Episode 4 ตอน อสูรร้ายในร่างคน
Episode 4
ตอน อสูรร้ายในร่างคน
(มีรูปประกอบที่ไม่เหมาะสม ผู้อ่านควรมีอายุมากกว่า 18 ปีบริบูรณ์และควรอ่านตามลำพัง)
......................
......................
......................
ร่างกายชาไปทั่วทั้งร่าง แต่ฉันรู้สึกได้ว่าขาของฉันถูกแยกออกจากกัน รามสูรโถมตัวเข้ามา ก่อนจะออกแรงกระแทกจนฉันรู้สึกเจ็บ..
พิมมาดานอนตัวแข็งทื่อเมื่อถูกความใหญ่โตกระแทกเข้าไปจนปากทางอ้าออก รามสูรไม่ได้สนใจน้ำตาและเสียงกรีดร้องนั้นเลยแม้แต่น้อย เขาอัดกระแทกความเป็นชายเข้าไปอีกจนสุดโคน ส่งผลให้รูสวาทฉีกขาดออกจากกัน หยดเลือดสีเข้มไหลหยดลงบนผ้าปูเตียงสีดำสนิท
“อ่าส์…” รามสูรเงยหน้าขึ้นคำรามอย่างพึงพอใจ แม้จะปวดหนึบที่แกนกลางของร่างกายเพราะถูกบีบรัดแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาเสียอารมณ์จนต้องชักมันออก
“เอามันออกไป” พิมมาดาพูดเสียงสั่น เธอสะอื้นไห้จนตัวโยน ผู้ชายคนนี้เป็นใครถึงได้กล้าทำกับเธอแบบนี้ คามินที่เป็นคนรักของเธอยังไม่เคยแม้แต่จะหยามเกียรติเธอแบบนี้เลย
รามสูรขยับสะโพกเข้าออกรัวเร็ว ไม่รอให้อีกคนได้ปรับตัว ทำเอาพิมมาดากรีดร้องจนดังลั่นไปทั้งห้อง
“ฮึก! ฮือ ฉันเจ็บ! กรี๊ดดดดด!!”
มีเพียงเขาคนเดียวที่กำลังมีความสุข ชายหนุ่มสะบัดความเป็นชายเข้าออกรูสวาทอยู่อย่างนั้น
“ของไอ้พวกนั้นมันคงเล็กมากสินะ ถึงไม่ได้ทำให้รูเธอหลวมเลย หรือพวกมันแค่ชักว่าวใส่เธอกันล่ะ” รามสูรพ่นคำหยาบคายออกมาจนพิมมาดาหลับตาปี๋ เธอไม่อยากรับฟังหรือรับรู้อะไรอีกแล้ว
“ฉันไม่ไหวแล้ว” พิมมาดาใช้แรงที่เหลือบอกกับอีกคน ก่อนที่สติทั้งหมดของเธอจะดับวูบลง ใบหน้าสวยแนบสนิทไปกับเตียงนอน แต่ร่างกายยังคงสั่นคลอนเป็นจังหวะเพราะแรงกระแทกที่กำลังรังแกของสงวนของเธอ ฝ่ามือหนาบีบต้นคออีกฝ่ายแน่นขณะที่กำลังไต่ขึ้นสู่จุดสุดยอดนั้น..
รามสูรกระแทกเน้น ๆ อีกสองสามครั้ง ก่อนจะปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นเข้าไปในตัวของพิมมาดาจนหมดทุกหยด
เขาหอบหายใจถี่ยิบ ก่อนจะผละออก ปล่อยให้น้ำกามผสมกับเลือดไหลย้อนออกมาจนเลอะผ้าปูที่นอน
ไม่มีแม้แต่การหันไปดูร่างบางที่นอนสลบไสลอยู่บนเตียง รามสูรหันหลังเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว ทิ้งให้พิมมาดาจมอยู่กับตราบาปที่เขาเพิ่งมอบให้อยู่ตรงนั้น ตราบาปที่มันจะติดตัวเธอไปตลอดชีวิต…
เปลือกตาที่แดงก่ำเพราะบอบช้ำจากการร้องไห้ค่อย ๆ เปิดขึ้นหลังจากที่พิมมาดาสลบไปเกือบครึ่งค่อนวัน ความเย็นจากผ้าขนหนูชุบน้ำถูกลูบไล้ไปตามท่อนแขนเรียวเล็ก เธอหดคอเล็กน้อยเมื่อใครบางคนกำลังจะใช้ผ้านั้นเช็ดที่ซอกคอของเธอ
“คุณฟื้นแล้วเหรอคะ” เสียงของหญิงวัยกลางคนปลุกให้คนที่ยังคงไม่ค่อยจะมีสติดีให้ตื่นขึ้น พิมมาดาผวาลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะดึงผ้าห่มมาป้องกันตัว
