมาดาไม่ตอบอะไร เพียงแต่ปล่อยให้น้ำตาไหลร่วงลงมา เมื่อไหร่เธอจะหลุดพ้นจากขุมนรกนี้สักที เธอเป็นเหมือนลูกไก่ในกำมือของเขา จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด ไม่สามารถสู้หรือปกป้องตัวเองจากการโดนทำร้ายได้เลย
รามสูรยกยิ้มอย่างผู้ชนะเมื่อเห็นว่าพิมมาดานิ่งไป ไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเขาอีก
“ไอ้แสนดี เอานังนี่ออกไปขังไว้ที่ห้องใต้ดิน อย่าปล่อยให้หลุดออกมาเด็ดขาด” ชายหนุ่มหันไปสั่งกับลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งแสนดีก็ทำตามคำสั่งทันทีโดยการพาพิมมาดาออกไป
พิมมาดาก้มหน้าเดิมตามลูกน้องของรามสูรออกไปเงียบ ๆ พลางติดกระดุมเสื้อของตัวเองไปด้วย เธออับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว
“คุณโอเคใช่ไหม” แสนดีเอ่ยถามอีกคนที่ดูตัวสั่นจนน่าเป็นห่วง
“ทำไมเขาไม่ฆ่าฉันให้มันจบ ๆ ไปเลยล่ะ” พิมมาดาพูดออกมาเหมือนคนที่ไร้ความรู้สึก
“จริง ๆ แล้วคุณรามไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกครับ เพียงแค่ตอนนี้คุณลักษณ์ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้น คุณท่านทั้งสองคนสภาพจิตใจย่ำแย่ คุณหญิงก็มาล้มป่วยอีก คุณรามต้องเป็นคนที่รับผิดชอบทุกอย่าง มันก็เลย…”
“เอาความแค้น เอาความเครียดทั้งหมดมาลงกับฉันที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยงั้นเหรอ? ฉันทำผิดอะไรเหรอ?” พิมมาดาเงยหน้าขึ้นมาทั้งดวงตายังแดงก่ำ เธอพอจะเข้าใจคำว่าร้องไห้จนไม่มีน้ำตาแล้ว
“คุณไม่ผิดอะไรหรอกครับ ผมแนะนำให้คุณเชื่อฟังคุณรามจะดีกว่า นี่ครับห้องของคุณ
“ผมขออนุญาตล็อกห้องนะครับ” แสนดีผลักคนตัวเล็กเข้าไปในห้องเบา ๆ ก่อนจะล็อกประตูทันทีตามคำสั่งของรามสูร
Pimmada’s Part.
เป็นเวลานานเท่าไรไม่รู้ที่ฉันนอนอยู่บนเตียงเงียบ ๆ รู้สึกว่าตัวเองมีไข้แต่ไม่ได้ขวนขวายอยากจะหายามากิน ฉันอยากตายไปให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่พระเจ้าก็ยังคงใจร้ายกับฉันอยู่อย่างนั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ฉันไม่ได้สนใจเสียงเคาะประตูนั่น เปลือกตาที่หนักอึ้งทำให้ฉันไร้สติและเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นไปสนใจดูว่าใครมา ฉันได้แต่นอนซุกตัวอยู่ในผ้านวมผืนหนาที่พอจะปกป้องฉันจากไอเย็นของเครื่องปรับอากาศได้
“ป้าขออนุญาตเข้าไปนะคะ” เสียงของป้านวลดังขึ้นมา ทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจ ดีที่ไม่ใช่ไอ้สารเลวนั่น ไม่อย่างนั้นฉันคงจะกลั้นหายใจให้ตายไปเลย “ป้าเห็นว่าคุณพิมยังไม่ได้ทานอะไรเลย ก็เลยเอาอาหารมาให้ ลุกขึ้นมาทานหน่อยนะคะ”
ฉันรับรู้และได้ยินทุกอย่างที่ป้านวลพูด แต่ร่างกายของฉันมันไม่ตอบสนองอะไรอีกแล้ว
“แสนดี! แสนดี!! คุณพิมหมดสติไปแล้ว ช่วยมาดูที” ฉันได้ยินเสียงป้านวลดังลั่นไปหมด สักพักก็ได้ยินเสียงคนวิ่งเข้ามาในห้อง ฉันรับรู้ได้ว่าตาของฉันมันเหลือกขึ้นจนมองแทบไม่เห็นอะไร ฉันกำลังจะตายหรือเปล่านะ…
ฉันลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความสว่างไสวภายในห้อง กลิ่นของน้ำยาทำความสะอาดพื้นของโรงพยาบาลทำให้ฉันรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน สายน้ำเกลือถูกเจาะไว้กับหลังมือของฉัน เสียงคนคุยกันเป็นภาษาจีนดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ หากฉันจำไม่ผิด คงจะเป็นเสียงของแสนดี
“คุณพิม! คุณพิมฟื้นแล้ว” ป้านวลที่คงจะนั่งสังเกตฉันมาตลอด คงจะเห็นว่าฉันลืมตาและเริ่มขยับตัวแล้ว ทันทีท่ที่ฉันสบตากับเธอ เธอก็รีบตรงเข้ามาหาฉันทันที
“น้ำ…ขอน้ำหน่อย” เพราะพิษไข้ทำให้ฉันตื่นมาพร้อมคอที่แห้งผาก ป้านวลรีบเทน้ำใส่แก้วแล้วป้อนฉันทันที
“คุณพิมไข้ขึ้นสูงมาก ป้ากับแสนดีเลยพามาโรงพยาบาล” ป้านวลเริ่มอธิบายทั้ง ๆ ที่ฉันยังไม่ได้ถาม “คุณรามติดประชุม ไม่ได้มาด้วย สบายใจได้จ้ะ”
ป้านวลบอกต่ออีกเมื่อเห็นฉันกวาดสายตาไปด้านหลัง ฉันรู้สึกโล่งใจทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น ทุกคนรอบตัวเขาดูเป็นคนดีกันหมด แต่ทำไมนะ ทำไมเขาถึงเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้
“ป้านวลน่าจะปล่อยให้หนูตาย ๆ ไปซะ หนูไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว” ฉันพูดออกมาพร้อมหยดน้ำตาที่แสดงถึงความอ่อนแอ ฉันอ่อนแอมากจริง ๆ
“โถ…ไม่ร้องนะคะ เดี๋ยวคุณหญิงกลับมาป้าจะช่วยพูดให้นะคะ ไม่ร้องแล้วนะคะ” ป้านวลพยายามจะปลอบฉัน แต่เชื่อเถอะว่าเวลาเราได้รับความปรารถนาดีจากใครสักคนในวันที่ตัวเองมาถึงจุดที่ย่ำแย่ที่สุด มันก็ยิ่งทำให้เสียใจหนักเข้าไปอีก ฉันร้องไห้สะอึกสะอื้นแบบไม่สนใจอะไรอีก
“ฝากดูคุณพิมด้วยนะป้า ผมต้องไปทำเรื่องออก คุณรามสั่งให้พาคุณพิมกลับตอนนี้เลย” ฉันเม้มริมฝีปากแน่นทั้งสะอื้นไห้อยู่อย่างนั้น ยอมรับเลยว่าเกิดมายี่สิบกว่าปี ฉันไม่เคยเจอใครที่ใจดำและจิตใจไร้ความเมตตาอย่างรามสูรมาก่อนเลย
“อืม ไปเถอะ” ป้านวลเอ่ยบอก หลังจากที่แสนดีออกไปแล้ว ป้านวลก็นั่งปอกผลไม้ ให้ฉันไปพลาง ๆ ระหว่างนั้น ฉันก็นึกอะไรบางอย่างออก ตอนที่อยู่ในโรงพยาบาล มันเป็นโอกาสเดียวที่ฉันจะหนีรอดออกไปได้ และเหมือนพระเจ้าจะเริ่มเห็นใจฉันบ้าง พยาบาลคนหนึ่งก็เดินเข็นรถอุปกรณ์วัดไข้เข้ามา ก่อนจะพาฉันไปยังห้องตรวจภายในอีกที
“Sorry…can you speak English?” ฉันเอ่ยถามพยาบาลด้วยภาษาอังกฤษ
“Yes what’s wrong with you?” พยาบาลก้มหน้าลงมาถามฉันด้วยเสียงที่แผ่วเบา เธอคงเห็นความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นกับฉัน
“I have something to tell you but…not now” ฉันกำมือแน่นขณะที่พยาบาลคนนั้นเข็นฉันออกมานอกห้องพักผู้ป่วยเพื่อที่จะพาไปห้องตรวจภายใน เธอพยายามถามฉันว่ามันเกิดอะไรขึ้น มีใครทำร้ายฉันหรือเปล่า แต่ฉันก็ได้แค่บอกให้เธอทิ้งฉันไว้ตรงนี้ ฉันจะหาวิธีของฉันเอง
และขอบคุณที่เธอเข้าใจ…พยาบาลเข็นฉันไปหลบที่มุมหนึ่งของตึก เธอมีท่าทีลังเลหนิดหน่อย แต่ก็ยอมเดินออกไป