“ออกไปนะ! อย่าทำฉัน ฮึก! ออกไป!!” หญิงสาวตะโกนดังลั่น เธอยังมองเห็นไม่ชัดด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้าคือใคร แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ที่นี่ ก็ล้วนเป็นคนของรามสูรทั้งนั้น
“ใจเย็น ๆ นะหนู ป้าชื่อป้านวล เป็นแม่บ้านของที่นี่” หญิงวัยกลางคนแนะนำตัว เมื่อเห็นว่าเด็กสาวสติแตก
“ฮือ…ช่วยหนูที ช่วยหนูออกไปจากที่นี่ที” แม้จะเจ็บแสบตรงส่วนนั้น แต่พิมมาดาก็ทุลักทุเลลงไปคุกเข่าลงกับพื้น พร้อมกับไหว้ขอร้องอ้อนวอนให้คนที่อาจจะช่วยเธอได้
“โถ่ลูก…” ป้านวลเองก็แทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอดึงเด็กสาวร่างเล็กมากอดปลอบ หากเธอช่วยได้คงช่วยไปแล้ว “ป้าไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าคุณรามจะทำร้ายผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ได้ลงคอ”
ป้านวลประคองให้พิมมาดาขึ้นไปนั่งบนเตียง นี่ไม่ใช่ห้องของรามสูร มันเล็กกว่าและเป็นห้องที่ปิดทึบ ไม่มีหน้าต่าง มีเพียงแค่ประตูบานเดียวที่สามารถล็อกจากด้านนอกได้เท่านั้น
“ช่วยหนูเถอะนะคะ หนูอยากกลับบ้าน อึก! ถ้าป้าช่วยหนู หนูจะไม่ลืมบุญคุณ…”
ปัง!!
ยังไม่ทันที่พิมมาดาจะได้พูดจบ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงของผู้ชายคนนั้น คนที่ทำร้ายเธอเมื่อคืน
“ทำความสะอาดเสร็จหรือยัง” รามสูรปรายตามองไปที่ร่างบางที่นั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง เขาพูดเหมือนพิมมาดาเป็นสิ่งของที่ต้องใช้แม่บ้านเข้ามาเก็บกวาดหลังใช้งานเสร็จ
“คุณราม! พูดกับเธอดี ๆ หน่อยสิคะ”
“ป้ามีสิทธิ์มาสั่งตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำงานเสร็จก็ออกไปได้แล้ว” รามสูรพูดเสียงเรียบ ทำเอาแม่บ้านส่ายหัวด้วยความเอือมระอา
“ป้าไปก่อนนะหนู เดี๋ยวป้าจะเอาข้าวเย็นมาให้อีกที” ป้านวลหันไปมองเด็กสาวด้วยความเห็นใจ
“หนูขอไปด้วยค่ะ” พิมมาดาลุกขึ้นวิ่งตามป้านวลออกไป แต่วิ่งไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ขาที่อ่อนแรงก็ทำให้เธอล้มทรุดลงไป สร้างความตกใจให้ป้านวลไม่น้อย
“ตายแล้ว! เจ็บตรงไหนไหมลูก โถ่เอ้ย! ดูสิคุณราม เพราะคุณแท้ๆ เลย” ป้านวลหันไปต่อว่ารามสูรที่ยืนกอดอกอยู่ใกล้ ๆ
“สำออย” เขาพูดสั้น ๆ ก่อนจะส่งสายตาให้แม่บ้านคนสนิทออกไป ซึ่งป้านวลก็จำใจต้องออกไปเพราะไม่ได้มีอำนาจต่อล้อต่อเถียงกับเจ้านายขนาดนั้น
“อย่ามายุ่งกับฉัน” พิมมาดาเอ่ยบอกคนที่กำลังจับข้อมือของเธอ ก่อนจะกระชากให้ลุกขึ้น “โอ๊ย! ปล่อยนะ อย่ามาแตะต้องตัวฉัน”
“แต่เมื่อคืนฉันแตะต้องไปซะเยอะเลยสิ” คนตัวสูงยกยิ้ม
“ฉันทำบุญให้หมาจรจัดข้างถนนเยอะกว่านี้อีก แค่นี่ฉันไม่นับหรอก” แม่จะเจ็บปวดกับถ้อยคำที่เขาตอกย้ำ แต่พิมมาดาก็ต้องทำเหมือนเธอไม่ได้รู้สึกเสียใจที่ถูกข่มเหง ไม่อยากให้เขารู้สึกว่าเขาทำร้ายเธอสำเร็จ
“เหอะ ทำเก่งไปเถอะ” รามสูรแค่นหัวเราะ ผู้หญิงคนนี้ดูง่ายจะตายไป แค่มองตาก็รู้แล้วว่าเธอรู้สึกยังไง
“ถ้านายคิดจะแก้แค้น ก็เอาปืนมายิงฉันให้มันจบ ๆ ไปเลยสิ” พิมมาดาปล่อยให้น้ำตาร่วงผล็อยลงมาอีกรอบ เธอเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะยกหลังมือปาดน้ำตาออกลวก ๆ
“นึกว่าฉันไม่กล้าหรือไง” เขาเดินเข้ามาใกล้ร่างบางมากขึ้น ก่อนจะเชยคางมนให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน
“งั้นก็ฆ่าฉันเลยสิ ฆ่าเลย…มันจะได้สมใจคนอย่างนาย”
“แค่ถูกฉันเอา ถึงกับอยากตายเลยหรือไง” รามสูรโคตรจะเบื่อผู้หญิงที่เอะอะก็บีบน้ำตา เอะอะก็ร้องห่มร้องไห้ มือหนาจึงผลักอีกคนจนเธอล้มลงไปที่พื้น
“อึก! ใช่ มันน่าขยะแขยงจนฉันรับตัวเองไม่ได้ และฉันจะจำเอาไว้ว่านายทำอะไรฉันไว้บ้าง จะจำไปถึงชาติหน้าเลย!!” พิมมาดาเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับใช้ดวงตาแดงก่ำจ้องไปที่รามสูรเขม็ง
“ก็ดี งั้นก็จำไว้ด้วย ว่าน้องชายของฉันต้องเจอกับอะไรบ้าง เธอยังถือว่าชดใช้ยังไม่ถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ!” รามสูรขึ้นเสียงกลับ “มานี่!” ร่างสูงออกแรงกระชากให้คนตัวเล็กเดินตาม แข้งขาที่ไร้เรี่ยวแรงเกือบทำให้พิมมาดาลงไปกองกับพื้นอยู่หลายครั้ง
“ปล่อย!” หญิงสาวพยายามสะบัดมือออกจากการเกาะกุม
“อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย เมื่อคืนเธอก็เสร็จจนขึ้นสวรรค์เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” รามสูรยกยิ้ม ยิ่งเห็นอย่างนั้นพิมมาดาก็ยิ่งอยากจะร้องไห้ เมื่อไหร่นะ เมื่อไหร่ที่เวรกรรมจะตามทันเขาสักที
“สำหรับฉันมันคือนรก!” พิมมาดาพูดเสียงแข็ง
“งั้นเธอคงอยากตกนรกอีกรอบสินะ” ไม่เพียงแค่คำพูด รามสูรกระชากร่างบางให้เข้าไปประชิดแนบอกแกร่ง ก่อนจะกดจบลงบนริมฝีปากเล็กท่ามกลางสายตาของลูกน้องนับสิบคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น
“อ่อยอ๊ะ!” พิมมาดาพยายามจะเปล่งเสียงออกมาร้องท้วงการกระทำป่าเถื่อนของเขา แต่กลับกลายเป็นว่าเสียงมันอู้อี้จนฟังไม่รู้เรื่อง
ปึก!
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วทั้งโพรงปาก เมื่อรามสูรจงใจขบกัดริมฝีปากของอีกคนจนเลือดไหลซึมออกมา
“อย่าปากดี ถ้าไม่อยากโดนฉันจับแก้ผ้าตรงนี้” พิมมาดาหน้าชาไปทั้งแถบ คนอื่น ๆ ที่มองเข้ามาคงจะคิดว่าเธอไม่เหลือเกียรติ ไม่เหลือศักดิ์ศรีอีกแล้ว เธอเลือกที่จะเดินตามเขาไปโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาอีก
รามสูรเดินนำไปที่ปีกขวาของคฤหาสน์หลังโต ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก มันเป็นเหมือนห้องนอนที่ใหญ่กว่าคอนโดของพิมมาดาหลายเท่า ที่กลางห้องมีเตียงกว้าง บนเตียงมีชายหนุ่มที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับรามสูรนอนแน่นิ่งอยู่บนนั้น มีพยาบาลและแม่บ้านคอยประกบข้างซ้ายและข้างขวาของเตียง
“สวัสดีค่ะคุณรามสูร วันนี้อาการคุณลักษณ์ยังคงที่อยู่ค่ะ” พยาบาลรายงานอาการของคนป่วยตามหน้าที่ รามสูรเพียงแค่พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะปัดมือเป็นเชิงให้พยาบาลออกไป